อดิศรซัด‘อ๋องปาราชิก’ รทสช.ทวงโควตากมธ.

รัฐมนตรีท็อปซูฮกก้าวไกล  คิดแท็กติกกวาด 2 เก้าอี้ได้ “อดิศร” อัดยับการละคร ชี้ “ปดิพัทธ์” ปาราชิกทางการเมืองแล้ว “ชัยธวัช” ตีหน้าซื่อบอกมีเหตุผลตรงไปตรงมา ขอให้รอพิสูจน์ผลงานรองอ๋อง เด็ก รทสช.ทวงเก้าอี้ประธาน กมธ.คืน 1 เก้าอี้ หลังก้าวไกลมี สส.แค่ 150  

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 ต.ค. ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีพรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีมติขับนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.บัญชีรายชื่อ และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ออกจากพรรค โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา  (ชทพ.) ระบุว่า การทำเช่นนี้ก็เข้าใจได้ ถ้าต้องการรักษาตำแหน่งรองประธานสภาฯ บวกกับสถานะของ สส.ไว้

“ผมอยู่กับการเมืองมาตั้งแต่เล็ก ก็ต้องชมว่าการทำแท็กติกนี้เป็นแท็กติกที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน เป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมทางการเมือง ไม่รู้ใครเป็นคนคิด แต่ก็เข้าใจคิดดีมาก ในการรักษาสถานะผู้นำฝ่ายค้านและรองประธานสภาฯ ผมไม่ขอออกความเห็นว่าดีหรือไม่ เป็นอย่างไร แต่ในทางกฎหมายแล้วไม่ใช่สิ่งที่ผิดกฎหมาย  เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรคการเมืองที่จะดำเนินการ ส่วนเรื่องของความเหมาะสม  การเมืองถ้าไม่ผิดกฎหมายก็อยู่ในวิสัยของสมาชิกแต่ละท่านที่จะดำเนินการ” นายวราวุธกล่าว

นายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ  พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การเคลื่อนไหวของนายปดิพัทธ์เพื่อกอดเก้าอี้รองประธานสภาฯ ไว้ โดยอ้างเหตุของรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม ซึ่งส่งผลต่อการทำหน้าที่รองประธานสภาฯ ครั้งต่อไปแน่นอน โดยเป็นแนวคิดของพรรค ก.ก.ที่อยากได้ทั้ง 2 ตำแหน่ง สุดท้ายวิธีการคือเล่นละคร ลิเก หมอลำ เพื่อขับนายปดิพัทธ์ออกจากสมาชิกพรรค ซึ่งเป็นการขับที่ไม่ตรงตามข้อบังคับของพรรค เพราะนายปดิพัทธ์ไม่มีความผิดอะไรเลย แต่เป็นการขับเพื่อที่พรรค ก.ก.จะได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน จึงอ้างรัฐธรรมนูญเป็นเหตุ

“ผมห่วงการทำหน้าที่ต่อไปเท่านั้นเอง  ไม่มีความอิจฉาตาร้อนอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเรื่องที่นายปดิพัทธ์ถูกขับออกนั้นไม่สุจริต ในเมื่อไม่สุจริตและส่อแววที่ทำให้คนนอกยื่นตีความต่อศาลได้ และผมมองว่านายปดิพัทธ์คงเดินไปลำบากแล้ว คล้ายๆ ว่าถูกจับสึกกลางพรรษาเป็นปาราชิกทางการเมืองไปแล้ว” นายอดิศรกล่าว

ขณะที่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค ก.ก. กล่าวว่า ไม่ว่าคำวิจารณ์จะมาจากพรรคเพื่อไทย หรือพรรคใดเราก็ยอมรับ และต้องพิสูจน์ตัวเองให้เห็นว่า การตัดสินใจนี้ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวของใคร ส่วนเหตุผลของพรรคเราแถลงชี้แจงรายละเอียดแล้วว่า พรรคจำเป็นต้องมีสถานะเป็นฝ่ายค้านโดยสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นจะมี สส.คนไหนไปเป็นรองประธานสภาฯ ไม่ได้ ซึ่งตนและกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ได้พูดคุยกับนายปดิพัทธ์แล้ว  นายปดิพัทธ์ยังยืนยันจะตัดสินใจว่าต้องการดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ต่อไป เพื่อทำตามนโยบายที่ได้เคยพูดไว้ เราก็เคารพการตัดสินใจ ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องมีมติให้นายปดิพัทธ์พ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค ส่วนนายปดิพัทธ์ต้องพิสูจน์ตัวเองเช่นกันเมื่อตัดสินใจแบบนี้แล้ว จะสามารถปรับปรุงยกระดับการทำงานของสภาให้ดีขึ้นตามที่ได้ตั้งใจไว้หรือไม่

เมื่อถามย้ำว่า พรรค ก.ก.ไม่การละคร อย่างที่นายอดิศรบอกใช่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า คำแถลงของพรรคก้าวไกลอธิบายเหตุผลตรงไปตรงมาที่สุดแล้ว ก็ตามนั้นเลย

นายชัยธวัชยังกล่าวถึงขั้นตอนเลือกประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ตามสัดส่วนของพรรคว่า ยังอยู่ในขั้นตอน เปิดรับให้ สส.ที่ประสงค์ในแต่ละคณะมานำเสนอเป้าหมาย แผนงาน วิสัยทัศน์ และสุดท้ายจะเลือกกันในที่ประชุม สส.พรรคในวันที่ 3 ต.ค. โดยใช้เสียง สส.กึ่งหนึ่งในการลงมติในขั้นตอนสุดท้าย

ส่วนนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ก.ก.กล่าวถึงความคืบหน้าการคัดเลือก สส.นั่งเป็นประธานคณะ กมธ.ตามโควตา 11 คณะว่า ยังอยู่ระหว่างกระบวนการ ตามที่ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรค ก.ก. ในฐานะประธานกิจการสภาของพรรค ก.ก. และว่าที่ประธานวิปฝ่ายค้านได้ให้ข่าวไปแล้ว มีการเปิดให้ผู้สนใจ ไม่ได้มีข้อจำกัดว่าจะต้องเป็น สส.พรรคสมัยที่ 2 เท่านั้น จะเป็น สส.สมัยแรก ไม่ได้มีตำแหน่งบริหารในพรรคก็ได้ ทุกคนยื่นความจำนงได้ แต่ต้องเลือกแต่เพียง 1 คณะที่ถนัด สนใจ

ด้านนายพงศ์พล ยอดเมืองเจริญ รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ตัวเลขไม่หลอกใครก้าวไกลโกง กมธ.” โดยระบุว่า จากพรรคที่เคยด่าการสืบทอดอำนาจ กลายเป็นพรรคหวงอำนาจซะเอง โดยอยากได้ทั้งตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไปจนถึงตำแหน่งรองประธานสภาฯ พรรค ก.ก.จึงต้องเล่นละครตบตาคนไทยทั้งประเทศ ขับนายปดิพัทธ์ออก ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สังคมไม่ได้จับตามอง แต่มีความสำคัญยิ่งยวด คือตำแหน่งประธาน กมธ. ซึ่งเล่นไม่ซื่อ ต้องการเก็บไว้ 11 อัตราเต็ม ทั้งที่ตามสิทธิได้แค่ 10 ทุกพรรครู้เรื่องผิดปกตินี้ดี แต่ไม่มีใครกล้าพูด

นายพงศ์พลโพสต์อีกว่า โควตาประธาน กมธ. 35 ชุด จาก 500 สส.นั้นเท่ากับ 500 หารด้วย 35 = 14.2857143  แปลว่า 14.2857143 สส.ได้ 1 ประธาน กมธ. ซึ่งก่อนหน้านี้พรรค ก.ก. 151 สส. =  10.57 ได้รับปัดขึ้น เป็น 11 คณะ แต่ปัจจุบันพรรค ก.ก.มี 150 สส. = 10.50 แต่พรรค รทสช. 36 สส. = 2.52  จากเลขเต็มจำนวน จะถูกคิดคำนวณเป็นจำนวน ประธาน กมธ. ไม่มีปัญหา แต่ถ้าพิจารณาเศษทศนิยมหลังจากนายปดิพัทธ์ออกจากพรรคทำให้เศษส่วนที่มีการปัดขึ้น เปลี่ยนไปกลายเป็น รทสช. มากกว่าที่ 0.52 ต่อ 0.50 ฉะนั้นเสนอให้มีการทบทวนจำนวน ปธ.กมธ.ใหม่อย่างตรงไปตรงมา

“ก้าวไกลต้องคืนโควตา 1 เก้าอี้ อย่าทำหัวหมอ บนความผิดหลักการ เพื่อให้การแต่งตั้งชุด กมธ.สามัญ ทั้ง 35 ชุด ในวันที่ 5 ต.ค. เป็นไปอย่างชอบธรรม อย่าให้ใครครหาว่าเป็นพรรคหวงเก้าอี้ หวงการสืบทอดอำนาจ แบบพรรครุ่นใหม่ อำนาจนิยม 2.0” นายพงศ์พลระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง