ไชยางัด‘ผู้กอง’ อ้วนช่วยเคลียร์ คปท.ไล่บี้‘แม้ว’

ก.เกษตรฯ วุ่น! "ไชยา" โวยรับผิดชอบกรมปศุสัตว์ แต่ไร้อำนาจโยกย้าย ขรก. แถมโดนล้วงลูกแอบสั่งงานข้ามหัว เล็งหารือ "ภูมิธรรม" ช่วยเคลียร์  "เสี่ยอ้วน" รับลูกบอกต้องแบ่ง รมช.บริหารงานบุคคลบ้าง แต่ "ธรรมนัส" ตัดจบ ระบุคุยนายกฯ แล้วไม่มีปัญหา "วันนอร์" รอเอกสาร กกต.ส่งชื่อ "ชัยธวัช" ทูลเกล้าฯ  ถวายเป็นผู้นำฝ่ายค้านฯ "เบญจา" รอมติพรรค ก.ก. 1 พ.ค.ตัดสินกรณี สส.คุกคามทางเพศ ท่องบทเดิมต้องยกระดับทั้งสังคม "คปท." ตามบี้รีบส่ง "ทักษิณ" กลับเรือนจำ

เมื่อวันที่ 31 ต.ค. นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมช.เกษตรและสหกรณ์) กล่าวถึงการทำงานภายในกระทรวงเกษตรฯ ว่า  ถ้าจะถามว่าเรียบร้อยหรือไม่ ก็เหมือนจะเรียบร้อย แต่ยังทำใจไม่ได้ เพราะปัจจุบันยังมีปัญหาในเรื่องของการบริหารงานบุคคล ซึ่งหลังจากได้มีการปราบปรามเรื่องหมูเถื่อน ก็ต้องมีการติดตามเรื่องของคดีความ และยังคงมีกระบวนการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนอยู่ตามแนวชายแดนต่างๆ   ฉะนั้นตอนนี้จะต้องมีการปรับเปลี่ยนโยกย้าย เนื่องจากกระบวนการในการลักลอบสินค้านำเข้า ไม่ว่าจะเป็นโคมีชีวิต รวมทั้งสินค้าเถื่อนต่างๆ ตามด่านกักกัน ซึ่งในฐานะที่ตนกำกับดูแลกรมปศุสัตว์ ก็ยังมีปัญหาในเรื่องของตัวบุคคล ซึ่งตนไม่ได้ดูในเรื่องนี้ แต่ได้รับมอบหมายในการกำกับดูแล จึงมีปัญหาในเรื่องของการสั่งการ

"วันนี้ข้าราชการก็มีความสับสนว่าตกลงจะฟังใคร จึงมีปัญหาในเรื่องของการบริหารงานบุคคล บางเรื่องผมรู้ช้ากว่าอีก อธิบดีควรต้องมารายงานผมเพราะผมกำกับดูแล โดยเฉพาะเรื่องของด่านชายแดน ซึ่งวันนี้ยังมีขบวนการลักลอบนำเข้า แต่เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเรื่องเหล่านี้ถูกแต่งตั้งมาด้วยอำนาจเก่า ถึงเวลาจะต้องปรับเปลี่ยน เพราะนายกฯ ได้มอบหมายและสั่งการให้ผมกำกับดูแล เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ฉะนั้นเมื่อมีปัญหาที่ตัวบุคคลก็ต้องแก้ที่ตัวบุคคล แต่อำนาจหน้าที่ของผมไม่สามารถดำเนินการได้" นายไชยากล่าว

ถามว่าจำเป็นต้องคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรหรือไม่ นายไชยากล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของพรรค ซึ่งทางพรรคต้องกำกับดูแล และตนได้นำไปปรึกษากับนายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะรองนายกฯ ที่กำกับดูแลกระทรวงเกษตรฯ ที่ถือเป็นผู้ใหญ่ในพรรคแล้วว่าการทำงานไม่สามารถแก้ไขปัญหาบุคคลได้ เพราะวันนี้ยังมีการแอบสั่งการในเรื่องต่างๆ อยู่ ทำให้ข้าราชการเกิดความสับสนว่าตกลงจะฟังใครกันแน่ ซึ่งผู้ใหญ่ในพรรคก็รับทราบเรื่องนี้

"วันนี้คงจะได้มีการพูดคุยกับนายภูมิธรรมอีกครั้งหนึ่งว่าตกลงจะเอาอย่างไร ไม่เช่นนั้นก็จะจัดการกันไม่ได้ และผมมีข้อมูลเชิงลึกว่ามีการรู้เห็นเป็นใจกันอยู่  ผมก็เคยคุยกับ รมว.เกษตรฯ ซึ่งท่านก็บอกว่าจะแก้ไขปัญหา แต่ผมก็รอมา 2 เดือนแล้ว สื่อมวลชนก็ช่วยหน่อยก็แล้วกัน" นายไชยากล่าว

เมื่อถามว่า ดูเหมือนมีการล้วงลูกการทำงานของ รมว.เกษตรฯ ใช่หรือไม่ นายไชยากล่าวว่า ไม่ได้พูดอย่างนั้น เพียงแต่วันนี้ข้าราชการสับสนว่าจะฟังใคร อย่าว่าแต่ข้าราชการเลย แม้แต่ตนก็ยังสับสน ยืนยันตนกำกับดูแลและได้รับมอบหมายตามนโยบาย ฉะนั้นจำเป็นจะต้องรายงานตรงมาที่ตน เพราะนายกฯ ติดตามเรื่องนี้อยู่

ซักว่าถ้าไม่ได้ทำงานตามที่ได้รับมอบหมายมา งานจะเดินหน้าได้หรือไม่ รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า เมื่อเป็นเรื่องของนโยบายและเป็นบัญชาของนายกฯ ที่สั่งการมา จะยากลำบากแค่ไหนก็ต้องทำให้สำเร็จ เรื่องถอย โอ๊ย! ถอยไม่ได้หรอก เดินหน้าต่อไป

ถามว่ามีโอกาสที่นายกฯ จะเคลียร์ด้วยตัวเองหรือไม่ รมช.เกษตรฯ กล่าวว่า  ในฐานะที่เราเป็นพรรคแกนนำ นโยบายหลายเรื่องเราต้องรับผิดชอบกับประชาชน ฉะนั้นตนในฐานะตัวแทนพรรคที่เป็นพรรคใหญ่ ประชาชนเฝ้ามองอยู่ ถ้างานไม่สัมฤทธิ์มันก็ไม่เป็นไปตามนโยบายของพรรคเรา

พอถามว่าไม่คิดที่จะขอย้ายกระทรวงใช่หรือไม่ นายไชยากล่าวว่า ไม่ย้ายหรอกครับ ไม่ย้าย

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า  ยังไม่ได้ยินสิ่งที่นายไชยารู้สึก และหากพูดกันตามตรง การทำงานในกระทรวงที่หลายคนรับผิดชอบ บางทีใครถนัดงานไหนแล้วอยากทำงานงานนั้นกับรัฐมนตรีว่าการที่ดูอยู่ อาจจะเห็นไม่เหมือนกันก็เป็นกระบวนการภายในที่จะพูดคุย ถ้าเป็นปัญหาที่มากจริงเชื่อว่านายไชยาคงมาหารือกับตนอย่างชัดเจน จะได้เอาปัญหานั้นไปหารือประสานงานกับทุกฝ่ายได้พูดคุยกัน

ผู้กองชี้คุยผู้ใหญ่ไร้ปัญหา

ถามว่าก่อนหน้านี้นายไชยาระบุไม่สามารถบริหารงานบุคคลได้ ทำให้การบริหารงานที่รับผิดชอบติดขัด นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตามหลักการการบริหารบุคคล อำนาจอยู่ที่รัฐมนตรีว่าการ แต่ทางปฏิบัติสามารถพูดคุยกันได้ หากรัฐมนตรีช่วยที่ดูแลกรมมีเหตุผลและใช้หลักการที่ถูกต้องมาตัดสินใจ ก็สามารถคลี่คลายได้  หากนายไชยารู้สึกเช่นนี้ไม่น่ามีปัญหา  เดี๋ยวจะประสานงานกัน เช่น ตนบริหารกระทรวงพาณิชย์ ก็สงวนการแต่งตั้งบุคคลกับ รมช. แต่ก็คุยกัน หากมีข้อคิดเห็นอะไรก็สามารถมาบอกและพูดคุยกันได้

เมื่อถามว่า ในฐานะกำกับกระทรวงเกษตรฯ จะจัดการเรื่องนี้อย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ตนกำกับดูแล แต่ต้องเคารพเจ้ากระทรวง มีปัญหาอะไรก็พูดกันได้ แม้รัฐมนตรีมาจากต่างพรรค แต่ใช้หลักความรับผิดชอบในฐานะ ครม.เดียวกัน

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ยืนยันว่ากระทรวงเกษตรฯ ไม่มีปัญหาอะไร มีแต่สื่อที่ไปถามนายไชยา และการบริหารงานบุคคลถือเป็นอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวง โดยกฎหมายเรื่องงบประมาณ เรื่องบริหารงานบุคคลรัฐมนตรีว่าการเป็นผู้รับผิดชอบ

ถามว่า นายภูมิธรรมระบุทางปฏิบัติจะสงวนงานบริหารบุคคลให้รัฐมนตรีที่รับผิดชอบ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ทราบ ตอนตนเป็นรัฐมนตรีช่วยก็เป็นเช่นนี้ สามารถทำงานได้            

ซักถึงกรณีนายไชยาออกมาพูดเช่นนี้ ได้พูดคุยกับนายไชยาแล้วหรือยัง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่มี ตนไม่เคยมีข้อพิพาทอะไร ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ หัวหน้าพรรคมอบอำนาจให้ตนดำเนินการเจรจา ก็ต้องพูดคุยกับผู้บริหารพรรค หากมีปัญหาเรื่องการเมือง

"เรื่องนี้ผมได้คุยกับนายภูมิธรรม และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.การคลังแล้ว ยืนยันไม่ได้มีปัญหาอะไร" ร.อ.ธรรมนัสกล่าว

ที่รัฐสภา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกระบวนการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ภายหลังพรรคเป็นธรรมรับรองนายปดิพัทธ์ สันติภาดา สส.พิษณุโลก และรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่งเป็นสมาชิกพรรคเรียบร้อยแล้วว่า นายปดิพัทธ์สามารถทำหน้าที่เป็น สส.และรองประธานสภาฯ ตามข้อบังคับรัฐสภาต่อไปได้ ส่วนเรื่องผู้นำฝ่ายค้านฯ ได้ติดต่อไปยังนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลแล้วว่าขอให้รีบดำเนินการเกี่ยวกับหนังสือรับรองการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพราะกังวลว่า กกต.จะไม่ทำหนังสือดังกล่าวมาถึงสภา ถ้ายังไม่ผ่าน กกต.ก็ถือว่าความเป็นหัวหน้าพรรคและ กก.บห.ยังไม่สมบูรณ์แต่ปฏิบัติหน้าที่ก่อนได้ และการทูลเกล้าฯ ถวายจะต้องมีเอกสารครบถ้วน

 “ผมพยายามเร่งอยู่ อยากให้เรื่องนี้เสร็จโดยเร็ว เพราะหน้าที่ผู้นำฝ่ายค้านมีหลายประการ ในคณะกรรมการชุดต่างๆ ต้องอาศัยผู้นำฝ่ายค้าน ซึ่งหัวหน้าพรรคก้าวไกลรับทราบแล้ว คิดว่าคงเร็วๆ นี้”ประธานสภาฯ กล่าว

