เอาคืน!เตะตัดขา‘โจ๊ก’ ตร.ไซเบอร์บุกค้นบ้านจับลูกน้อง8นายเอี่ยวพนันออนไลน์

วงการสีกากีระอุ! บช.สอท.ขนคอมมานโด-191 บุกตรวจบ้าน "บิ๊กโจ๊ก" ชี้เป็นการขยายผลเว็บพนันออนไลน์ ที่ปูพรมค้น 50 จุดใน 6 จังหวัดพร้อมกัน “สุรเชษฐ์” ลั่นออกหมายไม่สุจริต เชื่อเป็นการเมืองภายใน สตช. เล่นเกมชกใต้เข็มขัด “เศรษฐา” เผยเป็นเรื่องใหญ่มาก เตรียมตั้ง กก.สอบ “บิ๊กเด่น” ยันไม่เกี่ยวกับเก้าอี้พิทักษ์ 1 ที่จะเคาะในวันที่ 27 ก.ย. “พล.ต.ท.ไตรรงค์” แจงยิบไม่ได้กลั่นแกล้ง ระบุมี ขรก.-ตร.เกี่ยวข้องอื้อ วงเงินหมุนเวียนเกินพันล้านบาท คุมตัวลูกน้องโจ๊ก 8 นายทยอยฝากขัง สะพัด! ปฏิบัติการเอาคืนเตะตัดขาพ้นเก้าอี้ “ผบ.ตร.”

เมื่อวันจันทร์ที่ 25 ก.ย. ในเวลา 06.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ได้สนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจคอมมานโด กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ (บก.ปพ.) กองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) หรือ  191 และตำรวจชุดเฉพาะกิจ PCT สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นำกำลังเข้าตรวจค้น 50 จุด ในพื้นที่ 6 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, เพชรบุรี, สมุทรปราการ, ขอนแก่น, อุดรธานี และสระบุรี ที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์

สำหรับหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ผบก.ปปป.) รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง (รรท. ผบก.ทล.) พร้อมเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษอาวุธครบมือ เข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 9/147 และ 9/148 ซึ่งเป็นบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ภายในหมู่บ้านซอยวิภาวดี 60 หลังสโมสรตำรวจ ที่ตำรวจมีข้อมูลพบความเชื่อมโยงกลุ่มพนันออนไลน์ โดยบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้นเชื่อมติดต่อกัน 2 คูหา ที่หน้าบ้านมีรถจอดอยู่ 3 คัน ได้แก่ รถโตโยต้า อัลพาร์ด สีบรอนซ์ ทะเบียน งค 51 สงขลา, รถเรนจ์ โรเวอร์ สีเทา ทะเบียน ทม 51 กรุงเทพมหานคร และรถเล็กซัส สีขาว ทะเบียน ขพ 51 สงขลา

ขณะเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าตรวจค้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยู่ในบ้านพักและออกมาพบเจ้าหน้าที่หน้าบ้านพัก โดยสวมชุดนอนเป็นเสื้อยืดแขนสั้น กางเกงขาสั้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อ่านรายละเอียดการขอเข้าตรวจค้น ซึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้แจ้งชุดตรวจค้นว่ายังไม่ให้เข้าตรวจเพราะตนเป็นถึง รอง ผบ.ตร. กระทั่งเวลา 08.30 น. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. เดินทางมาถึงและมีการพูดคุยกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงเปิดประตูให้เข้าไปตรวจค้นบ้านได้ แต่ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนและผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปด้านใน หลังจากตรวจค้นจุดแรก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้นำเข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 9/157 และ 9/158 เป็นบ้านทาวน์โฮม 3 ชั้น 2 หลัง ห่างจากจุดแรก 100 เมตร มีป้ายบริษัท ซี แอนด์ ทู โปรเกรส จำกัด ติดอยู่ที่หน้าบ้านดังกล่าว

ในการเข้าตรวจค้นครั้งนี้ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดเฉพาะกิจสืบทราบว่า มีเจ้าหน้าที่ตำรวจและพลเรือนเกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ และตำรวจจำนวนหนึ่งเป็นทีมงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จึงได้ขอศาลออกหมายจับและนำมาสู่การเข้าตรวจค้นบ้านพักของรอง ผบ.ตร. ทั้งนี้การเข้าตรวจค้น 50 จุด ซึ่งยังไม่รวมจุดบ้านพักของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 11 คน ซึ่งมีทั้งตำรวจและพลเรือน โดยมีรายงานว่า 2 ในตำรวจที่เกี่ยวข้องเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ยศ พล.ต.ต. และพนักงานสอบสวน  ยศ พ.ต.อ.ของรอง ผบ.ตร.คนหนึ่ง

พล.ต.ท.วรวัฒน์กล่าวว่า เรื่องนี้ตำรวจ PCT มีการขยายผลจากการจับกุมเว็บพนัน และตำรวจชุด PCT มีการสืบสวนสอบสวนทำหนังสือมาขอกำลังสนับสนุนจาก บช.สอท. เราก็ให้กำลังไป ส่วนที่มาวันนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ อยากให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่อยู่ใกล้เคียงมาพบก็เดินทางมา

บิ๊กโจ๊กลั่นออกหมายไม่สุจริต

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ให้สัมภาษณ์ว่า การออกหมายค้นครั้งนี้เป็นการออกหมายโดยไม่สุจริต เพราะแจ้งกับศาลเพียงแค่บ้านเลขที่เท่าไหร่ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นบ้านของใคร โดยที่ตำรวจหลายนายนั้นรู้อยู่แล้วว่าเป็นบ้านของตนเอง แต่ว่าไม่เป็นไรเมื่อมีหมายมาแล้วก็ต้องให้ค้น เพียงแต่ว่าต้องมีตำรวจชั้นผู้ใหญ่ร่วมตรวจค้นด้วย เพราะการตรวจค้นบ้านของตำรวจชั้นผู้ใหญ่นั้นต้องมีพยานหลักฐาน ในกรณีนี้ต้องมีเส้นทางการเงินที่ผิดกฎหมาย แต่นี่กลับไม่มีเส้นทางการเงินมาถึงตนเองเลยสักเส้นเดียว เพราะฉะนั้นในส่วนของการดำเนินการทั้งหมดนั้นจะไล่ดำเนินคดีทั้งหมด

 “ตำรวจทั้งหมดที่ถูกออกหมายจับก็เป็นลูกน้องของผมทั้งหมด ก็ต้องตรวจสอบเส้นทางการเงินว่าเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์หรือไม่ ถ้าลูกน้องก็ทำผิดก็ต้องจับ คนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ลูกน้องที่ถูกจับก็ต้องไปอธิบายให้ได้ว่า เกี่ยวข้องกับเว็บพนันหรือไม่”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยอมรับว่า ทั้งหมดก็ไม่เกินเรื่องการเมืองในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หากโดนดำเนินคดีก็ต้องโดน แต่ต้องเชื่อมั่นลูกน้อง เพราะเป็นชุดทำงานเดียวกันต้องให้ความเป็นธรรม หากการสืบสวนสอบสวนแล้วพบว่า ผิดจริงต้องดำเนินคดีอาญา คนไหนถ้าผิดไม่ปกป้อง แต่วันนี้ยังหาคนสั่งการตรวจค้นไม่ได้ เรื่องนี้ใครทำต้องรับผิดชอบ เป็นการดิสเครดิตและทำให้เสียชื่อ เรื่องแบบนี้เจอมาเยอะแล้วและเตรียมตัวรับแรงกระแทกแบบนี้แล้วเช่นกัน ยอมรับทำคดีเยอะ และไปเกี่ยวพันกับตำรวจเยอะ ทั้งเส้นทางการเงินและการออกหมายจับตำรวจอีกหลายคน เข้าค้นอีกหลายส่วน ส่วนกรณีมีการโอนเงินไปให้ลูกน้องนั้น ก็เป็นการโอนให้ลูกน้องจ่ายค่าไฟกว่า 1 หมื่นบาท ไม่ได้ให้เจ้าของเว็บพนันมาจ่ายให้ ถ้ามีเส้นทางการโอนเงินเข้ามา 10-20 ล้านบาทค่อยว่าไปอย่าง

รอง ผบ.ตร.ยังกล่าวถึงคลิปที่ร้องเพลงคู่กับ "มินนี่" เจ้าของเว็บพนันออนไลน์รายใหญ่ว่า รู้มานานแล้วว่าจะนำเอาคลิปนั้นมาดิสเครดิต ซึ่งไม่ได้รู้จักเลยว่าผู้หญิงที่มาร้องเพลงด้วยนั้นเป็นใคร วันนั้นเป็นงานเลี้ยงลูกน้องของตน โดยมีตนเป็นเจ้าภาพ แต่ว่าการที่ใครจะนำคนนอกเข้ามาในงานนั้นไม่ทราบ ส่วนภาพออกมาว่าลูกน้องไปโอบกอดมินนี่อย่างสนิทสนมนั้น ลูกน้องคนนั้นก็ต้องไปตอบให้ได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร หากเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดก็ต้องดำเนินคดี

 “ไม่ได้ท้อแท้ยังออกมาทำงานตามปกติ สิ่งที่ออกมาในวันนี้ไม่ได้กระทบการทำงานของผมแต่อย่างใด ตราบใดที่ศาลยังไม่พิพากษาก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ต้องว่าไปตามกระบวนการพยานหลักฐาน ส่วนประเด็นที่นายอัจฉริยะจะออกมาแฉ ถ้าไม่ใช่ความจริงก็จะดำเนินคดีกลับไป ซึ่งได้ฟ้องนายอัจฉริยะอยู่แล้วที่ศาลอาญาเรื่องของการหมิ่นประมาท” รอง ผบ.ตร.กล่าว

นายกฯ บอกเป็นเรื่องใหญ่

ขณะเดียวกัน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า ได้รับรายงานแล้ว ซึ่งจากรายงานยังไม่มีการขยายผล โดย พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.อยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนอยู่ แต่เดี๋ยวจะตั้งคณะกรรมการด้วย เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่มาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า เบื้องต้นนายกฯ ได้สั่งการอย่างไรหรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ยังไม่ได้สั่งการเพราะยังไม่ทราบข้อมูลทั้งหมด แต่ได้มีดำริไว้กับที่ปรึกษาไว้ว่า น่าจะตั้งคณะกรรมการที่มีบุคคลที่ไม่ใช่ข้าราชการตำรวจร่วมด้วย เพราะปัญหานี้มันเรื่องใหญ่มากแล้ว ผูกพันกับหลายๆ เรื่อง ทั้งนี้ต้องขอดูข้อมูลอีกที และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องขวัญและกำลังใจของพี่น้องประชาชนด้วย

เมื่อถามว่า จะเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้ง ผบ.ตร.หรือไม่ นายเศรษฐากล่าวว่า ไม่แน่ใจ อาจต้องดูความเกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนการเลือก ผบ.ตร.นั้น ตามกำหนดการเป็นวันที่ 27  ก.ย.จะประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)

ต่อมานายเศรษฐาให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลัง พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์เข้าพบว่า “เมื่อสักครู่ถ่ายรูปร่วมกันเพียงเท่านั้น”

ส่วน พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า รับทราบเบื้องต้น คงรอนโยบายนายกฯ อีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้นายกฯ ให้ความสำคัญ ตามที่ให้สัมภาษณ์ไปแล้วว่าจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย โดยเรื่องนี้มาจากการขยายผลจากชุด PCT เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว จนมีการอนุมัติขอหมายจับที่ศาล 23 หมาย มีตำรวจ 8 หมาย และพลเรือน 15 หมาย วันนี้เป็นการจับกุมตรวจค้นตามหมายจับ ส่วนรายละเอียดจะให้ผู้ที่รู้เรื่องดีที่สุดแถลงอีกครั้งหลังค้นทุกจุด 

ผู้สื่อข่าวถามว่า ปฏิบัติการบุกตรวจค้นเมื่อช่วงเช้าวัน นี้ คนมองว่าเกี่ยวข้องกับการเลือก ผบ.ตร.คนใหม่ในวันที่ 27 ก.ย.นี้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวว่า คิดว่าไม่เกี่ยว แต่เป็นการทำงานจากการขยายผล และเรื่องนี้ยังไม่ได้เกี่ยวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ แต่ 8 คนอาจเป็นลูกน้อง ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

เมื่อถามว่า ไม่ใช่ความขัดแย้งภายในองค์กรตำรวจใช่หรือไม่ ผบ.ตร.กล่าวว่า “ผมเชื่อว่าไม่นะครับ เป็นเรื่องของหลักฐานไปถึงใครเท่านั้นเอง มันมีคดีตั้งต้นอยู่ ก็ไปสอบสวนขยายผลไป”              

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีการขัดแข้งขัดขากันหรือไม่ถึงเล่นกันแรงแบบนี้ ผบ.ตร.กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามพยานหลักฐาน ทุกอย่างเป็นไปตามข้อเท็จจริง ใครถึงใครก็ต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง เดี๋ยวพอตำรวจที่อยู่ในงาน ใครจะผิด หรือใครจะละเว้น จะให้การเท็จหรือไม่ ก็เป็นไปตามข้อเท็จจริง ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ให้พนักงานสอบสวนเขารวบรวมพยานหลักฐาน เราไม่อยากจะพูดก่อน                        ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมมองว่าตำรวจระดับสูงมาขัดแย้งกันเอง ในฐานะผู้บังคับบัญชาอยากจะอธิบายอย่างไร ผบ.ตร.กล่าวว่า ก็ชี้แจงตามข้อเท็จจริงตามที่มีข้อเท็จจริงอยู่ แต่ยอมรับว่าทุกคดีก็มีความหนักใจทั้งนั้น โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

โจ๊กย้ำชกใต้เข็มขัด

ต่อมาเวลา 15.20 น. นายเศรษฐาได้เดินทางเข้าบ้านพิษณุโลก โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์, นายจักรพงษ์ แสงมณี  รมช.การต่างประเทศ และนายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีเข้าร่วม ทั้งนี้คาดว่าเป็นการประชุมเตรียมความพร้อม ก่อนที่นายเศรษฐาจะเป็นประธาน ก.ตร.ในวันที่ 27 ก.ย. โดยใช้เวลาหารือกว่า 2 ชั่วโมง และในเวลา 17.45 น. ผบ.ตร.เดินทางออกจากบ้านพิษณุโลก จากนั้นเวลา  17.57 น. นายกฯ เดินทางกลับ โดยนายกฯ ลดกระจกทักทายสื่อมวลชน เมื่อถูกถามว่าเป็นการประชุมเรื่องการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ไม่ใช่ครับไม่ใช่ เป็นเรื่องของความมั่นคง

ขณะเดียวกัน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงกระแสข่าวมีคำสั่งโยกย้ายว่า ไม่มี ยังไม่เห็นคำสั่ง ตอนนี้ยังมีกำลังใจดี และขอทำงานตามปกติทุกอย่าง คดีที่ค้างคาต้องสะสางทั้งหมดให้เสร็จ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ต้องรับผิดชอบให้เสร็จตราบใดที่รับผิดชอบอยู่ ส่วนลูกน้องที่ถูกดำเนินคดีเขาต้องไปต่อสู้คดี แต่ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษา เขาก็ยังเป็นผู้บริสุทธิ์

“เรื่องนี้เป็นการชกใต้เข็มขัด เป็นการดิสเครดิตอย่างเห็นได้ชัด มันมีคดีหลายคดีที่งวดแล้ว แต่ไม่อยากกล่าวถึงใคร ขอให้เป็นไปตามกฎหมาย ใครทำผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย ใครละเมิดอำนาจศาลก็ต้องดำเนินคดีไป ที่ผ่านมาตอนทำคดีทุกคดีโปร่งใส ทำร่วมกับอัยการไม่ได้ทำเพียงลำพัง เฉพาะในส่วนของตำรวจผมจะไม่ลดบทบาทและทำงานไปตามจริง หากยังมีความรับผิดชอบในหน้าที่อยู่จะทำงานตามปกติ”

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังกล่าวถึงการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ว่า ไม่ได้คิดไปออฟไซด์ใครอยู่แล้ว ตาม พ.ร.บ.ตำรวจยึดหลักอาวุโส ยังสนุกอยู่กับการทำงาน ส่วนใครจะได้เป็น ผบ.ตร.เป็นเรื่องของนายกฯ เป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชาของ ตร.ที่จะพิจารณา ส่วนข่าวลือที่ให้ไปนั่งเป็นเลขาธิการ ป.ป.ส.นั้น  ตำแหน่งใดก็ได้ขึ้นอยู่กับหลักความสมัครใจของเจ้าตัว และต้องขึ้นอยู่กับหลักความเป็นธรรมด้วย

ด้าน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี แถลงถึงกรณีระดมกำลังกวาดล้างเครือข่ายแก๊งพนันออนไลน์ใน 6 จังหวัดว่า เป็นการขยายผลเว็บพนันออนไลน์ เบ็ตฟลิกซ์รอยัลดอตคอม และเว็บพนันอื่นๆ รวม 12 เว็บไซต์ของตำรวจ PCT ที่จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 รายเมื่อเดือน ก.ค. จนนำมาสู่การออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีก 23 คน ซึ่งเป็นตำรวจ 8 นาย แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มความผิด 1.บริหารจัดการเว็บพนันออนไลน์ 2.จัดหาบัญชีม้า 3.จัดการธุรกรรมการเงินและบัญชี และ 4.ผู้ได้รับผลประโยชน์จากบัญชีม้าดังกล่าว

คุมตัว 8 ลูกน้องโจ๊กฝากขัง

 “หลักฐานบ่งชี้ชัดเจนว่า 8 นายตำรวจบางนายมีพฤติการณ์ลักษณะเป็นผู้บริหารเว็บไซต์พนันออนไลน์ หรือเสมือนเป็นเจ้าของ ส่วนบางนายก็มีผลประโยชน์เชื่อมโยงในแต่ละกลุ่ม บางคนก็มีหลายพฤติการณ์ โดยพบว่าได้กระทำผิดมานานกว่า 2 เดือนแล้ว โดยมีตำยศ พล.ต.ต.ถึง พ.ต.อ.เข้าไปเกี่ยวข้อง”

พล.ต.ท.ไตรรงค์ยังกล่าวถึงการตรวจค้นบ้าน พล.อ.สุรเชษฐ์ว่า เป็นการจับกุมบุคคลตามหมายจับ หลังสืบสวนพบว่าพักอาศัยที่บ้านหลังนี้ โดยไม่ทราบว่ามีตำรวจชั้นผู้ใหญ่อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวด้วย เพราะชื่อตามทะเบียนบ้านเป็นของบุคคลอื่นซึ่งเป็นพลเรือน ยืนยันไม่ได้กลั่นแกล้ง ขณะนี้จับกุมได้ 15 คน และในจำนวนนี้เป็นตำรวจอย่างน้อย 1 คน และจะทยอยนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำที่  บก.น.5

ที่กองบังคับการตำรวจนครบาล 5 (บก.น.5) เจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ หรือ PCT  ได้ควบคุมตัว พล.ต.ต.นำเกียรติ ธีระโรจนพงษ์ ผบก.ศฝร.บช.น. ผู้ต้องหา 1 ใน 8 ที่เป็นข้าราชการตำรวจ ในคดีพัวพันเว็บพนันออนไลน์ มาสอบปากคำพร้อมแจ้งข้อกล่าวหา โดย พล.ต.ต.นำเกียรติสวมใส่ชุดนอกเครื่องแบบ กางเกงขายาว เสื้อคลุมสีดำ มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่มีเครื่องพันธนาการ หลังพบข้อมูลเส้นทางการเงินจากบัญชีบุคคลอื่นไปถึงบัญชีของ พล.ต.ต.นำเกียรติ

ขณะเดียวกันตำรวจชุด PCT อีกหนึ่งชุดได้นำของกลางในคดีมายัง บก.น.5 ประกอบด้วย ลังเอกสาร ตู้เซฟ  กระเป๋าแบรนด์เนม พาสปอร์ต ตุ๊กตาสะสมแบร์บริกนับร้อยตัว และอเล็กซ์ เฟซ ที่ยึดได้จากการตรวจค้นบ้านพักเมื่อช่วงเช้าในหลายจุดมาเพื่อเป็นหลักฐาน

ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT ได้ควบคุมตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนันออนไลน์ตามหมายจับได้แล้วทั้งหมด มาสอบปากคำพร้อมกับแจ้งข้อหาประกอบไปด้วย พ.ต.อ.เขมรินทร์ พิศมัย ผกก.ตม.จันทบุรี, พ.ต.อ.ภาคภูมิ พิศมัย รอง ผบก.สส.ภ.4, พ.ต.ท.คริษฐ์ ปริยะเกตุ  รอง ผกก.สส.สภ.สำโรงเหนือ, พ.ต.อ.อาริศ คูประสิทธิ์รัตน์ ผกก.ตม.จว.ฉะเชิงเทรา, พ.ต.ต.ชานนท์ อ่วมทร นตต.รอง ผบ.ตร., ส.ต.อ.ณัฐวุฒิ หวัดแวว ผบ.หมู่งานสายตรวจ 1 กก.1 บก.จร., ส.ต.อ.อภิสิทธิ์ คนยงค์ ผบ.หมู่ (ป.) สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

ภายหลังสอบปากคำและแจ้งข้อหาเสร็จ ตำรวจ บช.สอท.ได้คุมตัว พล.ต.ต.นำเกียรติไปฝากขังต่อศาล จากนั้นตำรวจอีกชุดควบคุมตัว พ.ต.อ.เขมรินทร์ และ พ.ต.อ.อาริศฝากขังต่อศาล หลังสอบปากคำที่ บก.น.5 เรียบร้อยแล้ว ระหว่างการควบคุมตัวขึ้นรถตู้ ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม พ.ต.อ.เขมรินทร์ เจ้าตัวตอบสั้นๆ โดยยืนยันในความบริสุทธิ์ใจ ขณะที่ พ.ต.อ.อาริศมีสีหน้านิ่งเฉย ปฏิเสธไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน เพียงแต่ยิ้มให้เท่านั้น ส่วนตำรวจที่เหลืออยู่ระหว่างการสอบปากคำ ถ้าสอบปากคำเสร็จจะทยอยนำตัวฝากขัง

ทั้งนี้ สาเหตุการเข้าตรวจค้นคดีพนันออนไลน์ในหลายจุดทั่วประเทศนั้น เนื่องจากการสืบสวนของตำรวจ PCT  ว่าเกี่ยวกับแก๊งพนันออนไลน์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โดยเป็นเครือข่ายใช้บัญชีผู้ต้องหาคดียาเสพติดหลายบัญชี เงินหมุนเวียนกว่า 1,000 ล้านบาท เชื่อมโยงการจ่ายเงินเข้าบัญชีตำรวจโดยตรงหลายครั้ง และมีข้าราชการเกี่ยวข้องจำนวนมาก

สะพัด! สกัด 'โจ๊ก' ขึ้น ผบ.ตร.

ขณะเดียวกันมีการมองว่า เป็นเรื่องของการชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. เพราะมีแดนดิเดตที่ขับเคี่ยวกันอย่างมาก มีแดนดิเดตที่จะได้รับการพิจารณารายชื่อจากนายกฯ เพื่อเสนอชื่อต่อ ก.ตร.ตาม พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ 4 คน ประกอบด้วย  พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร.อาวุโส อันดับ 1 พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 2  พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 3 และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 4 แต่มี 2 นายที่ขับเคี่ยวกันเพื่อคว้าเก้าอี้ ผบ.ตร. คือ “บิ๊กโจ๊ก” ที่ดูแลงานด้านสืบสวน และ “บิ๊กต่อ” ที่ดูแลงานด้านปราบปราม ซึ่งต่างแข่งขันกันทำผลงานให้เป็นที่ประจักษ์

โดยตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา มีรายงานว่าทั้ง “บิ๊กต่อ” และ "บิ๊กโจ๊ก” กินเกาเหลากัน ต่างฝ่ายต่างพยายามสกัดคู่แข่งด้วยวิธีต่างๆ ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน คดีรีดเงินนักพนันออนไลน์ 140 ล้าน “บิ๊กโจ๊ก” เข้าไปทำคดีนี้ด้วยตัวเอง ผลการสอบสวนของคณะพนักงานสอบสวนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ได้สั่งเด้งผู้การจังหวัดชลบุรี และตำรวจอีกหลายนาย หนึ่งในจำนวนนั้นมีตำรวจไซเบอร์ หรือ บช.สอท.ร่วมอยู่ด้วย ซึ่งเป็นที่รู้กัน บช.สอท.มี พล.ต.อ.ต่อศักดิ์กำกับดูแลอยู่ ต่อด้วยคดีการสังหาร พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว ตำรวจทางหลวงเสียชีวิตที่งานเลี้ยงบ้าน “กำนันนก” จ.นครปฐม “บิ๊กโจ๊ก” ลงไปกำกับคดีด้วยตัวเองอีกครั้ง สั่งจับ 6 ตำรวจคดีฆ่า

ในคดีฆ่า พ.ต.ต.ศิวกร ชุดสืบสวนสอบสวนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยังได้เค้นสอบเอาผิดกับตำรวจอีก 13 นาย ข้อหา 157 ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งมีตำรวจในที่เกิดเหตุตั้งแต่ “พ.ต.อ.-จ.ส.ต.” ส่วนใหญ่ล้วนเป็นตำรวจทางหลวง  และเคยเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สมัยที่ดำรงตำแหน่ง ผบช.ก. และมีรายงานว่าที่ทีมงานของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ลงไปจับคดีนี้ ก็เพื่อต้องการเปิดแผลพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ และสกัดการขึ้นดำรงตำแหน่งสูงสุดสีกากีที่มีเพียงหนึ่งเดียว แต่คณะทำงานของ “บิ๊กโจ๊ก” ยังไม่ทันได้เปิดหลักฐานเอาผิดตำรวจในที่เกิดเหตุ ผบ.ตร.ก็ได้สั่งโอนสำนวนมาให้ตำรวจสอบสวนกลางเป็นคนทำคดีทั้งหมดแทน

 เป็นที่น่าสังเกตการให้สัมภาษณ์ของ “บิ๊กก้อง" พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ที่แถลงข่าวการดำเนินคดีกับตำรวจ 13 นายว่า “ยังไม่สรุปแจ้งข้อหาใคร ต้องดูพยานหลักฐานให้ชัดเจน โดยให้อัยการเข้ามาร่วมทำคดีว่ากรอบของกฎหมาย  คำว่าละเว้น ไม่ละเว้น ตำรวจรายใดเข้าข่ายหรือไม่ จะไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสิน” ปฏิบัติการจู่โจมตรวจค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก” ครั้งนี้จึงลือกันว่าเป็นการเอาคืน เตะตัดขา “บิ๊กโจ๊ก”  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้พ้นเส้นทางชิงเก้าอี้ “ผบ.ตร.” ในวันที่ 27 กันยายนนี้.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง