พักโทษ2มาตรฐาน! เทพไทจี้ถามใช้กม.ฉบับไหน/สมุนยก‘จำลอง’เทียบนายใหญ่

“สมศักดิ์” ยัน “ทักษิณ” ไม่ใช่อภิสิทธิ์ชน เข้าเกณฑ์พักโทษตามกติกา เชื่อไม่เป็นน้ำผึ้งหยดเดียว  “วรชัย” เชลียร์เต็มสูบบอกทำคุณงามความดีมากมายต้องได้สิทธิ์ทันที พร้อมยก “จำลอง” เทียบเคียง “ศรีสุวรรณ” งงนอน รพ.อย่างเดียวทำดีตรงไหน “เทพไท” จี้ราชทัณฑ์เคลียร์หลักเกณฑ์ 2 มาตรฐานหรือไม่ “หมอวรงค์” ยก 9 เหตุผลจับผิดอาการป่วยนักโทษเทวดา “จตุพร” เตือนระวังการเบี้ยวดีลจะทำให้เป็นวิกฤตครั้งใหญ่

เมื่อวันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2567 ยังคงมีความต่อเนื่องจากกรณีกรมราชทัณฑ์ยอมรับว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับพระราชทานอภัยลดโทษจำคุกเหลือ 1 ปี แต่ยังไม่เคยเข้าเรือนจำ เพราะป่วยรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจชั้น 14 เข้าข่ายเกณฑ์พักโทษ

โดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี และอดีต รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงเรื่องนี้จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวจนทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้หรือไม่ ว่าไม่เกี่ยวกันหรอก เพราะการพักโทษ แต่ละวันแต่ละเดือนมีการพักโทษมากมาย ซึ่งคนที่เข้าเกณฑ์ก็ต้องได้รับสิทธิ์เหล่านั้น เราจะไปเจาะจงเป็นใครหรือท่านใดท่านหนึ่งไม่ได้ ถ้าหากท่านทักษิณครบกำหนดหรือการตรวจสอบของแพทย์ดำเนินการตามกติกาที่มีอยู่ครบถ้วนแล้ว หากถึงเวลาก็ต้องดำเนินการไปตามแนวทางกฎกติกาที่มีอยู่ ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดามาก และคนทั่วไปก็ได้รับสิทธิ์นี้อยู่แล้ว ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการเคลื่อนไหวพร้อมตั้งข้อสังเกตกรณีนายทักษิณเป็นเรื่องของอภิสิทธิ์ชนนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ไม่มีหรอก อยู่ในการควบคุมของกรมราชทัณฑ์จะมีอภิสิทธิ์ชนได้อย่างไร ไม่มีแน่นอน พูดกันไปเรื่อยเฉื่อยไม่มีอะไร ถามอีกว่าเหมือนรัฐบาลพยายามชี้แจงประเด็นดังกล่าว แต่สังคมยังไม่เข้าใจ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็ชี้แจงใหม่ ในเมื่อกติกาและหลักเกณฑ์ครบแล้วจึงถือว่ามีสิทธิ์

นายวรชัย เหมะ อดีต สส.สมุทรปราการ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ศาลอาญาพิพากษาได้ยกฟ้องกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พมธ.) คดีบุกยึดสนามบินดอนเมือง แค่สั่งปรับจำเลยข้อหาบุกรุกเท่านั้น และก่อนหน้านั้นคดีบุกยึดทำเนียบรัฐบาล แกนนำพันธมิตรฯ คนสำคัญอย่าง พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็ถูกพิพากษาโทษจำคุก 8 เดือน ติดจริงแค่ 2 เดือน ซึ่งถ้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นในแง่ของความสมานฉันท์ปรองดอง ทำให้เกิดความสงบสันติอย่างแท้จริงในบ้านเมือง ต้องให้ความเป็นธรรม และคืนความเป็นธรรมกับทุกคนทุกฝ่าย แน่นอนว่านายทักษิณต้องอยู่ในข่ายเช่นเดียวกัน และส่วนตัวมองว่าเป็นบุคคลที่สมควรได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด เพราะจุดเริ่มต้นกระบวนการไต่สวนกล่าวหามีที่มาเชิงปรปักษ์ของเครือข่ายฝ่ายตรงข้าม อะไรก็ผิดยากจะทำใจยอมรับ ต้องจากบ้านไปเผชิญชะตากรรมในต่างแดนถึง 17 ปี ทุกข์ทรมานด้านจิตใจยาวนานไม่ต่างจากการถูกจำขัง

“วันนี้นายทักษิณยอมรับความผิดกลับไทยมารับโทษ และได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ หากจะได้รับการพักโทษให้กลับบ้านเร็วๆ นี้ ก็สมควรอย่างยิ่ง คิดว่ายังน้อยไปด้วยซ้ำ หากคิดถึงผลงานที่นายทักษิณ ตรากตรำทำงานให้ประเทศชาติประชาชนสมัยเป็นนายกฯ นายทักษิณควรได้รับการพักโทษทันที ความจริงไม่สมควรต้องได้รับโทษจำคุกแม้แต่วันเดียวเลยด้วยซ้ำ บรรดานักเคลื่อนไหวต่อต้านควรมีหลักคิด มโนธรรมบ้าง ไม่ใช่ก้มหน้าก้มตารับจ๊อบรับงานมีวาระซ่อนเร้น มันเห็นชัดว่าคือความปลอม ไม่มีวิธีคิดอุดมการณ์”นายวรชัยกล่าว

ขณะที่ นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน กล่าวถึงความคืบหน้ากรณียื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินให้ตรวจสอบกรณีหน่วยงานรัฐอนุญาตให้นายทักษิณไปพักรักษาตัวที่ รพ.โรงพยาบาลตำรวจว่า ได้ยื่นฟ้องกรณีแรกต่อกรมราชทัณฑ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจไปแล้ว และได้ฟ้องต่อกรมราชทัณฑ์เป็นคดีที่ 2 เนื่องจากมีการปกปิดข้อมูลข่าวสารที่ควรแจ้งให้ประชาชนทราบ จึงได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ ซึ่งคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารฯ สั่งว่ากรมราชทัณฑ์ต้องให้ข้อมูล แต่ก็ยังเพิกเฉยอยู่ ส่วนคดีที่ 3 ร้องเรียนแพทยสภา ให้เข้าไปตรวจสอบกรณีการป่วยของนายทักษิณว่าป่วยจริงหรือไม่ ซึ่งแพทยสภาก็ยังคงเงียบ และได้ทำหนังสือทวงถามไปแล้ว ส่วนการยื่นฟ้องคดีที่ 4 เป็นการแถลงของโฆษกกรมราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ระบุว่านายทักษิณอาจเข้าข่ายการพักโทษ ทั้งๆ ที่หลักการพักโทษจะต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 ซึ่งนายทักษิณได้รับการพระราชทานอภัยโทษจนเหลือ 1 ปี แล้วจะมาพักโทษซ้ำ 2, 3 และ 4 ไม่ได้

“คุณไปทำความดีอะไร นอนรักษาตัวอยู่โรงพยาบาลตำรวจมาโดยตลอด เกือบ 140 วันแล้ว เอาความดีความชอบอะไรมาจะมาพักโทษได้ นายทักษิณยังรับโทษไม่ครบ 6 เดือน ซึ่งจะครบในปลายเดือน ก.พ.” นายศรีสุวรรณกล่าว และว่า ฝากถึงกรมราชทัณฑ์ว่า อย่าพยายามช่วยเหลือเอื้อประโยชน์ให้กับนายทักษิณมากเกินไป ไม่อย่างนั้นตัวเองต้องมารับโทษแทนนายทักษิณ เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สาธารณชนให้ความสนใจ ให้ความสำคัญ

จี้ผู้ตรวจการแผ่นดิน

เมื่อถามว่า กรณีนี้ได้ยื่นเรื่องให้ผู้ตรวจการแผ่นดินไปตรวจสอบ และได้ลงพื้นที่ไปพบกับนายทักษิณ ถือว่าการตรวจสอบล่าช้าหรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ต้องรอคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ว่าไปตรวจสอบแล้วพบเห็นอะไร จริงหรือไม่ เป็นไปตามคำร้องของหลายๆ คน รวมถึงองค์กรรักชาติ รักแผ่นดินด้วยหรือไม่ ถ้าผู้ตรวจการแผ่นดินยังล่าช้า ก็อาจถูกร้องได้ฐานเข้าข่ายล่าช้าเกินสมควร ส่วนการที่กรมราชทัณฑ์จะมาอ้างว่าผู้ตรวจการแผ่นดินได้ไปตรวจสอบแล้วก็ต้องรอว่าผู้ตรวจฯ จะว่าอย่างไร ไปจริงและไปพบอย่างไร เพื่อยืนยันไม่ใช่ฟังจากทางราชทัณฑ์เพียงอย่างเดียว

นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า นางนสินี มหาขันธ์ ผู้อำนวยการศูนย์บริการประชาชน ปฏิบัติราชการแทนปลัดสำนักนายกฯ มีหนังสือตอบรับแจ้งกลับมาแล้วกรณีได้ยื่นหนังสือร้องเรียนขอให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนปม นช.ทักษิณ ชินวัตร ต้องคำพิพากษาให้จำคุก 1 ปี แต่ไม่ได้จำคุกจริงในเรือนจำแม้แต่วันเดียวจริงหรือไม่ มีอาการป่วยเป็นเท็จหรือไม่ และอยู่พักรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจตลอดเวลาหรือไม่

นายวัชระกล่าวอีกว่า สำนักงานปลัดสำนักนายกฯ ได้แจ้งอีกว่าได้ส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังและกระทรวงยุติธรรม ซึ่งมีหน้าที่และอำนาจเพื่อพิจารณา ซึ่งหมายถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.การคลัง ยังละเว้นไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ตั้งคณะกรรมการสอบสวนตามที่ได้ร้องเรียนตามหนังสือลงวันที่ 26 ธ.ค.2566 ณ เวลานั้น ได้ขอให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกฯ ปฏิบัติราชการแทนนายกฯ รับผิดชอบกระทรวงยุติธรรม ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน 10 ข้อภายใน 7 วัน ซึ่งหากไม่ดำเนินการ จำเป็นต้องยื่นร้องเรียนกล่าวโทษบุคคลที่มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ตั้งแต่นายกฯ ลงมาเพื่อให้ ป.ป.ช. สอบสวนตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกมาตราและสอบจริยธรรมร้ายแรงต่อไป

“ในหนังสือดังกล่าวได้ขอให้กันข้าราชการกรมราชทัณฑ์ แพทย์ พยาบาลโรงพยาบาลราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ที่ให้การตามความจริงและเป็นประโยชน์แก่ทางราชการทุกคนไว้เป็นพยานทุกราย และเอกสารทุกข้อ รวมทั้งมีความประสงค์ที่จะขอตามพระราชบัญญัติข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ. 2540 ขอให้จัดส่งภายใน 30 วัน พร้อมลงลายมือชื่อรับรองเอกสารทุกแผ่น”

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรค ปชป. โพสต์เฟซบุ๊กในหัวข้อ “ขอความชัดเจน เรื่องการพักโทษทักษิณของกรมราชทัณฑ์” ระบุว่า เห็นข่าวที่กรมราชทัณฑ์ออกมาชี้แจงเรื่อง น.ช.ทักษิณเข้าข่ายได้รับการพักโทษพิเศษแล้ว ทำให้รู้สึกสับสนในกฎระเบียบของกรมราชทัณฑ์ว่า ระหว่างนายทักษิณกับตนเองได้ใช้กฎหมายฉบับเดียวกันหรือไม่ หลักเกณฑ์ในการพักโทษเหมือนกันหรือไม่ เพราะเคยยื่นขอการพักโทษตั้งแต่ถูกคุมขังได้ 1 ใน 3 ของโทษตามคำพิพากษา แต่ได้รับการชี้แจงว่า ประกาศของกรมราชทัณฑ์ฉบับดังกล่าวได้ยกเลิกไปแล้ว จะขอใช้สิทธิ์การถูกคุมขังครึ่งหนึ่งของโทษทั้งหมด ก็ไม่มีระเบียบของกรมราชทัณฑ์รองรับ จึงมาใช้สิทธิ์เงื่อนไขถูกคุมขัง 2 ใน 3 ของโทษตามคำพิพากษา จึงได้รับสิทธิ์การพักโทษ เมื่อวันที่ 6 พ.ย.2566

“การนำ พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวมาใช้กับคุณทักษิณนั้น ทำให้ผมแปลกใจว่า ทำไมผมไม่ได้รับการพิจารณาตาม พ.ร.บ.ฉบับนี้ด้วย ถ้าหากว่าผมได้ใช้ พ.ร.บ.กรมราชทัณฑ์ พ.ศ.2560 มาบังคับใช้ ผมก็จะได้รับการพักโทษ ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย.2566 แล้ว จึงอยากจะทวงถามความชัดเจนว่า การพักโทษ ระหว่างผมกับคุณทักษิณ ได้ใช้กฎระเบียบเดียวกันหรือไม่ ถ้าหากใช้กฎหมายคนละฉบับ จึงอยากจะถามว่าด้วยเหตุผลใด และกรมราชทัณฑ์ได้ปฏิบัติแบบสองมาตรฐานหรือไม่” นายเทพไทกล่าว

ยก 9 เหตุผลไม่เข้าพักโทษ

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า การที่ราชทัณฑ์แถลงพักโทษนักโทษชายทักษิณกรณีพิเศษ เพราะสูงอายุ เจ็บป่วยร้ายแรง พวกเราไม่เห็นด้วย เพราะไม่เชื่อว่า น.ช.ทักษิณนั้นเจ็บป่วยร้ายแรงจริง ตามเหตุผลดังนี้ 1.วันที่ 22 ส.ค. 2566 ที่เดินทางมาถึงสนามบินดอนเมือง เขายังดูแข็งแรง 2.กลางดึกคืนวันที่ 22 ส.ค.เกิดอาการป่วยหนักถึงขนาดต้องส่งตัวด่วนไปรักษา รพ.ตำรวจมันย้อนแย้งกับภาพที่เห็นตอนกลางวัน 3.ที่ผ่านมาไม่มีคำแถลงใดๆ ที่น่าเชื่อถือว่าป่วยหนักร้ายแรงจากกรมราชทัณฑ์ หรือคณะแพทย์ที่รักษา หรือนำหลักฐานเช่นใบรับรองแพทย์ เพื่อยืนยันการป่วยหนักร้ายแรงในช่วงเวลาที่กฎกระทรวงกำหนดมาแสดงเพื่อให้ประชาชนเชื่อได้

4.การรักษาเกิน 140 วัน และป่วยหนักแบบต่อเนื่อง ทางทีมแพทย์ที่รักษาต้องดิ้นรน เชิญทีมแพทย์ที่อื่นมาร่วมปรึกษาหารือ แต่ก็ดูเหมือนไม่วิตกกังวลที่จะหาทีมมาช่วยรักษา ไม่มีข่าวใดๆ จึงเป็นข้อสงสัยว่าป่วยหนักจริงหรือ 5.ในระหว่างรักษาถ้าป่วยหนักร้ายแรงจริง เหตุผลทางการแพทย์ จะยังไม่มีการผ่าตัดไหล่ที่เจาะ 4 รู ถ้ามีการเจาะจริง แสดงว่าการป่วยนั้น ต้องไม่หนักหรือรุนแรง 6.ไม่เห็นข่าวมีญาติเข้าเยี่ยม ทำให้เกิดข้อสงสัย 7.วงจรปิดเสีย ห้ามสื่อและประชาชนเข้าพื้นที่ดังกล่าว 8.หัวหน้าพยาบาลไม่เคยพบ ซึ่งผิดปกติมาก 9.ที่ปรึกษารัฐมนตรีอ้างว่าองค์กรอิสระมีการตรวจสอบ มีผู้ตรวจการแผ่นดินไปพบนักโทษชายที่ชั้น 14 แต่จากการตรวจสอบจากข่าวนั้นไม่มีการแถลงใดๆ เรื่องการไปพบนักโทษชายของผู้ตรวจการแผ่นดิน

“จากเหตุผลที่กล่าวมา ซึ่งเป็นเหตุผลเพียงพอที่มีน้ำหนักและอาจเชื่อได้ว่านักโทษชายไม่ได้ป่วยหนักร้ายแรงจริง เพียงเกิดข้อสงสัยว่า ทางราชทัณฑ์กำลังเอื้อประโยชน์ให้นักโทษชายหรือไม่ จากบทสรุปที่กล่าวมาทั้งหมด จึงมีเหตุสนับสนุนว่านักโทษชายคนนี้ไม่สมควรได้รับการพักโทษตามที่ราชทัณฑ์แถลง”

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ไม่มีอคติใดๆ กับนายทักษิณ แต่เพื่อรักษาระบบนิติรัฐไม่ให้พังทลาย นายทักษิณต้องนอนในเรือนจำ การที่นายทักษิณโชว์ความฟิตของร่างกายตอนอยู่ดูไบ ก็คงฟิตจริง เพราะความรวยระดับกับสุขภาพระดับนั้นเหมาะสมกันแล้ว ส่วนการที่นายทักษิณ เคยพูดว่าจะกลับมาอย่างเท่ๆ และไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว ตนเองไม่เชื่อ และเคยประชดว่า ถ้าจะมาแบบนั้นก็ต้องมีพระนำ แต่สุดท้ายนายทักษิณที่สุขภาพดีแข็งแรง ก็กลับมาสู่อ้อมกอดของมาตุภูมิและไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว นายทักษิณทำได้จริง แต่ก็ทำให้ทำรักประเทศนี้น้อยลง

“ผมเป็นนักกฎหมายที่เคยเชื่อระบบนิติรัฐ ตอนนี้ผมหมดความเชื่อถือต่อระบบนิติรัฐของประเทศนี้ไปแล้ว กรณีคุณทักษิณอาจทำให้ผมเห็นแก่ตัวมากขึ้น ผมบอกคนที่รู้จักว่าเอาตัวให้รอดเถอะ ประเทศนี้อาจไม่เหมือนเดิม คุณทักษิณทำให้ประเทศผมเปลี่ยนไปจริงๆ ที่ผมทำและคิดอยู่ทุกวัน ก็เพื่อนำระบบนิติรัฐกลับคืนมา ทำเพื่อให้ผมกลับมารักประเทศนี้เหมือนเดิม เหมือนที่ผมเคยรัก ทำได้หรือเปล่าผมไม่รู้”

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ระบุว่า   ก่อนหน้านี้ผู้ตรวจการแผ่นดินไปตรวจชั้น 14 รพ.ตำรวจ ทำไมไม่มีการแถลงข่าวให้สังคมรับรู้เลย จึงสงสัยว่าได้ไปจริงหรือไม่ และทำไมต้องไปในทางลับด้วย เพื่อเป็นประโยชน์กับคนไทยจึงควรนำรูปถ่ายมายืนยัน อีกอย่างต้องออกมาชี้แจงด้วยตัวเอง ถ้าผู้ตรวจการฯ ไปจริง ทำไมได้เจอนักโทษชั้น 14 แต่กรรมาธิการการตำรวจกลับไม่ให้เจอผู้ป่วย

นายจตุพรกล่าวอีกว่า หัวหน้าพยาบาล รพ.ตำรวจ อ้างไม่เคยเข้าไปดูอาการนักโทษที่ป่วย พร้อมระบุถึงญาตินานๆ มาเยี่ยมครั้งนั้น จึงผิดธรรมชาติมาก แม้นักโทษหนีคดีอยู่ต่างประเทศ ญาติยังไปเยี่ยมเสมอด้วยความเป็นห่วงใยกัน แต่ป่วยอยู่ รพ.ตำรวจกลับไม่มีใครมาเยี่ยม ซึ่งเป็นการกระทำที่ประหลาดที่สุดกับความสัมพันธ์ในครอบครัวแบบทุนนิยมจำบังไร้หัวใจ และสิ่งสำคัญเมื่อยังไม่มีข้อพิสูจน์ใดว่า นักโทษอยู่ รพ.ตำรวจจริงหรือไม่ และป่วยจริงหรือเปล่า และเรื่องนี้จะกลายเป็นชนวนก่อวิกฤตให้รัฐบาลและประเทศ อีกอย่างนักโทษได้ทำตัวผิดดีลกลับบ้านหรือไม่

เตือนทักษิณอย่าเบี้ยวดีล

“หากเบี้ยวดีลที่ตกลงกันไว้ อย่าลืมว่ากล้อง รพ.ตำรวจ ที่เคยอ้างว่าเสีย จะกลายเป็นกล้องดีขึ้นมา สามารถกู้ภาพออกมาปลิวว่อนฟ้องประชาชน ขอให้จำปากผมไว้ในเดือนมีนาคมนี้ อาจมีการคายฟันยางกันบ้าง ถ้าผิดดีลเรื่องต่างๆ จะจ่อคิวมาแน่นอน แล้วจะมีคนเดือดร้อนกันเต็มไปหมด”

นายจตุพรกล่าวว่า ความน่าห่วงของนักโทษชั้น 14 ผิดดีล นอกจากการทำลายกระบวนการยุติธรรมพังยับเยินแล้ว สิ่งสำคัญอาการคนไทยเบื่อหน่ายคนไทยด้วยกันจึงน่าห่วงใยที่สุด  อารมณ์แบบนี้จะเกิดความเสียหายรุนแรงในระยะสั้น ดังนั้น จะพักโทษกันวันไหนก็เอาตามที่สบายใจ อยากจะทำอะไรก็เชิญ และหลังจากนั้นไปจะเห็นว่า อะไรก็ตามที่ไม่ตรงไปตรงมา แล้วทุกอย่างจะย้อนคืน เพราะเวลานี้ดูเหมือนจะเกิดการทวงหนี้ตามลำดับ สว.ที่เคยโหวตให้นายเศรษฐาเป็นนายกฯ ก็ร่วมลงชื่อซักฟอกทั่วไป และอีกหลากหลายองค์กรรัฐที่กำลังปฏิบัติการรักษากติกาบ้านเมืองเอาไว้ได้ส่งสัญญาณขึ้นกระชัดถี่ เพราะหากปล่อยไปกันจนเลยเถิดแล้ว หวั่นกลัววิกฤตประเทศจะลามเป็นเรื่องใหญ่

วันเดียวกัน นายวีรนันท์ ฮวดศรี สส.ขอนแก่น พรรคก้าวไกล (ก.ก.) แสดงความเห็นกรณีการนิรโทษกรรมคดีทางการเมือง หลังเมื่อวันที่ 18 ม.ค. ศาลจังหวัดเชียงรายอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 5 ในคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ลงโทษจำคุก นายมงคล ถิระโคตร หรือบัสบาส นักกิจกรรมในจังหวัดเชียงราย เป็นเวลารวม 50 ปี โดยกล่าวว่า โทษจำคุก 50 ปี ถือเป็นโทษสูงสุดที่ศาลได้พิพากษาความผิดตามมาตรานี้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ภาคส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องจะหารือเพื่อหาทางออกของปัญหาความขัดแย้งเหล่านี้ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคดีที่อยู่ในศาล หลายคดีที่อยู่ชั้นตำรวจ และอีกหลายคดีที่จบไปแล้วนั้น มูลเหตุจูงใจของการกระทำมาจากมูลเหตุทางการเมือง เมื่อปัญหาเกิดขึ้นจากมูลเหตุทางการเมือง เราก็ควรใช้การเมืองคลี่คลายและหาทางออกของสถานการณ์นี้ เป็นโอกาสเหมาะที่จะนำวาระเรื่องนี้เข้ามาถกเถียงในพื้นที่แห่งการพูดคุยนั่นคือพื้นที่ของรัฐสภา

นายวีรนันท์กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ ช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2566 หลายพรรคมีความเห็นเกี่ยวกับการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมือง ซึ่งขณะนั้นโดยหลักการมองไปทิศทางเดียวกัน ตนจึงขอย้อนเตือนความจำและฝากคำถามไปยังพรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำรัฐบาล 2 ข้อ ว่า 1.จะเอาอย่างไรกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม เพื่อตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมือง พรรคเพื่อไทยจะยื่นหรือไม่ และ 2.หากยื่นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมือง พรรคเพื่อไทยจะยื่นเมื่อไร และมีแนวทางต่อเรื่องนี้อย่างไร

นายวีรนันท์กล่าวต่อว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะพูดคุยเรื่องการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองอย่างจริงจัง และใช้พื้นที่สภาร่วมกันพิจารณากฎหมายเพื่อหาทางออกเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น เนื่องจากการตัดสินโทษที่เกิดขึ้นถูกตั้งคำถามอย่างกว้างขวาง

 “ผมและพรรคก้าวไกลยังคงรอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เพื่อตั้งกรรมาธิการพิจารณาศึกษาแนวทางการนิรโทษกรรมนักโทษทางการเมืองจากทางพรรคเพื่อไทยหรือรัฐบาลที่จะยื่นเข้ามาในสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาเนื้อหารายละเอียด และถอดสลักความขัดแย้งทางการเมืองไทยไปด้วยกัน” นายวีรนันท์กล่าว และว่า ไม่อาจทนเห็นผู้ที่มีความเห็นต่างทางการเมือง ที่ใช้เสรีภาพในการแสดงออกต้องเดินเข้าคุกและจากไปทีละคน และหากไม่มีความชัดเจนเรื่องการนิรโทษกรรม เมื่อวันนั้นมาถึงก็สายเกินกว่าจะมาคุยกันเรื่องนี้แล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รมต.ใหม่ถวายสัตย์ เศรษฐานำเข้าเฝ้าฯ3พ.ค. แม้วควงสุวัจน์ทัวร์ภูเก็ต

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ "มาริษ" เป็น รมว.ต่างประเทศ "นายกฯ" เตรียมนำ รมต.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ 3 พ.ค.นี้