ถามว่าถึงเวลาที่เหมาะสมในการทูลเกล้าฯ ถวาย ภายหลังจากที่หัวหน้าพรรคก้าวไกลได้หนังสือรับรองจาก กกต.แล้ว  ประธานสภาฯ กล่าวว่า เมื่อได้รับหนังสือจาก กกต.แล้ว ตนต้องรีบนำเสนอเพื่อโปรดเกล้าฯ ทันที และไม่ควรเกิน 7 วัน

ต่อมา นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา  ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้ประชุมคณะกรรมการข้าราชการรัฐสภา (ก.ร.) จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า ที่ประชุม ก.ร.ได้พิจารณาเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ โดยมีมติเห็นชอบให้ ร.ต.ต.อาพัทธ์ สุขะนันท์ ในฐานะรักษาการเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เป็นเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรคนต่อไป โดยตนจะเสนอชื่อร.ต.ต.อาพัทธ์เพื่อโปรดเกล้าฯ ต่อไป

ที่พรรคเป็นธรรม นายปิติพงศ์ เต็มเจริญ หัวหน้าพรรคเป็นธรรม กล่าวว่า เมื่อ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) รับรองให้นายปดิพัทธ์สังกัดพรรคเป็นธรรมอย่างเป็นทางการ และได้ส่งหนังสือแจ้งไปยัง กกต.แล้ว และตนจะไปเป็นที่ปรึกษาให้รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่งด้วย แต่ขณะนี้รอประธานสภาฯ ลงนามแต่งตั้งอย่างเป็นทางการก่อน

รอมติพรรคลงโทษ สส.หื่น

ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) น.ส.เบญจา แสงจันทร์ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานคณะทำงานพิเศษเพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาความรุนแรงทางเพศ  กล่าวถึงความคืบหน้าในการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่มี สส.ของพรรค ก.ก.ถูกกล่าวหาคุกคามทางเพศว่า ขณะนี้ทั้งสองกรณีที่อาจเข้าข่ายคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ ทางกรรมการวินัยของพรรคในการสืบหาและรายงานข้อเท็จจริงต่อที่ประชุมของกรรมการบริหารพรรคเรียบร้อยแล้ว ซึ่งได้ข้อสรุปและมีมติให้มีการนัดหมายการประชุม สส. ร่วมกับกรรมการบริหารพรรค ในวันที่ 1 พ.ย. เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ที่รัฐสภา โดยจะมีพิจารณาบทลงโทษและมติของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับกรรมการวินัย

"การลงโทษและวินิจฉัยในกรณีนี้ พรรคยืนยันเราไม่นิ่งนอนใจ และให้ความสำคัญกับเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง ซึ่งจะมีบทลงโทษการผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับของพรรค และต้องเป็นมติร่วมกันของกรรมการบริหาร กรรมการวินัย และ สส.ของพรรค โดยบทลงโทษการผิดวินัยร้ายแรงตามข้อบังคับของพรรค แบ่งออกเป็น 2 กรณีคือ 1.การตัดสิทธิที่พึงมี 2.การขับออกจากการเป็นสมาชิกพรรค" น.ส.เบญจากล่าว

 ถามว่า ส่วนตัวมองว่าหากต้องเสียนิ้วหรือเสีย สส.เพิ่มอีกจะรับได้หรือไม่ น.ส.เบญจากล่าวว่า ตนพูดในนามส่วนตัวไม่ได้ วันนี้พูดในนามพรรค เวลาพูดว่าจะต้องเสียนิ้วหรือเสียบุคลากรของพรรคไป ก็ต้องย้อนกลับไปดูข้อเท็จจริง ซึ่งเรายืนยันเสมอว่ากรณีที่เข้าข่ายการคุกคามและล่วงละเมิดทางเพศ พรรคให้ความสำคัญอย่างจริงจัง ให้คุณค่า มีอุดมการณ์หลักที่ต้องยึดถือในเรื่องนี้ร่วมกัน

 “เราจะพูดถึงเฉพาะตัวบุคคลไม่ได้ เราต้องการพูดถึงเรื่องนี้ในระดับที่ต้องยกระดับความเข้าใจของสังคมให้มีเสมอกันและเท่ากัน และต้องการยกระดับการเมืองไทยให้เพิ่มขึ้นกว่านี้ ถ้าเราต้องเสียบุคลากรที่สำคัญไป เราจะเสียดายหรือไม่นั้น ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการที่ต้องยึดตามข้อเท็จจริง ไม่ได้มีอคติแต่อย่างใด" น.ส.เบญจากล่าว

เมื่อถามว่า หากมีมติให้ขับ สส.ออกจากพรรค พร้อมที่จะยอมรับและไม่กังวลในจำนวนของ สส.ที่ลดลงใช่หรือไม่ น.ส.เบญจากล่าวว่า จำนวน สส.ไม่ได้พิสูจน์ เราจะยืนหยัดให้คุณค่าหรืออุดมการณ์กับเรื่องนี้อย่างไร หากที่ประชุมมีมติเดียวกันว่าสมควรให้ลงโทษทางวินัยร้ายแรงโดยการขับออกจากพรรคนั้น เราก็น้อมรับ

อย่างไรก็ตาม ที่บริเวณด้านหน้าอาคารไทยซัมมิท แฟนเพจเฟซบุ๊ก “วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร” และนายนิยม นพรัตน์ หรือ "เค สามถุยส์" นัดทำกิจกรรมการแสดงสีดาลุยไฟ เพื่อเรียกร้องให้พรรคก้าวไกลเร่งดำเนินการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีที่มี สส.ของพรรคก้าวไกลถูกกล่าวหาคุกคามทางเพศ ซึ่งมีนายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานคณะกรรมการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมระหว่างเพศ พรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย

นายนิยมกล่าวว่า ขอฝากเสียงนี้ไปถึงผู้บริหารพรรคก้าวไกลทุกท่าน วันนี้พวกเราประชาชนมายื่นหนังสือให้กับพวกท่าน ซึ่งได้มีการประสานงานและขออนุญาตเจ้าหน้าที่ไปแล้วว่าจะมายื่นหนังสือที่ตึกไทยซัมมิท แต่ท่านปฏิเสธที่จะมารับหนังสือจากพวกเรา โดยเราจะใช้เวลาทำกิจกรรมประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าท่านไม่มารับหนังสือจากพวกเรา แสดงว่าท่านไม่ยอมรับฟังเสียงของพี่น้องประชาชน 

ที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย หรือ คปท. ทำกิจกรรม "ใส่รองเท้าผ้าใบถุงเท้าหลากสี ไปทำเนียบ เศรษฐาอย่าลอยตัว นำทักษิณกลับเรือนจำ" บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล เรียกร้องให้นายเศรษฐาสั่งการให้นำตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับไปควบคุมตัวที่เรือนจำ

ทั้งนี้ นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกฯ เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรีเดินทางมารับมอบหนังสือจากกลุ่ม คปท. แต่ยังไม่เป็นที่พอใจของมวลชน โดยแกนนำระบุว่าท่าทีของนายสมคิดไม่มีความจริงใจในการรับหนังสือ จึงพากันโห่ร้อง ก่อนเดินทางกลับ ขณะที่นายพิชิตประกาศว่าจะมาชุมนุมและยื่นหนังสืออีกครั้งในวันที่ 6 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น.

เช่นเดียวกับ นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือถึงนายชัยชนะ เดชเดโช ประธานคณะกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ขอให้คณะกรรมาธิการการตำรวจตรวจสอบที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น 14 ว่านายทักษิณพักรักษาตัวที่ดังกล่าวจริงหรือไม่และขอให้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการศึกษาหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้

"ขอตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกชั้นทุกตัวของโรงพยาบาลตำรวจ และไฟล์บันทึกภาพเสียง หากไม่มีการบันทึกขอให้ตั้งกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่รับผิดชอบที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ขอให้ตั้งคณะอนุกรรมาธิการศึกษาหาข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ และแถลงข้อเท็จจริงให้พี่น้องประชาชนทราบต่อไปโดยเร็วที่สุด" นายวัชระกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง