ปิดประตู‘ปชป.’ร่วมรบ. ขอเฉลิมชัยพิสูจน์ผลงาน

เลือดสีฟ้ายังไหลไม่หยุด   "โหรบุญเลิศ" โบกมือลาอีกราย “อานิก”  เผยประชาธิปัตย์วันนี้ไม่ใช่พรรคที่ภูมิใจ     ได้ยินแต่อยากร่วมรัฐบาลพันทาง "ราเมศ" ป้อง "เฉลิมชัย" ยอมเสียสละนำ ปชป. โจทย์ใหญ่ทำงานหนักพิสูจน์ตัวเอง “ภูมิธรรม” ลั่น 314 เสียงยังปึ้ก ยังไม่คิดดึงใครร่วมรัฐบาลเพิ่ม

เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ   อดีตหัวหน้าพรรค ปชป. ประกาศลาออกจากสมาชิกพรรค ทำให้มีสมาชิกลาออกตามจำนวนนับสิบคน ล่าสุด นายบุญเลิศ ไพรินทร์ หรือโหร สว. อดีต สว. และอดีต สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาธิปัตย์ ได้ทำหนังสือถึงเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อขอลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 2566 เป็นต้นไป

นางอานิก อัมระนันทน์ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ระบุตอนหนึ่งว่า  อาสาตัวเข้ามาช่วยงานพรรคประชาธิปัตย์หลังการเลือกตั้งปี 2548 เพราะต้องการเป็นอีกแรงหนึ่งที่ร่วมต้านระบอบทักษิณ หลังจากที่เข้ามาพบกับนายอภิสิทธิ์ หัวหน้าพรรคในขณะนั้น เป็นครั้งแรก ได้อ่านอุดมการณ์พรรคแล้วรู้สึกประทับใจ และประทับใจยิ่งขึ้นเมื่อได้สัมผัสผู้คนภายในพรรคที่ยืนอยู่ด้วยอุดมการณ์นั้น ต่อมาก็ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้สมัครบัญชีรายชื่อ และได้มีโอกาสทำงานเป็น สส. 2 สมัย ในการเลือกตั้งปี 2550 ตนช่วยหาทุนอย่างสบายใจ และมั่นใจว่าเรากำลังชวนผู้คนสนับสนุนพรรคการเมืองที่ดีที่สุด เป็นประชาธิปไตยทั้งภายในพรรคและในฐานะพรรคของนักการเมืองอาชีพ ไม่ใช่ธุรกิจการเมืองอย่างที่เห็นเป็นส่วนใหญ่

 “การเปลี่ยนแกนนำเมื่อวันที่ 9 ธ.ค.  แสดงให้เห็นว่าประชาธิปัตย์ลดความเป็นสถาบันลงไปมาก อีกทั้งมีเสียงพร่ำอยากร่วมรัฐบาลพันทาง ที่มีทั้งพรรคของทักษิณและพรรคสืบทอดอำนาจรัฐประหารด้วย แม้อุดมการณ์ที่เขียนไว้จะยังอยู่ บุคลากรที่มีอุดมการณ์ก็คงยังมีเหลืออยู่บ้าง แต่ประชาธิปัตย์ในปัจจุบันไม่ใช่พรรคการเมืองที่ดิฉันภาคภูมิใจที่จะเป็นสมาชิกเสียแล้ว พรรคประชาธิปัตย์อยู่มายาวนาน ผ่านวิกฤตมาบ้างแล้ว ก็หวังว่าสักวันหนึ่งจะกลับมาเป็นสถาบันควบคู่กับการเมืองประชาธิปไตยของประเทศไทยได้อีก” นางอานิกระบุ

ขณะที่ นายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต สส.กทม. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า  จะไม่ละทิ้งความฝัน อุดมการณ์ และความพยายามในทางการเมือง เมื่อบ้านพังจะช่วยซ่อม เมื่อพรรคตกต่ำจะช่วยกอบกู้ จะทำให้ดีที่สุดถึงแม้จะยากลำบากเพียงใด เลือดตนเคยเห็นแล้วว่าสีแดง แต่ใจตนไม่เคยนะแต่คิดว่าสีฟ้าแน่นอน ฝากถึงสมาชิกและผู้สนับสนุนขอโอกาสให้กับหัวหน้าที่ไม่หล่อ อาจจะมีตำหนิบ้าง แต่มีความตั้งใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญผู้บริหารชุดนี้หลายคนยังเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความตั้งใจมีความสามารถ เป็นที่หวังได้ที่จะนำพรรคเข้าสู่ทศวรรษที่แปดหรือปี 80 ในสองปีข้างหน้าได้อย่างมั่นคงยิ่งใหญ่ และกลับมาเป็นที่พึ่งของประชาชนต่อไป ที่สำคัญคือต้องการกำลังใจข้อเสนอแนะดีๆ จากทุกฝ่าย

นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องสมาชิกพรรคลาออกนั้น เคารพในการตัดสินใจซึ่งอาจจะมีเหตุผลส่วนตน ได้แต่หวังว่าวันหนึ่งจะได้กลับมาร่วมในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองของพรรคในวันข้างหน้า สำหรับในส่วนของพรรค ต้องย้ำว่า เมื่อผ่านกระบวนการขั้นตอนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรคตามกฎหมายและข้อบังคับพรรคแล้ว ทุกคนมีหน้าที่รับผิดชอบ ทำงาน มุ่งมั่น ฟื้นฟู พัฒนาพรรค ให้ก้าวเดินต่อไป ซึ่งเวลาและการทำงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์ พรรคพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การทำงานที่มีจุดมุ่งหมายที่สำคัญคือการพัฒนาพรรคให้ดีขึ้นในวันข้างหน้า ทั้งนี้ นายเฉลิมชัยยินยอมเสียสละอาสามารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพราะสมาชิกเรียกร้อง

ดังนั้นเมื่อโจทย์ใหญ่สำคัญที่สุดคือพรรคประชาธิปัตย์ต้องอยู่ต่อไป ทุกคนในพรรคก็ต้องช่วยกันด้วยความมีเอกภาพ ส่วนผู้บริหารมีความท้าทาย ที่สำคัญคือการทำงานอย่างหนักเพื่อให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ หากทำไม่ได้สมาชิกพรรคไม่ยอมรับ หรือไม่ประสบความสำเร็จ ก็ต้องสิ้นสุด และมีกระบวนการเลือกผู้บริหารพรรคชุดใหม่ ระบบประชาธิปไตยในพรรคก็เป็นเช่นนี้ และนายเฉลิมชัยก็พร้อมพิสูจน์ด้วยการทำงาน ในส่วนการยึดอุดมการณ์ของพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ย่อมใช้เป็นแนวทางในการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอยู่แล้ว จึงขอให้สมาชิกรวมใจกัน จับมือกัน ร่วมกันทำงานสนับสนุนให้พรรคก้าวไปสู่ความมั่นคงต่อไป

นายราเมศกล่าวด้วยว่า ขณะนี้พรรครอขั้นตอนกระบวนการของนายทะเบียนพรรคการเมือง เมื่อแล้วเสร็จจะได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคนัดแรก เชื่อว่าจะเห็นแนวทางชัดเจนยิ่งขึ้นว่า แนวทางการทำงานของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะเป็นไปในทิศทางใด

ทางด้านนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีนักการเมืองหลายคนลาออกจากสมาชิก ปชป. มีใครจะย้ายมาร่วมกับพรรค รทสช.บ้างหรือไม่ ว่า "ไม่รู้ ไม่มี ไม่เห็นมีใครติดต่อมา เขาคงอยู่พรรคมั้ง ผมไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยว มันคนละพรรคแล้ว"

ผู้สื่อข่าวถามยํ้าว่า ถ้ามี จะเปิดรับหรือไม่ นายพีระพันธุ์ยิ้มและกล่าวว่า “ยังไม่มี”

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคประชาธิปัตย์ปรับเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยได้นายเฉลิมชัยเป็นหัวหน้าพรรค จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ ว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะเป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีการแต่งตั้งผู้บริหารชุดใหม่ ส่วน ครม.เดินหน้าทำงานต่อไปไม่มีอะไร

เมื่อถามว่า ในทางการเมืองมองว่าต่อไปพรรคเพื่อไทยจะมีอำนาจต่อรองมากขึ้นในพรรคร่วมรัฐบาล นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่มีเรื่องแบบนั้น ตอนนี้พรรคร่วมรัฐบาลทำงานร่วมกันด้วยดี และคุยกันดี

ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ตัวเลขรัฐบาล 314 เสียง ถือว่าเหนียวแน่นไม่ต้องเอาใครมาเพิ่มแล้วใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า 314 เสียง ขณะนี้ทำงานได้อยู่ เอาใครมาเพิ่มหรือไม่เอาใครมาเพิ่มไม่ใช่เรื่องที่ต้องเอามาคิด

เมื่อถามย้ำว่า จะยังไม่มีการปรับ ครม.เร็วๆ นี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ยังไม่มีการคิดอะไรทั้งนั้น ขณะนี้ยังไม่รู้รายละเอียด เรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ขอให้ทุกอย่างดำเนินการไปตามปกติ เพราะวันนี้ ครม.ยังทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ยังคุยกันรู้เรื่องดีทุกฝ่าย ร่วมมือกันทำงานอย่างเต็มที่ทุกพรรค

ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับนายเฉลิมชัยนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะยังไม่เคยเจอนายเฉลิมชัย พรรคการเมืองในสภา สส. คงเคยเจอกันบ้าง แต่ส่วนตัวยังไม่เคยเจอนายเฉลิมชัยตั้งแต่เข้ามาร่วมรัฐบาล

 เมื่อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์จะเข้ามาเป็นอะไหล่ให้กับรัฐบาลหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องไปถามคนพูด เพราะไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร แต่ว่าวันนี้ไม่ต้องไปคิดเรื่องนี้ เพราะเราก็ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว ซึ่งมีความสัมพันธ์ที่ดี และเชื่อว่าความร่วมมือของพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดสามารถทำงานได้ด้วยดี ขณะนี้ก็ต่างพึ่งพาซึ่งกันและกัน มีงานที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงไหน ประสานงานกันได้เต็มที่ไม่มีปัญหาอะไร

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีหากดึง ปชป.เข้าร่วมรัฐบาล จะทำให้พรรคเพื่อไทยมีอำนาจในการต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาลมากขึ้นว่า นายเฉลิมชัยเป็นเพื่อนของตนเอง หากคิดแต่เรื่องการต่อรอง นั่นไม่ใช่รัฐบาลแล้ว เราอยู่ตรงนี้มีเสียง 314 เสียงแล้ว มีความมั่นคง คงไม่มีใครไปต่อรองอะไร ทำงานให้เต็มที่ดีกว่า ต่างคนต่างทำงาน ผลงานเกิดกับรัฐบาล หากมีคำว่าต่อรองเข้ามาถือว่าไม่ใช่พวกเดียวกันแล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง