‘เอ้’หวัง‘มาร์ค’ช่วยนำชัย ก้าวไกลไม่หลบส่งชิงแน่

"ดร.เอ้" ประเดิมลงพื้นที่เขตบางรัก เล็งปั้น รร.วัดม่วงแคเป็นตัวอย่าง รร.สังกัด กทม. 430 โรงให้มีคุณภาพสู้กับสิงคโปร์  หวัง "อภิสิทธิ์" ช่วยหาเสียงจะได้รับชัยชนะ "พรพรหม" ลูกชาย "พนิต-ส.ส.ปชป." เปิดตัวทีมงาน "ชัชชาติ" ผนึก 3 เจนดึงฐานคนรุ่นใหม่  "ก้าวไกล" มีมติส่งชิงผู้ว่าฯ กทม. "พิธา" ลั่นปี 65 เป็นปีประกาศชัย " พท." จี้รัฐบาลเร่งประกาศวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.-ส.ก.

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ลงพื้นที่ครั้งแรกที่เขตบางรักร่วมกับนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ปชป., น.ส.อรอนงค์ กาญจนชูศักดิ์ อดีต ส.ส.กทม. และนายสุวิทย์  เลิศธนากุลวัฒน์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. โดยเดินทางไปยังมัสยิดฮารูณซึ่งเป็นมัสยิดเก่าแก่อายุกว่า 150 ปี ศูนย์รวมจิตใจของชาวมุสลิมย่านบางรัก ถนนเจริญกรุง ภายในมัสยิดมีความสงบและสวยงาม ตกแต่งภายในอย่างสมมาตร สะท้อนปรัชญาศาสนาอิสลามอย่างชัดเจน เป็นสถานที่ในการเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน โดยเฉพาะวัฒนธรรมที่มีความแตกต่าง พร้อมกับชื่นชมชุมชนมัสยิดฮารูณว่ามีความสะอาดมาก และร้านอาหารอร่อยทุกร้าน

จากนั้นเดินทางไปสักการะพระประธานในอุโบสถวัดม่วงแค เจริญกรุง 34 พร้อมกับระบุว่า พื้นที่เขตบางรักมีลักษณะเป็นพหุวัฒนธรรม และมีโรงเรียนวัดม่วงแคที่ในอดีตมีนักเรียนเข้าเรียนจำนวนมาก มีอาคารเรียนขนาดใหญ่รองรับนักเรียนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ได้ราว 1,000 คน มีจุดเด่นคืออาหารกลางวันเป็นอาหารฮาลาล รองรับนักเรียนที่นับถือศาสนาอิสลามด้วย แต่ปัจจุบันพื้นที่ซึ่งเคยใช้เป็นที่เคารพธงชาติได้กลายเป็นที่จอดรถ เนื่องจากมีจำนวนนักเรียนลดลงเหลือเพียง 54 คน

"โรงเรียนนี้เป็นตัวอย่างโรงเรียนสังกัด กทม. 430 โรงที่อยู่ในพื้นที่กลางเมือง แต่คน กทม.ส่งลูกไปเรียนที่อื่น ด้วยเหตุนี้ตนจึงมีความตั้งใจในการเป็นผู้ว่าการศึกษา เพื่อฟื้นโรงเรียนในสังกัด กทม.ให้มีคุณภาพสู้กับประเทศสิงคโปร์ได้ พร้อมกับตั้งใจจะทำโรงเรียนวัดม่วงแค เป็นโรงเรียนตัวอย่างในพื้นที่เขตบางรัก" นายสุชัชวีร์กล่าว

หลังจากนั้นได้เดินเข้าซอยโรงภาษี เจริญกรุง 36 พบอาคารเก่าที่คาดว่าสร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งชาวบ้านมีความต้องการบูรณะปรับปรุงอาคาร จึงเห็นว่าการเป็นผู้ว่าฯ กทม.ควรทำหน้าที่เป็นพ่อบ้าน ทำหน้าที่ประสานทุกฝ่ายให้มาร่วมกันทำงาน อีกทั้ง กทม.มีหน่วยงานช่างที่ใหญ่ที่สุด จึงควรนำทีมเจ้าหน้าที่ กทม.มาช่วยชุมชนเพื่อคืนพื้นที่ดีๆ  ให้เป็นพื้นที่สาธารณะต่อไป

เมื่อถามถึงผลโพลที่มีคะแนนนิยมเป็นรองนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์  ว่าที่ผู้สมัครอิสระ นายสุชัชวีร์ยอมรับว่ายังสู้คะแนนนายชัชชาติไม่ได้ แต่ถือว่าเป็นแรงผลักดันให้มุ่งมั่นลงพื้นที่หนักขึ้น และขณะนี้ได้รับการตอบรับจากประชาชนมากขึ้น เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศว่าจะมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรค ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงด้วยนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะคะแนนเสียงของพรรคประชาธิปัตย์มีความเข้มแข็งอยู่แล้ว จะทำให้ตนเองสามารถคว้าเก้าอี้ผู้ว่าฯ กทม.มาได้

นายพรพรหม วิกิตเศรษฐ์ อดีตผู้ร่วมก่อตั้งองค์กร New Dem  หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่พรรคประชาธิปัตย์ บุตรชายนายพนิต วิกิตเศรษฐ์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ปชป. เปิดเผยถึงการลงพื้นที่ร่วมกับนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามอิสระ ที่ลงพื้นที่บางขุนเทียนเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.ว่า ได้รู้จักและพูดคุยกับนายชัชชาติมาร่วมปีเศษ และท่านอยากให้มาช่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ เช่น  พัฒนาพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ และการลดฝุ่น PM2.5 ถือเป็นงานที่ตัวเองถนัดที่เรียนมาจากต่างประเทศ รวมทั้งยังผ่านการทำงานด้านสิ่งแวดล้อมให้องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และยังเป็นอาจารย์สอนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อีกด้วย ที่สำคัญคือเป็นกระบอกเสียงของคนรุ่นใหม่ และขับเคลื่อนกิจกรรมของคนรุ่นใหม่ในกรุงเทพฯ ในอนาคต 

"เมื่อมาร่วมงานกับนายชัชชาติจึงขอหยุดพักการเมืองระดับชาติเอาไว้ก่อน และมาทุ่มเทกับการพัฒนาเมืองหลวง และการเปิดตัวเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. นายชัชชาติอยากสื่อให้เห็นภาพ 3 เจน คือ นายพิจิตต รัตตกุล อดีตผู้ว่าฯ กทม และตนเองคือคนรุ่นใหม่ ส่วนนายชัชชาติเป็นตัวเชื่อมตรงกลางระหว่างช่วงวัย"

ถามถึงเรื่องตำแหน่งในอนาคตได้ตกลงกับนายชัชชาติไว้หรือไม่ หากได้รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ กทม. นายพรพรหมกล่าวว่า คุยแต่เรื่องกรอบการทำงานในเรื่องสิ่งแวดล้อม และช่วยดึงฐานคนรุ่นใหม่ซึ่งถือเป็นฐานเสียงที่สำคัญ ยังไม่ได้คุยเรื่องตำแหน่งใดๆ

เมื่อถามว่า การมาร่วมงานกับนายชัชชาติถือว่าเป็นการดึงฐานเสียงของคนรุ่นใหม่ของ ปชป.หรือไม่  นายพรพรหมกล่าวว่า แล้วแต่จะมองและอาจคิดได้เพราะตนเคยอยู่องค์กร New Dem พรรคประชาธิปัตย์ และเคยเป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรค ปชป. ตนมาร่วมงานกับนายชัชชาติ นายพนิต (บิดา) ก็ไม่ได้ว่าอะไร และให้อิสระการทำงานและตัดสินใจทางการเมืองอย่างเต็มที่ นายพนิตชื่นชมแนวทางการทำงานในกรุงเทพฯ ของนายชัชชาติ ส่วนจะย้ายจากพรรค ปชป.หรือไม่ ตนไม่ทราบต้องไปถามนายพนิต

ขณะที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า "2565: ปีแห่งความหวังและโอกาสเปลี่ยนประเทศผ่านการเลือกตั้ง ปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ 2 ของพรรคก้าวไกล เป็นปีที่เรายังคงมุ่งมั่นทำงานหนักเพื่อเป็นปากเสียงให้กับผู้ถูกกดขี่ เป็นมือเท้าให้กับผู้ถูกละเลยจากรัฐ เข้าไม่ถึงโอกาส เรายังมีอีกหนึ่งภารกิจสำคัญในปีหน้าที่ต้องขอแรงสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน นั่นก็คือ 'การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร' จึงพร้อมส่งตัวแทนลงสมัครในทุกสนามการเลือกตั้ง ผู้สมัครทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะนี้ ไม่มีใครเป็นตัวแทนของความฝันและอุดมการณ์ของเราได้อย่างสนิทใจ เราต้องการเห็นผู้แทนของประชาชนที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองตรงกันกับเรา ที่จะต่อสู้เพื่อรักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตย เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยไม่โอนอ่อนให้กับเหล่านายทุน ขุนศึก ศักดินา ใดๆ"

"ที่ประชุมพรรคก้าวไกลจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ ส่งผู้สมัครที่มีความฝันและอุดมการณ์ตรงกันกับพรรคเข้าสู่สนามการเลือกตั้ง เพื่อให้เรามั่นใจว่าเมื่อถึงคราวที่ต้องตัดสินใจในสถานการณ์ที่ยากลำบาก ผู้ว่าฯ กทม.ที่เป็นตัวแทนของประชาชนจะตัดสินใจเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชน และจะยืนเคียงข้างประชาชนในห้วงยามคับขัน ไม่หลีกลี้หนีหายไปหรือหันไปซบแทบเท้าอำนาจ เสียงของทุกท่านจะสร้างอนาคตใหม่ที่ประชาชนเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง ขอให้ปีหน้าฟ้าใหม่เป็นปีประกาศชัยของเรา ประชาชน" นายพิธาระบุ

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยไม่เกินกลางปี 2565 อาจได้เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พร้อมกับระบุไม่ได้ยื้อการเลือกตั้งว่า พล.อ.ประยุทธ์บอกว่า ขอเวลาอีกไม่นาน ขณะนี้กำลังเข้าสู่ปีที่ 8 ในการเป็นนายกฯ ในอดีต พล.อ.ประยุทธ์ยื้อแล้วยื้ออีกกว่า 5 ครั้ง กว่าจะได้เลือกตั้งทั่วไปในปี  2562 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่มาจากการแต่งตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ เมื่อครั้งเรืองอำนาจเป็นหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จนถึงปัจจุบัน พล.ต.อ.อัศวินเป็นผู้ว่าฯ ลากตั้ง ที่ประชาชนไม่ได้เลือกมากว่า 5 ปีแล้ว

"ถึงวันนี้ กกต.พร้อม ประชาชนพร้อม แต่พรรคแกนนำรัฐบาลไม่พร้อมหรือไม่ เพราะพอมีข่าวจะส่งใครลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ก็มักมีเหตุต้องแถลงถอนตัว เลยต้องยื้อการเลือกตั้งออกไปเรื่อยๆ หรือไม่ รัฐบาลควรเร่งประกาศ ระบุวันเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.โดยเร็วที่สุด โดยควรจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) พร้อมกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ไปในคราวเดียวกัน เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณและจะทำให้ประชาชนตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากขึ้น” นายอนุสรณ์ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง