ประเดิมเยี่ยมนช.ทักษิณ

"ผบ.เรือนจำกรุงเทพฯ"     แจงกติกาเยี่ยม "ทักษิณ" รพ.ตำรวจเผย 10 รายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าเยี่ยมครบแล้ว  เป็นคนในครอบครัวทั้งหมด "ไทยภักดี"  แถลงไล่บี้ "กองทัพบก-อัยการสูงสุด" รื้อคดีหมิ่นเบื้องสูงปี 58 พร้อมบุก "ราชทัณฑ์" ค้านขอพระราชทานอภัยโทษ

เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงความคืบหน้าการเปิดให้เข้าเยี่ยมอาการของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 28 ส.ค.ว่า ตามระเบียบนั้นก่อนที่นายทักษิณจะเข้าเรือนจำ จะต้องเขียนรายชื่อผู้ที่สามารถเข้าเยี่ยมได้ไม่เกิน 10 รายชื่อต่อวัน จากนั้นผู้ที่ประสงค์จะเข้าเยี่ยมต้องมาระบุวันที่และลงชื่อกับเจ้าหน้าที่เรือนจำไว้ก่อน เมื่อถึงวันที่ลงทะเบียนไว้ให้เดินทางมาที่เรือนจำเพื่อมาดูรายชื่อว่าสามารถเข้าเยี่ยมได้หรือไม่ โดยจำกัดผู้ที่สามารถเข้าเยี่ยมได้ไม่เกิน 10 คน ใน 1 วัน 1 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 40 นาที

นายนัสทีเปิดเผยว่า โดยวันที่ 28 ส.ค.นี้ มีรายชื่อผู้ที่ประสงค์จะเข้าเยี่ยมครบแล้ว เป็นรายชื่อบุคคลในครอบครัวทั้งสิ้น แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ สามารถเริ่มเข้าเยี่ยมได้ในเวลาราชการ ตั้งแต่ 09.00-15.00 น. หรือสามารถเยี่ยมผ่านแอปพลิเคชันไลน์ หรือวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ได้ ตามความเหมาะสมของสถานการณ์ โดยระหว่างการสนทนาทั้งแบบเจอตัวหรือผ่านกล้อง จะมีผู้คุมคอยอยู่ใกล้ๆ เสมอ

ที่ที่ทำการพรรคไทยภักดี นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี พร้อมด้วยนางอิสราพร นรินทร์ หัวหน้าพรรค แถลงข่าวเกี่ยวกับคดีความเก่าของนายทักษิณ ปี 2558 ที่กองทัพบกยื่นฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท จากกรณีเผยแพร่คำสัมภาษณ์ของนายทักษิณจากประเทศเกาหลีใต้ เกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองและการยึดอำนาจการปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ซึ่งกระทบต่อกองทัพบก โดยอัยการสูงสุดมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณ ข้อหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์

ทั้งนี้ 1.ขอให้กองทัพบกและอัยการสูงสุดในฐานะโจทก์ เร่งรัดดำเนินคดีหมิ่นประมาท และคดีความผิดมาตรา 112 กับนายทักษิณ และ 2.ขอคัดค้านการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะรายของนักโทษชายทักษิณ  เพราะเป็นเรื่องที่อาจจะระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทเบื้องบนได้ เพราะนายทักษิณเกี่ยวข้องกับคดีความ 9 คดี โดยปรากฏคดีที่ศาลยกฟ้องหรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยกคำร้องแล้ว 4 คดี และมีคดีที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วอีก 4 คดี และลงโทษจำคุกทั้งหมด 12 ปี  แต่มีบางคดีที่โทษจำคุกหมดอายุความ   รวมทั้งบางคดีถือว่าจำคุกซ้อนกันและต่อเนื่อง จึงเหลือจำคุก 8 ปี

นพ.วรงค์กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อความชัดเจน ในวันที่ 28 ส.ค. เวลาประมาณ 10.00 น. จะส่งตัวแทนของพรรคไทยภักดีเข้ายื่นเรื่องต่อกรมราชทัณฑ์ เพื่อคัดค้านการขอพระราชทานอภัยโทษ  จากนั้นเวลา 11.00 น. จะยื่นเรื่องต่อไปยัง ปอท.

ด้านนางอิสราพรกล่าวว่า คดีของนายทักษิณมีทั้งหมด 9 คดี และมีการพิพากษาของศาลแล้ว 4 คดี รวม โทษจำคุกทั้งหมด 12 ปี แต่มีบางคดีที่โทษจำคุกหมดอายุความ รวมทั้งบางคดีถือว่าจำคุกซ้อนกันและต่อเนื่อง จึงเหลือจำคุกโทษ 8 ปี ซึ่งในส่วนนี้ยังคงมีคดีที่คงค้างอยู่ในศาลอีกหนึ่งคดี นั่นคือกรณีที่กองทัพบกยื่นฟ้องนายทักษิณ โดยมีฐานความผิดหมิ่นประมาทและกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มาตรา 326 และมาตรา 328 โดยคดีมาตรา 326 และ 328 นั้น ศาลได้รับฟ้องแล้วในวันที่ 18 ส.ค.2558 และศาลอาญาออกหมายจับนายทักษิณเนื่องจากไม่มาศาล และมีการจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว ซึ่งหากได้ตัวแล้วจะขอรื้อคดีขึ้นมาใหม่ 

อย่างไรก็ตาม ยังมีคดีที่เป็นความผิดร้ายแรงอีก ที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ในการหมิ่นประมาทและดูหมิ่น ซึ่งหมายจับมีอายุความ 15 ปี ซึ่งอัยการสูงสุดมีความเห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณข้อหากระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดคอมพิวเตอร์ ซึ่งนายทักษิณได้มอบหมายให้ทนายความยื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด โดยขอให้อัยการสูงสุดมีคำสั่งทบทวนความเห็นดังกล่าวและให้มีการสอบคำให้การพยานเพิ่มเติมอีก 10 ปาก ซึ่งขณะนี้รออัยการสูงสุดสั่งการลงมา ดังนั้นจึงขอถามไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าคดีที่ยังเหลือการจำคุกอยู่จะดำเนินการอย่างไร

"อยากจะสอบถามไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคดีที่ยังคงค้างอยู่ โดยเฉพาะในส่วนของกองทัพบก ที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องหมิ่นประมาท เลยอยากให้กองทัพบกมีการเร่งรัดรื้อคดีขึ้นมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับทางอัยการสูงสุดเอง ควรจะเร่งนำคดีดังกล่าวมาพิจารณา เพราะมองว่าเป็นคดีที่สำคัญและเกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของชาติ รวมไปถึงพรรคไทยภักดี ขอคัดค้านในส่วนของการขอพระราชทานอภัยโทษเป็นการพิเศษเฉพาะรายของนายทักษิณ เพราะมองว่าต้องคำพิพากษาให้จำคุกในคดีทุจริตคอร์รัปชัน และปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในช่วงที่มีการดำรงตำแหน่งนายกฯ มากถึง 4 คดี มองเป็นการกระทำความผิดหลายกรรมหลายวาระ ประเทศชาติเองย่อมได้รับความเสียหายจากพฤติกรรมของนายทักษิณที่ไม่ยอมรับคำพิพากษาของศาล และที่สำคัญหากได้รับสิทธิ จะเป็นการสร้างความเหลื่อมล้ำ ไม่เสมอภาค เท่าเทียมกันทางกฎหมายของประชาชน ทำให้วาทกรรมที่ว่าคุกมีไว้ขังคนจนปรากฏเป็นจริงขึ้นมา" หัวหน้าพรรคไทยภักดีระบุ

เมื่อถามถึงความคิดเห็นกรณีที่สังคมมีข้อกังขาเรื่องของอาการป่วยของนายทักษิณ ที่ค่อนข้างขัดแย้งกับก่อนหน้าที่จะกลับมาประเทศไทย นพ.วรงค์กล่าวว่า ค่อนข้างเป็นกระแสสังคมที่ค่อนข้างแรง อาการป่วยและเหตุจำเป็นที่จะต้องย้ายไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ที่ค่อนข้างขัดแย้งกับช่วงที่เขากลับมา ทำให้หลายคนมองว่าเป็นเหตุการณ์ป่วยการเมืองหรือไม่ ซึ่งพรรคไทยภักดีพร้อมจะต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความจริง และให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความโปร่งใสอย่างตรงไปตรงมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่าสังคมไม่เชื่อว่านายทักษิณจะมีอาการป่วยจริง ซึ่งทางออกเดียวที่สามารถชี้แจงและกระจ่างให้สังคมไม่เกิดข้อกังขา นั่นก็คือเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์ควรจะออกมาแถลงหรือชี้แจงถึงสาเหตุการป่วย ไม่ถึงขั้นกดดันที่จะต้องให้มีภาพหรือทางสื่อมวลชนสามารถเข้าไปตรวจสอบในส่วนของอาการป่วย ถามความเห็นส่วนตัวในฐานะแพทย์ ไม่เชื่อว่าทางเจ้าตัวจะมีอาการป่วยจริง อยากให้หน่วยงานหรือรัฐบาลที่เกี่ยวข้องควรจะมีการทำอย่างตรงไปตรงมา

ส่วนท่าทีการกลับมาของนายทักษิณนั้น นพ.วรงค์กล่าวว่า ตนเองและพรรคไทยภักดียืนยันเจตนารมณ์และแสดงจุดยืนมาตั้งแต่ต้นในช่วงที่มีการหาเสียง ว่าพร้อมที่จะให้นายทักษิณกลับบ้าน พร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตอนนี้ได้เกิดขึ้นและเริ่มต้นแล้ว และหลังจากนี้จะต้องมีการดำเนินการโปร่งใส ในส่วนตัวและพรรคไทยภักดีก็รู้สึกยินดีที่ได้เห็นภาพดังกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง