"รัฐบาล" ลุยแก้หนี้นอกระบบวาระแห่งชาติ "เศรษฐา" ลั่นปลดปล่อย ปชช.จากการเป็นทาส สั่ง "มท.-ตร." ร่วมไกล่เกลี่ย มอบคลังช่วยปรับโครงสร้างหนี้ "อนุทิน" กำชับผู้ว่าฯ-นอภ.สำรวจพื้นที่ดึงลูกหนี้เข้าระบบ ฮึ่ม! ไม่ปล่อยให้ใครถูกรังแก "ครม." ไฟเขียวปรับขึ้นเงินเดือน ขรก. 10% ระยะเวลา 2 ปี รวมใช้งบประมาณ 1.6 หมื่นล้าน เคาะขรก.บรรจุใหม่ จบ ป.ตรีได้ 1.8 หมื่น เริ่ม 1 พ.ค.67 พร้อมขยับเพดานค่าครองชีพช่วย จนท.รายได้น้อยปีละ 3 พันล้าน "นายกฯ" เร่งทุกกระทรวงเคาะไม้เด็ดแจกของขวัญปีใหม่ "ภูมิธรรม" กดปุ่มคิกออฟจ่ายเงินชาวนาไร่ละ 1 พันบาทแล้ววันแรก
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 28 พ.ย. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย, นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รมช.การคลัง และพล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. ร่วมแถลงข่าววาระแห่งชาติการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
นายเศรษฐากล่าวว่า รัฐบาลเห็นปัญหาหนี้นอกระบบเป็นปัญหาที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน และเป็นเรื่องใหญ่ของคนไทยจำนวนมาก วันนี้เราจะเอาจริงเอาจังทำให้การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ ฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ คืนศักดิ์ศรี คืนความหวัง และสร้างความมั่นคงให้กับประชาชนคนไทย เราได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายปกครองที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชน และฝ่ายตำรวจที่ช่วยกำกับดูแลบังคับใช้กฎหมาย จะมาทำงานร่วมกันแก้ไขทั้งเรื่องหนี้ และมีเรื่องของความสัมพันธ์ในระดับชุมชนที่ละเอียดอ่อน นอกจากการแก้ไขหนี้แล้ว รัฐบาลก็จะฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนขึ้นไปถึงระดับมหภาค ยกระดับความเป็นอยู่ ทำให้ไม่กลับไปมีหนี้ล้นพ้นตัวอีก
"รัฐบาลได้ประเมินจำนวนครัวเรือนที่มีปัญหาหนี้นอกระบบ คิดเป็นมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งผมคิดว่าเลขนี้น่าจะประเมินไว้ค่อนข้างต่ำ และปัญหาจริงๆ น่าจะมีมากกว่านั้น สำหรับผมหนี้นอกระบบถือว่าเป็น Modern World Slavery เป็นการค้าทาสในยุคใหม่ที่ได้พรากอิสรภาพ ความฝัน ไปจากผู้คนในยุคสมัยนี้ ปัญหานี้เรื้อรังและใหญ่เกินกว่าที่จะแก้ปัญหาได้โดยไม่มีภาครัฐเป็นตัวกลาง ในวันนี้รัฐบาลจึงต้องบูรณาการหลายภาคส่วนเข้ามา ทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้ประชาชนกลับไปอยู่ในวงจรหนี้สินนอกระบบอีก" นายเศรษฐากล่าว
นายกฯ กล่าวว่า สำหรับภาครัฐจะรับบทบาทเป็นตัวกลางสำคัญในการไกล่เกลี่ยพร้อมกันทั้งหมด ดูแลทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้อย่างเป็นธรรม ตั้งแต่ต้นกระบวนการจนถึงการปิดหนี้ การทำสัญญา ที่หลายครั้งไม่เป็นไปตามกฎหมาย มีดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรม และกระบวนการทวงหนี้ที่ใช้ความรุนแรง ต้องจัดให้ทำสัญญาที่เป็นธรรมและเป็นไปตามกฎหมาย พูดง่ายๆ คือการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ ภาครัฐจะต้องทำงานร่วมกันหลายหน่วยงาน เพื่อทำให้ลูกหนี้ได้มีโอกาสหายใจ มีกำลังใจพอจะดำเนินชีวิต หาเงินมาปิดหนี้ให้ได้
"ผมได้สั่งการในช่วงต้นเดือน พ.ย.ให้ตำรวจและมหาดไทยไปทำการบ้านมา โดยทั้ง 2 หน่วยงานต้องทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการ ให้ดีกว่าในอดีตที่เคยแยกกันทำ พูดให้ชัดๆ คือการแก้หนี้นอกระบบจะต้องทำด้วยกันแบบ End-to-end ต้องมีมาตรการต่อเนื่อง เพื่อไม่ให้ประชาชนกลับเข้าไปอยู่ในวงจรอีก และทั้งสองหน่วยงานจะต้องเข้าใจกระบวนการทำงานของกันและกัน ต้องทำให้กระบวนการทำงานไม่ซ้ำซ้อน มีขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบร่วมกันที่ชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบ ผมขอฝากให้ทั้งสองหน่วยงานทำงานอย่างมีเป้าหมาย มีเป้าประสงค์ (KPI) ร่วมกัน และกรอบเวลาที่ชัดเจน และผมจะติดตามดูผลอย่างใกล้ชิด" นายกฯ กล่าว
นายเศรษฐากล่าวว่า ในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ จะมีการแถลงเรื่องภาพรวมหนี้แบบครบวงจร ซึ่งจะครอบคลุมทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบอีกครั้ง และตนจะทำให้โครงการนี้ช่วยปลดปล่อยพี่น้องประชาชนจากการเป็นทาสหนี้นอกระบบ ลืมชีวิตที่เคยลำบาก มีกำลัง มีแรงใจที่จะทำตามความฝัน นับจากนี้เป็นต้นไป
ถามว่า การเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบจะมีหลักเกณฑ์เรื่องดอกเบี้ยอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ห้ามคิดเกินร้อยละ 15 ต่อปี และต้องดูว่าตั้งแต่เป็นหนี้ไปแล้วจ่ายเงินไปแล้วเท่าไหร่ หากจ่ายเกินไปแล้วก็ต้องยกเลิกต่อกัน
บูรณาการแก้หนี้นอกระบบ
"การแก้หนี้ครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม เพราะที่ผ่านมาไม่ได้ทำแบบบูรณาการ ครั้งนี้ทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายมั่นคง จะให้เจ้าหนี้มาเจรจา และกระทรวงการคลังที่จะเข้ามาช่วยเหลือ อีกทั้งยังจะมีการแก้หนี้ในระบบด้วย ตรงนี้จะเป็นอีกส่วนที่จะทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากได้ โดยจะมีการแถลงวันที่ 12 ธ.ค. เราจะนำการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบและในระบบมาประสานกัน เพื่อทำให้ประชาชนกลับมาเป็นหนี้ยากขึ้น การจะไม่ให้เป็นหนี้เลยคงลำบาก แต่เราจะทำให้เป็นธรรมตามที่กฎหมายกำหนด" นายเศรษฐากล่าว
ซักว่าปัญหาความเหลื่อมล้ำในประเทศมีเยอะ ผู้ที่เข้ามาบริหารประเทศส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอีลิท อาจไม่เห็นความชัดเจนของปัญหา นายกฯ กล่าวว่า การที่เรามีวันนี้ คือพูดคุยระหว่างฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง กระทรวงการคลัง เชื่อว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่นำทุกภาคส่วนมาบูรณาการกัน ไม่ใช่ว่าเรามองไม่เห็น ถ้ามองไม่เห็นคงไม่มานั่งกันวันนี้ ยืนยันเรื่องนี้เราให้ความสำคัญ การยกระดับเศรษฐกิจก็เป็นเรื่องสำคัญ
ส่วนนายอนุทินกล่าวว่า มท.จะใช้เครือข่ายและกลไกการทำงานที่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทั้งประเทศ และใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด ตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน ที่มีความใกล้ชิดสนิทสนมและได้รับความไว้วางใจจากประชาชน ซึ่งถือว่าเป็นจุดแข็งที่เราจะใช้ในการขับเคลื่อนภารกิจนี้ ที่ผ่านมาในการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบนั้น มท.ได้มีการดำเนินการผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดและระดับอำเภอ โดยนายอำเภอจะมีบทบาทในฐานะประธานคณะผู้ไกล่เกลี่ยร่วมกับพี่น้องประชาชนในนามคณะผู้ไกล่เกลี่ย ซึ่งนายอำเภอก็ได้ใช้อำนาจหน้าที่ดำเนินการให้คู่พิพาททำสัญญาประนีประนอมยอมความกันได้ตามเงื่อนไขของหลักกฎหมาย
"มท.ขอเชิญชวนให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ถูกข่มขู่คุกคาม หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม มาลงทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.เป็นต้นไป ที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ในศาลากลางจังหวัดทุกแห่ง ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ในที่ว่าการอำเภอทุกแห่ง และในส่วนของกรุงเทพมหานคร สามารถลงทะเบียนได้ที่สำนักงานเขตทุกแห่ง เพื่อที่ มท.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะรวบรวมข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน นำไปสู่การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบให้เป็นรายๆ ไป เพราะแต่ละเคสก็มีความเฉพาะตัวที่ต่างกัน" นายอนุทินกล่าว
รองนายกฯ กล่าวว่า ในส่วนของมาตรการการบังคับใช้กฎหมายกับเจ้าหนี้นอกระบบ ซึ่งมีพฤติกรรมข่มขู่ใช้ความรุนแรง หรือเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดนั้น ทางฝ่ายปกครองจะประสานกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ซึ่งในส่วนนี้จะมีความสอดคล้องกับงานปราบปรามผู้มีอิทธิพลที่กระทรวงมหาดไทยดำเนินการอยู่ด้วย
ถามว่าจำนวนผู้มีอิทธิพลที่เป็นเจ้าหนี้มีจำนวนเท่าใด นายอนุทินกล่าวว่า ผู้มีอิทธิพลตามมาตรฐานที่กรมการปกครองขึ้นทะเบียน เราเน้นที่การใช้อิทธิพลข่มเหงรังแกชาวบ้าน ต้องปราบผู้มีกำลังเหนือกว่าไปใช้ข่มเหงผู้มีกำลังน้อยกว่า ไม่ใช่แค่เรื่องหนี้อย่างเดียว แต่ทุกอย่างที่เป็นเรื่องผิดกฎหมาย เราใช้กฎหมายดำเนินคดีในฐานะที่ทำผิดต่อบ้านเมือง
ด้าน พล.ต.อ.ธนากล่าวว่า การปราบปรามหนี้นอกระบบนั้น ตั้งแต่ 1 ต.ค.2566 ถึงปัจจุบัน สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ 134 ราย ยึดของกลางมูลค่า 8 ล้านบาท
ขณะที่นายกฤษฎากล่าวว่า ในส่วนกระทรวงการคลัง จะดูแลลูกหนี้นอกระบบภายหลังที่ปรับโครงสร้างหรือไกล่เกลี่ยกันเรียบร้อยแล้ว โดยจะมีธนาคารของรัฐดูแล อย่างธนาคารออมสิน ซึ่งจะให้กู้รายหนึ่งไม่เกิน 50,000 บาท ในระยะเวลา 5 ปี และอีกส่วนจะเป็นเรื่องของโครงการสินเชื่อสำหรับอาชีพอิสระรายย่อยเพื่อส่งเสริมอาชีพ ซึ่งนี่จะเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ให้กู้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ระยะเวลาสูงสุด 8 ปี อัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามความสามารถของลูกหนี้แต่ละราย นอกจากนี้ ทาง ธ.ก.ส.ก็มีโครงการเพื่อรองรับ หากใครจะนำที่ดินมาฝากขาย หรือติดจำนองที่เกี่ยวกับหนี้นอกระบบ ทาง ธ.ก.ส.จะมีวงเงินให้กับเกษตรกรต่อราย 2.5 ล้านบาท ในการแก้ไขเรื่องที่ดินทำกิน
เงินเดือน ขรก.ใหม่ 1.8 หมื่น
วันเดียวกัน นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีปรับฐานเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ว่า ที่ประชุม ครม.ได้เห็นชอบในหลักการตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เสนอปรับฐานเงินเดือนข้าราชการบรรจุใหม่ เพื่อให้แข่งขันกับภาคเอกชน ปรับให้ทันสมัยขึ้น หลักใหญ่ๆ คือดูแลข้าราชการที่เข้าใหม่ โดยต้องปรับชดเชยจากกลุ่มอื่นๆ ให้เท่าเทียมกันอย่างมีแผนการ เพราะขณะนี้ยังมีช่องว่างอยู่ระหว่างภาคเอกชนกับข้าราชการ
"สิ่งสำคัญที่สุดคือการปรับที่ต้องสอดคล้องกับตำแหน่ง ไม่ให้มากไปหรือน้อยไป ให้เป็นรัฐบาลที่ทันสมัย โดยจะต้องยึดโยงกับตำแหน่งที่ตั้งไว้ เพื่อปรับให้เหมาะสม ตามแผนการที่ได้ยืนยันว่าทุกอย่างทำตามแผนการที่ได้หารือมาก่อนหน้านี้แล้ว" นพ.พรหมินทร์กล่าว
ถามถึงอัตราขั้นต่ำในการปรับขึ้นเท่าไหร่ เลขาธิการนายกฯ กล่าวว่า มีขั้นตอนมีขั้นตอน และมีแผนดำเนินการ 2-3 ปี ส่วนเพิ่มเงินเดือนจากเดิม 15,000 บาท ไปเป็นเท่าไหร่นั้น ขอให้ ก.พ.ชี้แจงดีกว่า เพราะวันนี้เห็นชอบในหลักการและให้กรอบเวลาในการจัดทำตามแผน
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เสนอ มีเป้าหมายการปรับฐานเงินเดือนใหม่ และรายได้ต่างๆ ให้กับผู้ที่จบปริญญาตรีและระดับ ปวช. ที่บรรจุเข้ารับราชการใหม่
ทั้งนี้ ตามการศึกษาของสำนักงาน ก.พ. แบ่งรายละเอียดออกเป็นกลุ่มดังนี้ 1.การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่บรรจุใหม่จะปรับเพิ่มให้ 2 กลุ่ม โดยให้ภายใน 2 ปี จะปรับเพิ่มปีละ 10% ประกอบด้วย ผู้จบปริญญาตรี ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 18,000 บาท, ผู้จบ ปวช. ไม่ต่ำกว่าเดือนละ 11,000 บาท 2.เงินชดเชยผู้ที่ได้รับผลกระทบ ประกอบด้วยข้าราชการเดิมที่มีฐานเงินเดือนต่ำกว่าฐานของข้าราชการบรรจุใหม่ จะให้มีการปรับเงินเดือนเพิ่มขึ้นเพื่อชดเชยย้อนหลังให้ได้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
3.เงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว โดยมีการปรับฐานเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวจากเพดานเดิม แบ่งเป็นข้าราชการที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเดือนละ 13,285 บาท เดิมจะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวอีก 2,000 บาท แต่ไม่เกินเดือนละ 13,285 บาท โดยจะปรับเพดานใหม่เป็นข้าราชการที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเดือนละ 14,600 บาท จะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวอีก 2,000 บาท แต่ไม่เกินเดือนละ 14,600 บาท เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีเงินเดือนต่ำกว่าเดือนละ 10,000 บาท เดิมจะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว แต่ไม่เกินเดือนละ 10,000 บาท โดยจะปรับเพดานใหม่เป็น 11,000 บาท หากใครที่ได้รับเงินไม่ถึง จะได้รับเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราว แต่ไม่เกินเดือนละ 11,000 บาท
นายชัยกล่าวว่า การปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุในปีที่ 1 จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2567 โดยงบประมาณในปีที่ 1 (12 เดือน) จะอยู่ที่ 7,200 ล้านบาท ส่วนการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุในปีที่ 2 จะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.2568 โดยงบประมาณในปีที่ 2 (12 เดือน) จะอยู่ที่ 8,800 ล้านบาท ส่วนการปรับเพดานเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราวของเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้น จะใช้งบประมาณปีละไม่เกิน 3,000 ล้านบาท
"การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการครั้งนี้ จะใช้งบประมาณในปีแรก คือปีงบประมาณ 2567 วงเงินประมาณ 7,200 ล้านบาท ส่วนปีที่ 2 คือ ปีงบประมาณ 2568 วงเงินประมาณ 8,800 ล้านบาท แต่ในการดำเนินการในปีแรกงบประมาณปี 2567 ยังไม่สามารถใช้ได้ ดังนั้นวงเงินที่ใช้จริงจึงใช้แค่ 5 เดือนเท่านั้น ส่วนงบประมาณช่วยเงินค่าครองชีพชั่วคราว ตั้งงบประมาณไว้ปีละไม่เกิน 3,000 ล้านบาท ครม.มีมติเห็นชอบและให้หน่วยงานต่างๆ ไปดำเนินการตามที่ ครม.อนุมัติ เริ่มดำเนินการได้เลย เริ่มตั้งแต่ 1 พ.ค.2567” โฆษกรัฐบาลระบุ
นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการตามที่ ครม.เห็นชอบ จะปรับขึ้นในอัตรา 10% เป็นระยะเวลา 2 ปี ในปีงบประมาณ 2567-2568 และคาดว่าจะเริ่มต้นการขึ้นเงินเดือนงวดแรกได้ภายหลังจากงบประมาณปี 2567 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางปีนี้
"การปรับขึ้นเงินเดือนรอบนี้จะปรับเพิ่มขึ้นเฉพาะกลุ่มข้าราชการบรรจุใหม่ก่อน โดยปรับอัตราเงินเดือนเพิ่มขึ้นปีละ 10% เพื่อให้ปีที่ 2 ของการทำงาน คือปี 2568 ข้าราชการบรรจุใหม่จะมีเงินเดือนแตะ 18,000 บาท แต่ในระหว่างการรอการปรับฐานขึ้นเงินเดือนขึ้น ในช่วงนี้จะมีเงินช่วยค่าครองชีพเข้าไปช่วยก่อน แต่จะเพิ่มขึ้นเท่าใดนั้น กรมบัญชีกลางจะกลับไปพิจารณารายละเอียดมาเสนอ ครม.อีกครั้ง" เลขาฯ สศช.กล่าว
มีรายงานข่าวแจ้งว่า การปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐในครั้งนี้ ให้ผู้ที่มีวุฒิการศึกษาระดับ ปวช. ได้รับเงินเดือนแรกบรรจุในปีที่ 1 ระหว่าง 10,340-11,380 บาท และปีที่ 2 ระหว่าง 11,380-12,520 บาท จากปัจจุบัน 9,400-10,340 บาท, ผู้ที่มีวุฒิการศึกษาระดับ ปวส. ได้รับเงินเดือนแรกบรรจุในปีที่ 1 ระหว่าง 12,650-13,920 บาท และปีที่ 2 ระหว่าง 13,920-15,320 บาท จากปัจจุบัน 11,500-12,650 บาท
ผู้ที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ได้รับเงินเดือนแรกบรรจุในปีที่ 1 ระหว่าง 16,500-18,150 บาท และปีที่ 2 ระหว่าง 18,150-19,970 บาท จากปัจจุบัน 15,000-16,500 บาท, ผู้ที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาโท ได้รับเงินเดือนแรกบรรจุในปีที่ 1 ระหว่าง 19,250-21,180 บาท และปีที่ 2 ระหว่าง 21,180-23,300 บาท จากปัจจุบัน 17,500-19,250 บาท และผู้ที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาเอง ได้รับเงินเดือนแรกบรรจุในปีที่ 1 ระหว่าง 23,100-25,410 บาท และปีที่ 2 ระหว่าง 25,410-27,960 บาท จากปัจจุบัน 21,000-23,100 บาท
สั่งเคาะไม้เด็ดแจกปีใหม่
ด้านนายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า ในการประชุม ครม. นายกฯ ระบุเหลืออีก 1 เดือนจะสิ้นปีเก่าและเข้าสู่ปีใหม่ ให้ทุกกระทรวงเตรียมของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ไม้เด็ดต่างๆ ที่คิดว่าประกาศออกมาแล้วประชาชนจะมีความสุขให้เร่งกันให้มากหน่อย
นอกจากนี้ นายชัยกล่าวว่า ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ นายกฯ และคณะเตรียมเดินทางไปตรวจราชการที่จังหวัดอุตรดิตถ์ในวันที่ 30 พ.ย. และที่จังหวัดภูเก็ตในวันที่ 1 ธ.ค.
ที่บริเวณด้านหน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานงาน Kick off มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 เพื่อเริ่มต้นจ่ายเงินชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ภายใต้โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 วงเงินงบประมาณจ่ายขาด 56,321.07 ล้านบาท
ทั้งนี้ นายภูมิธรรมได้พูดคุยกับเกษตรกรผ่านออนไลน์ เพื่อติดตามการโอนเงินวันแรก และสอบถามถึงการนำเงินไปใช้ว่าจะนำไปใช้จ่ายอะไรบ้าง หรือมีข้อติดขัดในเรื่องใดเกี่ยวกับการโอนเงินด้วย
นายภูมิธรรมกล่าวว่า วันนี้ได้เริ่มต้นจ่ายเงินไร่ละ 1,000 บาทให้กับชาวนา ซึ่งมีชาวนาจากหลายจังหวัดได้รับการโอนเงินและกดเงินออกมาแล้ว ซึ่งโครงการนี้จะเป็นมาตรการที่ทำในปีนี้ ส่วนปีต่อๆ ไปรัฐบาลจะหาทางปรับเปลี่ยนการดูแลในด้านที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับการผลิตข้าวเพื่อช่วยชาวนาต่อไป
ถามถึงการโอนเงินไร่ละ 1,000 บาท นายภูมิธรรมกล่าวว่า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จะทยอยโอนเงินเข้าบัญชีชาวนาในโครงการทั่วประเทศครบภายใน 5 วันจากนี้
สำหรับการจ่ายเงินชาวนาไร่ละ 1,000 บาท ภายใต้โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 วงเงินงบประมาณจ่ายขาด 56,321.07 ล้านบาท ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอนั้น กำหนดรายละเอียด 1.กลุ่มเป้าหมายเป็นเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2566/67 ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ประมาณ 4.68 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ 2.ส่งรายชื่อเกษตรกรให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินการจ่ายเงินให้เกษตรกร 3.การจ่ายเงินกำหนดจ่ายในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 20 ไร่ หรือครัวเรือนละไม่เกิน 20,000 บาท
นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุม ครม.มีมติให้ความเห็นชอบโครงการชดเชยดอกเบี้ยให้ผู้ประกอบการค้าข้าวในการเก็บสต๊อก ปีการผลิต 66/67 และอนุมัติกรอบวงเงินจำนวน 780 ล้านบาท ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่ไหวแล้ว 'เศรษฐา' จ่อเรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจ นัดพิเศษ หลังรู้จีดีพีไทยโตต่ำสุดในอาเซียน
“เศรษฐา” เรียกประชุม ครม.เศรษฐกิจ นัดพิเศษ 27 พ.ค.นี้ หลังจีดีพีไทยไตรมาสแรกโตต่ำสุดในอาเซียน
คุก6ด.น้องธนาธร ติดสินบน20ล้าน เช่าที่ดินทรัพย์สิน
ศาลอาญาคดีทุจริตสั่งจำคุก "สกุลธร จึงรุ่งเรืองกิจ" น้องชาย "ธนาธร" 6 เดือนไม่รอลงอาญา คดีติดสินบน 20 ล้าน
ทนายกังขายื้อให้CCTV ตู่ซัดแม้วพ่อค้าลวงโลก
กรมคุกฟอกตัวจ้าละหวั่น ลากสื่อเข้าสำรวจสถานที่ขัง "บุ้ง ทะลุวัง" ก่อนจบชีวิต ขณะที่ "ทนายด่าง” รับหลักฐานรายงานการรักษา
‘พิชิต’ไม่ลาออกตัดไฟลามนายกฯ
"เศรษฐา" ไม่เสียสมาธิ หลังฝ่ายธุรการศาล รธน.รับเรื่อง 40 สว.ยื่นตรวจสอบตั้ง "พิชิต" นั่ง รมต.
ฟอกข้าวขาวจั๊วะ กรมวิทย์การันตี ไร้สารพิษ7ชนิด
เหลือเชื่อ! ข้าว 10 ปีกินได้จริงๆ ไม่ต้องกลัวเป็นมะเร็ง กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยผลตรวจ ขอให้มั่นใจไม่พบสารพิษจากเชื้อรา 7 ชนิด
เริ่มฮั้วยึดเก้าอี้สว. กกต.จับตาพวกไร้คะแนน-ท็อปไฟว์/‘ทักษิณ’ส่ง‘สมชาย’ดันนั่งปธ.
ประเดิมสมัคร สว.วันแรก มีทั้งพื้นที่คึกคักและกร่อย สะพัด! กทม.เริ่มมีเรื่องฮั้ว รวมกลุ่ม “กกต.” จับตาพวกไร้คะแนนและบรรดาท็อปไฟว์