เสี่ยนิดรับพร้อมต่อยอดรบ.เดิม

“เลขาฯ ยูเอ็น” การันตีไม่ปิดสำนักงานใหญ่ที่ไทย “เศรษฐา” ย้ำให้ความสำคัญสิทธิมนุษยชน ดูแลผู้ลี้ภัยเมียนมาชายแดนตามสิทธิควรได้รับ ระบุ จัดสิทธิพิเศษนักลงทุนต่างชาติตาม กม.  รับบางส่วนทำต่อยอดจากรัฐบาลเดิม  ด้าน “ก้าวไกล” จี้นายกฯ-กต. ใช้มาตรการทูตป้องกันการรุกล้ำชายแดน

เมื่อวันที่ 21 ก.ย. เวลา 15.15 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐอเมริกา ที่ชั้น 27 l  สำนักเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้หารือกับนายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการยูเอ็น ในโอกาสเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 78 (UNGA 78)

โดยเลขาธิการยูเอ็นแสดงความยินดีกับนายกฯ ที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ และชื่นชมข้อเสนอนายกฯ ที่นำเสนอได้อย่างสร้างสรรค์ในการประชุมระดับผู้นำ Climate Ambition Summit ซึ่งไทยได้รับเลือกเป็น 1 ใน 38 ประเทศ จากทั้งหมด 193 ประเทศ รวมทั้งยูเอ็นขอขอบคุณความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ไทยมีต่อยูเอ็น และยืนยันถึงการให้ความสำคัญกับไทยในฐานะเป็นที่ตั้งของสำนักงานยูเอ็นในภูมิภาค

ต่อมานายเศรษฐาให้สัมภาษณ์ถึงผลการหารือกับเลขาธิการยูเอ็นว่า ในเรื่องยูเอ็นที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศไทย  ซึ่งมีหลายเสียงออกมาเรื่องงบประมาณว่าจะมีการตัด ตนจึงขอร้องท่านขอให้ตั้งสำนักงานอยู่ที่นี่ ท่านยืนยันว่าไม่มีไอเดียที่จะปิดเลย ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ยังมียูเอ็นครบหน่วยงานอยู่ที่ไทย เพราะเป็นแหล่งงานที่สำคัญ และเป็นหน้าเป็นตาของประเทศที่เรามียูเอ็นที่เป็นออฟฟิศใหญ่ที่ถนนราชดำเนิน และคนไทยก็เป็นพนักงานที่ยูเอ็นเยอะ ตนขอร้องท่านว่าคนไทยเป็นคนมีความสามารถ ขอโอกาสให้เราแสดงฝีมือตรงนี้บ้าง เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่เราได้รับการตอบรับที่ดี

นายเศรษฐายังกล่าวถึงกรณีเลขาธิการยูเอ็นฝากเรื่องผู้ลี้ภัยชาวเมียนมาที่ประเทศไทยดูแลอยู่ด้วยหรือไม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นเพื่อนบ้านว่า   จริงๆ แล้วในอดีตท่านโตมาจากสายงานผู้ลี้ภัย ท่านเคยมาอยู่เมืองไทย และทำงานใกล้ชิด ซึ่งประเทศไทยเป็นเมืองที่ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนสูงอยู่แล้ว และเป็นที่ชื่นชมของนานาประเทศอยู่แล้ว ทั้งนี้ หน้าที่ของตนคือสานต่อเท่านั้นเอง และยึดหลักตามที่กระทรวงการต่างประเทศประสาน ย้ำว่าเราสนับสนุนให้มีการพูดคุยและเจรจากันอย่างสันติสุข ถ้าหากมีปัญหาเรื่องสิทธิมนุษยชนในแง่ของชายแดน หรือเรื่องการเข้าและออก เราช่วยดูแลตามสิทธิ์ที่ทุกคนควรจะได้ ประเทศเขาเป็นเรื่องของเขา

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้มีการพูดคุยบทบาทกับกระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ว่าปัญหาที่มีอยู่บริเวณชายแดนจะทำอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า ได้รับฟังโจทย์จากเลขาฯ ยูเอ็นไป คงจะทำให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

เมื่อถามถึงวันสันติภาพโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 21 ก.ย.ของทุกปี นายเศรษฐาตอบว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน และเป็นเรื่องที่เราพูดในเชิงสัญลักษณ์มากเกินไป แต่ปฏิบัติหรือไม่ ตนอยากให้เราปฏิบัติ ไม่ใช่เป็นวันไหนแล้วก็มาทำกัน พอทำแล้วลืมกันไป จากนั้นมาจับอาวุธห้ำหั่นกัน ความจริงแล้วการประชุม UNGA เราทราบดีว่ามีหลายประเทศมีภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศที่จับคู่ทะเลาะกัน เป็นเรื่องใหญ่ที่เราหาข้อตกลงกันไม่ได้ ซึ่งเลขาฯ ยูเอ็นเองมีความสามารถสูงในการที่จะหาจุดร่วม ให้ทุกประเทศอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติสุข

จี้ใช้มาตรการเชิงรุกแก้ชายแดน

วันเดียวกัน ที่รัฐสภา นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงเรียกร้องให้รัฐบาลไทยใช้มาตรการทางการทูตเชิงป้องกันการรุกล้ำทางทหารเมียนมาข้ามชายแดนไทย และขอให้เพิ่มความร่วมมือกับองค์กรนานาชาติด้านการจัดส่งอาหาร และด้านการรักษาพยาบาล แก่พลเรือนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ ว่า สืบเนื่องจากการที่ตนได้รับการแจ้งจากประชาชนใน อ.อุ้มผาง จ.ตาก ว่าเมื่อต้นเดือน ก.ย. มีกองกำลังทหารรัฐบาลเมียนมาราว 60-70 นาย ได้รุกล้ำเข้ามาในเขตประเทศไทยเพื่อทำยุทธวิธีทางการทหาร ตีโอบล้อมทหารกะเหรี่ยงที่อยู่ชายแดนฝั่งเมียนมา และทหารเมียนมายังได้มาตั้งค่ายชั่วคราวเพื่อหุงหาอาหาร สร้างความวิตกหวาดกลัวแก่คนไทยในพื้นที่ การรุกล้ำ และการต่อสู้ระหว่างทหารรัฐบาลเมียนมากับกองกำลังต่อต้านตามแนวชายแดนไทย-เมียนมานั้นมีเป็นระยะๆ และยืดเยื้อตลอดมา รัฐบาลไทยที่ผ่านมาที่ดูจะเห็นอกเห็นใจรัฐบาลทหารเมียนมาชุดนี้ จึงไม่ได้มีมาตรการทางการทูตเชิงป้องกันไม่ให้เกิดการรุกล้ำชายแดน แต่รัฐบาลของนายเศรษฐาที่เป็นรัฐบาลพลเรือน ควรดำเนินมาตรการการทูตเชิงรุกกับรัฐบาลทหารเมียนมา ที่เป็นการป้องกันมิให้มีการรุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทยของทหารเมียนมาอีก

นายจุลพงศ์กล่าวอีกว่า ขอเรียกร้องไปยังนายเศรษฐา และนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.การต่างประเทศ ให้เพิ่มระดับการให้ความสะดวกและความร่วมมือแก่องค์กรนานาชาติเหล่านั้นให้มากขึ้น ไม่ว่าจะในด้านการอนุญาตก็ดี การขนส่งอาหารก็ดี การรักษาพยาบาลก็ดี เพราะเป็นเรื่องการช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม ไม่ใช่ด้านการเมืองหรือการทหาร แม้รัฐบาลทหารเมียนมาอาจมองว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารก็ตาม

ต่อเวลา 17.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ ที่โรงแรม St. Regis นิวยอร์ก นายเศรษฐาได้ประชุมเพื่อมอบนโยบายแก่ทีมประเทศไทยในสหรัฐอเมริกา โดยนายเศรษฐากล่าวตอนหนึ่งว่า 7-8 ปีที่ผ่านมาประเทศชาติมีความเห็นต่างในสังคม  ภารกิจหลักของรัฐบาลจึงต้องการเปิดประเทศ สนับสนุนการทำธุรกิจ รวมทั้งรักษาจิตใจของคนในทุกภาคส่วนที่มีความคิดเห็นทางการเมืองต่างกัน เยียวยาจิตใจให้อยู่ร่วมกันภายใต้กรอบของกฎหมายได้อย่างสันติ การพัฒนาทางเศรษฐกิจของไทยต่ำกว่าเพื่อนบ้าน ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องแก้ไข ปัญหาที่สองมีครัวเรือนสูงขึ้น รวมทั้งปัญหาสังคม ยาเสพติด โดยก่อนเดินทางมาที่นี่ ได้ประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติด ยึดทรัพย์ เผาทำลาย เจรจาระหว่างประเทศเพื่ออุดพรมแดน ทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากันเพื่อความสมานฉันท์ 

นายกฯ ยังกล่าวถึงการเปิดตลาดว่า   เป็นเรื่องสำคัญ รัฐบาลนี้มีต้นทุนสูง ต้องการตลาดที่มีศักยภาพใหม่ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก การเจรจาจัดทำ FTA ก็สำคัญ ขอให้ทุกท่านทำงานเชิงรุก Proactive ทั้งทวิภาคีและพหุภาคี สรุปการทำงานเพื่อยกระดับจีดีพีต้องยกระดับการลงทุน จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้ากระทรวงการต่างประเทศไม่ช่วยเหลือ นโยบายหลักของรัฐบาลที่สำคัญอีกอย่างคือการสนับสนุนการพัฒนาซอฟต์เพาเวอร์ ซึ่งมีหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ขอให้ทุกคนเดินหน้าช่วยพัฒนาซอฟต์เพาเวอร์ เผยแพร่ในนานาประเทศ

นายกฯ ยังระบุถึงการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติว่า เป็นช่วงเวลาที่เราจะเปิดให้นักลงทุนจากต่างประเทศเข้ามาในไทยเยอะๆ การที่เราจะมีนักลงทุนจากต่างประเทศมาเยอะๆ นั้น เราต้องการสถาบันการเงินจากต่างประเทศเข้ามาช่วยเชื่อมต่อในทุกๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนไทยที่จะไปลงทุนต่างประเทศ ก็ต้องได้นักการเงินระดับโลกเข้ามาช่วยให้คำแนะนำทางความมั่นใจ เขาก็พร้อม ตนจะลองพิจารณาดูว่าเรื่องของการจัดตั้งสำนักงานที่เมืองไทยมีความเป็นไปได้แค่ไหน

นายกฯ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ตนยังได้เดินทางไปเจอประธานบริษัท เอสเต้ ลอเดอร์ฯ บริษัททำเครื่องสำอางที่เก่าแก่ที่สุดในโลก แล้วใหญ่ที่สุดในโลกบริษัทหนึ่ง ให้เกียรติลงมาคุยเอง พูดถึงความสัมพันธ์ที่มีอันยาวนานกับประเทศไทย ทั้งนี้ เรื่องเครื่องสำอางมีหลายยี่ห้อ แน่นอนหน้าที่ของตนคือการเชื้อเชิญให้มาลงทุนในประเทศไทย อยากให้มีการจ้างงาน อยากให้มีการลงทุนในแง่ของโรงงานผลิต มีการพูดคุยกัน ซึ่งเขาเองมีโรงงานอยู่แล้วที่ญี่ปุ่น ไม่ได้ปิดกั้นในอนาคตว่าจะลงทุนในเมืองไทยอย่างไร และเป็นที่น่ายินดีมีการถามมาเรื่องของสาหร่ายในเมืองไทย พอดีตนไม่ได้เตรียมตัว เพราะเพิ่งรู้ว่าสาหร่ายที่เป็นส่วนผสมสำคัญในการทำเครื่องสำอางที่มีคุณค่า จึงได้ให้การบ้านกับทีมงานเรา ต้องไปดูในเรื่องของสาหร่ายด้วย เพื่อให้เขาพิจารณามาตั้งโรงงาน อันนี้ถือเป็นนิมิตหมายอันดี

รับต่อยอดมาจาก รบ.เดิม

นายเศรษฐายังระบุถึงการให้สิทธิพิเศษในการรองรับประเทศต่างๆ ที่จะเข้ามาลงทุนในไทยว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งทางเลขาธิการบีโอไอก็เข้าประชุมกับทุกคนด้วย จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าตนเป็นคนมาเริ่มทั้งหมด ก็มาจากรัฐบาลที่แล้วก็มีบางส่วน มีบางบริษัทที่คุยมาแล้ว หน้าที่ตนคือต่อยอด และพยายามผลักดันไทม์ไลน์ต่างๆ ที่ชัดเจน พูดคุยชัดเจนว่าอะไรได้-ไม่ได้เพื่อให้จบโดยเร็ว 

เมื่อถามว่า มีการตั้งเป้าหมายหรือไม่ว่ากี่เดือนที่จะเห็นสิ่งที่ไปพูดคุยเป็นรูปธรรม นายกฯ ตอบว่า ขั้นแรกวันที่ 13 พ.ย. ที่เอเปกคงจะมีอะไรคืบหน้าบ้าง

วันเดียวกัน นายเศรษฐายังได้กล่าวตอนหนึ่งระหว่างพบกับชุมชนไทยในสหรัฐว่า ไม่ได้มาขายนโยบายรัฐบาล แต่จำเป็นต้องพูด ไม่ว่าจะเป็นดิจิทัลวอลเล็ต แต่เป็นนโยบายหลักของเรา จำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่ ที่ผ่านมามีปัญหาเรื่องโควิดและเศรษฐกิจอื่นๆ มีการใช้นโยบายประชานิยม เอาเงินใส่กระเป๋าให้ประชาชน แต่เป็นจำนวนที่น้อยและไม่มีหลักเกณฑ์ที่ควรจะเป็น แต่ดิจิทัลวอลเล็ตมีการจำกัดระยะทางตามบัตรประชาชน และมีระยะเวลา 6 เดือนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่การใช้สินค้าเป็นเรื่องสำคัญ จะซื้อสินค้าอบายมุขและซื้อออนไลน์ไม่ได้ เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีขั้นมีตอน ซึ่งจะดำเนินการโดยเร่งด่วน

นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องของการลดราคาน้ำมันดีเซล ได้ประกาศไปแล้วว่าจะลดราคาเบนซินด้วย กำลังดำเนินการ อาทิตย์ต่อๆ มาคงมีมาตรการเกิดขึ้น ปรัชญาการทำงานของรัฐบาลนี้ชัดเจน และปัญหามีอยู่เยอะมาก เราไม่สามารถคอยแก้ปัญหาแบบแพ็กเกจได้ อะไรที่ทำได้ต้องทำก่อน แล้วค่อยทยอยออกมา  การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่ดีที่สุดคือการท่องเที่ยว แต่ไม่ใช่แค่ดึงนักท่องเที่ยวมาอย่างเดียว รัฐบาลนี้ยังให้ความสำคัญกับความมั่นคง ก้าวแรกที่ก้าวสู่แผ่นดินไทย ต้องมีความประทับใจ ซึ่งมาตรการท่องเที่ยวจะทยอยคลอดออกมาเรื่อยๆ  เช่น การยกระดับพาสปอร์ตไทย การยกเว้นการขอวีซ่า และการขอวีซ่าให้ง่ายขึ้น จะเป็นวิธีหนึ่งในการสนับสนุนการท่องเที่ยว เราจะทำธุรกรรมเชิงรุก เพราะเวลาไม่คอยท่า ไตรมาส 4 อีกไม่กี่วันจะเกิดขึ้น แล้วเป็นช่วงไฮซีซั่น แต่เป็นความประสงค์ของรัฐบาลนี้

“เราจะไม่มีช่วงคำว่าไฮซีซั่นแค่ช่วงเดียว ทุกเดือนทุกอาทิตย์ต้องเป็นไฮซีซั่นของไทย ในช่วงเดือน พ.ค.-ส.ค.ที่เราคิดว่าเป็นช่วงโลว์ซีซั่น แต่หลังเปิดความสัมพันธ์กับซาอุฯ ทำให้ทราบว่าตลาดท่องเที่ยวสำคัญตลาดหนึ่ง ในช่วงเวลานั้นเป็นช่วงหน้าร้อนของเขา ซึ่งมีกำลังซื้อสูงมาก น่าจะเป็นประเทศที่เข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะช่วยสร้างความสมดุลในช่วงไฮซีซั่น”

ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องฟรีวีซ่ากับนักท่องเที่ยวจีนและคาซัคสถานว่า  นโยบายนี้เวิร์ก ถือว่าเกาถูกที่คัน เพราะเรามีเป้าหมายว่าปีนี้ต้องการดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทย 5.3 ล้านคน นับจากม.ค.ถึงเดือน ก.ย. นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทยแล้ว 2.2 ล้านคน ส่วนที่หลายคนกังวลว่านักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในแล้วเราจะไม่ได้อะไร เนื่องจากโรงแรมและสายการบินก็เป็นของคนจีน ก็ได้ตระหนักเรื่องนี้ และไทยอาจได้ผลประโยชน์ไม่เต็มร้อย แต่เรามีวิธีคิดว่าเราจะเอาด้านดีมาก่อน หากนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาล้านคน แม้จะมีข้อบกพร่องบ้าง เช่น มีทัวร์ศูนย์เหรียญ พาไปกินร้านอาหารและช็อปปิ้งในบริษัทเครือคนจีน แต่เราจะไม่ยกเอาข้อจำกัดนี้มาปิดการนักท่องเที่ยวอื่นๆ เราจะไม่เผาบ้านทั้งหลัง เพื่อแลกกับหนู 3-4 ตัว จุดใหญ่คือเราจะต้องดึงนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาให้เยอะที่สุด บกพร่องตรงไหนค่อยไปตามแก้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง