จี้รัฐบาลเลิกยื้อเคลียร์แจกหมื่น

“ภูมิธรรม” ซัด ป.ป.ช.ทำเกินหน้าที่ หยุดจินตนาการโกงมหาศาล  วอนทุกฝ่ายใจกว้างปล่อยรัฐบาลเดินหน้าทำดิจิทัลวอลเล็ต "เพื่อไทย" ชี้ชะลอแจกเงินหมื่นแค่กระทบสิ่งที่ประชาชนวางแผน  รอซักนายกฯ แจงในที่ประชุม สส. “ศิริกัญญา” จี้เร่งตอบให้เคลียร์ว่าจะเดินหน้าหรือหยุดแค่นี้ แนะฟังคณะกรรมการดิจิทัลมากกว่าฟัง ป.ป.ช. เด็ก ปชป.เตือน "เศรษฐา" หยุดโปรยทานแบบเศรษฐี

เมื่อวันที่ 21 มกราคม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านและสมาชิกวุฒิสภา (สว.) อาจนำประเด็นโครงการดิจิทัลวอลเล็ต และกรณีนายทักษิณ ชินวัตร มาอภิปรายซักฟอกรัฐบาลว่า การดำเนินการโครงการดิจิทัลวอลเล็ตเป็นเพียงโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีการถกเถียงกันว่าวิกฤตหรือไม่วิกฤต แต่ความจริงแล้วคนที่สะท้อนเยอะที่สุดคือปัญญาชนที่เป็นผู้บริหารระดับสูงที่อยู่ในด้านการเงินการคลัง หากมองด้วยใจกว้าง เป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ไม่ได้คิดถึงว่าเป็นคนรวยหรือคนจน ประชาชนทุกคนสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ จะช่วยเพิ่มกำลังซื้อ ทำให้วงจรทางเศรษฐกิจหมุนเวียน เราอยู่ในระบบทุนนิยม ที่เข้าใจเห็นความสำคัญของมนุษย์ เห็นความเหลื่อมล้ำของคน

"อยากให้เริ่มต้นวิจารณ์จากเป้าหมายวัตถุประสงค์ ไม่ได้วิจารณ์จากจินตนาการของตัวเอง เชื่อว่ารัฐบาลพร้อมพูดได้ทุกเรื่อง เพราะมาจากเจตนารมณ์ที่ต้องการแก้ไขปัญหา ไม่ใช่จากเจตนารมณ์ที่คิดไม่ดี ขณะเดียวกันรัฐบาลได้แถลงนโยบายนี้ไว้ชัดเจนอยู่แล้วกับรัฐสภา และเป็นนโยบายที่ได้หาเสียงมา หากเป็นประเทศอื่นในโลกประชาธิปไตยเขาให้ทำ ทำแล้วดี หากไม่ดีต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองคิดและทำ แต่ตอนนี้ยังไม่ทันไรก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ ต้องเปิดใจให้กว้างกว่านี้ หากวิจารณ์หรือวิเคราะห์ผิดจะทำให้ขาดโอกาสในการจะกู้วิกฤตของประเทศ" รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ระบุ

เมื่อถามว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยอมรับว่าโครงการนี้อาจจะใช้ไม่ทันในช่วงเดือน พ.ค. นายภูมิธรรมกล่าวว่า อยู่ที่กระบวนการตัดสินใจว่าจะเป็นแบบไหน แต่ถ้าถามเจตนารมณ์ของรัฐบาล ไม่อยากจะเลื่อน ยังยืนยันที่จะทำให้ได้ตามเป้าหมาย ทั้งนี้ จะเริ่มต้นทำเมื่อไรขึ้นอยู่กับเวลา แต่ตอนนี้พยายามจะทำให้ได้ และดูจากเจตนารมณ์ของนายเศรษฐา ชัดเจนว่าต้องเดินหน้าโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนข้อท้วงติงของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะมีผลทำให้โครงการนี้ต้องยกเลิกไปหรือไม่นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า ต้องถือว่า ป.ป.ช.ทำเกินอำนาจหน้าที่ เพราะ ป.ป.ช.มีหน้าที่ตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วว่าเป็นปัญหาอะไร แต่โครงการนี้ยังไม่ทันเกิดขึ้น ไปสรุปว่าจะมีการทุจริต มีข้อควรระวังเยอะแยะไปหมด ตนคิดว่าข้อควรระวังนั้นรับฟังได้ แต่จะถือเป็นข้อห้ามคงไม่ใช่

ซัดจินตนาการโกงดิจิทัล

"ท่านยังไม่กล้าพูดเลยว่าห้าม พูดเพียงสงสัยอย่างโน้น ให้ระวังอย่างนี้ ผมอยากให้กลับมาอยู่ในโลกของความจริง ไม่ใช่โลกแห่งจินตนาการ จินตนาการว่าจะโกงกันมหาศาล ขอให้มาดูความจริงดีกว่า และการพยายามแก้ต้องคิดรูปแบบใหม่ๆ ทำแบบเดิม 10 กว่าปีมาแล้วก็อยู่ที่เดิม เศรษฐกิจยังแย่อยู่จนถึงปัจจุบัน ทั้งนี้ หาก ป.ป.ช.มีข้อเสนอมาถึงรัฐบาลแล้วเราพร้อมจะนำมาไตร่ตรองดู ถือเป็นข้อพึงสังวร ไม่ใช่ข้อที่ต้องพึงปฏิบัติ" นายภูมิธรรมระบุ

เมื่อถามย้ำว่า ยืนยันว่ารัฐบาลจะไม่ล้มเลิกโครงการนี้ใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า จุดมุ่งหมายอยู่ที่สถานการณ์ที่เป็นอยู่ เราเชื่อว่าวันนี้สถานการณ์เศรษฐกิจวิกฤต เรื่องนี้เถียงกันได้ แต่ต้องเปิดโอกาสให้รัฐบาลทำงาน

นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย และรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า หากถามว่าการเลื่อนแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตจะกระทบต่อพรรคเพื่อไทยหรือไม่นั้น คิดว่าประชาชนก็ยังต้องการอยู่ ซึ่งหากได้ช้าลงอาจจะกระทบกับสิ่งที่เขาวางแผนเอาไว้ ทั้งนี้ ต้องให้นายกฯ หรือผู้ที่เกี่ยวข้องที่ทราบข้อมูลรายละเอียดชี้แจงกับที่ประชุม สส.พรรคก่อนว่าขณะนี้ถึงไหนแล้ว ที่บอกอาจจะช้านั้น อาจจะด้วยอะไร มีโอกาสที่จะได้เร็วเหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่งเรายังไม่มีรายละเอียด เพราะหน่วยงานยังเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ คิดว่าในที่ประชุมพรรคคงจะมี สส.หลายคนสอบถามเรื่องนี้

น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวถึงกรณีประชาชนยังมีความหวังที่จะได้เงิน 10,000 บาทหรือไม่ หลัง ป.ป.ช.ออกมาเตือนเรื่องดังกล่าว ว่ายังมีความหวัง เพราะรายงานของ ป.ป.ช. เรื่องการทุจริตเชิงนโยบาย คือไม่ได้ทำตามที่ได้หาเสียงไว้ ซึ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว ว่าไม่สามารถทำได้ครบทุกประการตามที่หาเสียง แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะหาทางออกกับเรื่องนี้อย่างไรมากกว่า แต่ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่ ป.ป.ช.แนะนำมา ซึ่งรัฐบาลควรรับไว้พิจารณา แต่คงไม่ใช่ตัวชี้ขาดว่าโครงการนี้จะได้ไปต่อหรือไม่ได้ไปต่อ

“ขอให้รัฐบาลมีคำตอบในเรื่องนี้โดยเร็ววัน เพราะทุกคนรอคำตอบอยู่ว่าเรื่องจะไปจบที่ตรงไหน ไม่ว่าจะได้ทำหรือไม่ได้ทำ ก็ขอให้ออกมาพูดกับประชาชนตรงๆ ดีกว่า เพราะตอนนี้ประชาชนได้รับฟังว่าเป็นเพราะรายงาน ป.ป.ช.ทำให้ต้องเลื่อนโครงการ ยิ่งบั่นทอนความเชื่อมั่นและความไว้ใจที่มีต่อรัฐบาล” น.ส.ศิริกัญญากล่าว

เมื่อถามว่า มองว่ารัฐบาลควรฟังรายงานจาก ป.ป.ช.หรือไม่ น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ไม่คิดว่ารัฐบาลควรฟัง ป.ป.ช. แต่สิ่งที่ควรต้องฟังคือคนในคณะกรรมการนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตด้วยกันเอง ซึ่งเป็นคนที่มีส่วนสำคัญในการลงมติว่าโครงการจะได้ไปต่อหรือไม่ เพราะ ป.ป.ช.ไม่ได้มีหน้าที่อะไรที่ต้องมาขัดขวางนโยบายที่มาจากพรรคการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง แต่คนที่ต้องร่วมรับผิดชอบไปกับคุณคือคณะกรรมการนโยบายฯ ซึ่งไม่ได้มีแค่ข้าราชการฝ่ายการเมือง แต่มีข้าราชการประจำด้วย ดังนั้นต้องฟังให้มาก

เมื่อถามว่า มองว่าดิจิทัลวอลเล็ตถึงทางตันแล้วหรือยัง น.ส.ศิริกัญญากล่าวว่า ตรงนี้สุดจะเดา เพราะเราไม่คิดว่าจะเดินหน้าได้ด้วยซ้ำ ถ้าจะออกมาในรูปของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เงินกู้ แต่รัฐบาลก็ยังทู่ซี้ดันทุรังที่จะมาทางนี้ ก็สุดจะเดาเหมือนกันว่ามันจะไปจบที่ตรงไหน

ทางด้านนายชนินทร์ รุ่งแสง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวว่า โครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาทที่จะแจกให้กับประชาชน ชัดเจนว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ หน่วยงานหลัก 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์), ธนาคารแห่งประเทศไทย และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง รายงานตั้งแต่ต้นปีก่อนเลือกตั้งไม่มีตัวชี้วัดบ่งบอกว่าประเทศจำเป็นต้องกระตุ้นแบบปูพรมแจกเงิน ซึ่งจะทำให้คนรวยที่ไม่เดือดร้อนได้รับประโยชน์ไปด้วย เข้าข่ายลักษณะโปรยทานให้กับเศรษฐี

นายชนินทร์กล่าวว่า ขณะนี้เศรษฐกิจประเทศมีปัญหาเฉพาะจุด โดยอยู่ที่ปากท้องของผู้มีรายได้น้อยที่เดือดร้อนจริงรอใช้เงินอยู่ ฉะนั้นรัฐบาลสามารถเร่งแก้ไขได้โดยแจกเงิน 1 หมื่นบาทให้กับคนที่มีรายได้ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยความยากจน หรือกลุ่มเปราะบาง ไม่เกิน 20 ล้านคน ใช้งบประมาณไม่ถึง 2 แสนล้านบาท นั่นหมายความว่ารัฐบาลไม่จำเป็นต้องออกร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน 5 แสนล้านบาท ไม่ผิดวินัยการคลัง สามารถใช้งบประจำหรืองบเพิ่มเติมได้ แต่ควรปรับเงื่อนไขการให้เงินที่ไม่ซับซ้อนยุ่งยาก ใช้ของที่มีอยู่แล้ว เช่น แอปพลิเคชันเป๋าตัง ที่สำคัญต้องพิจารณาเงื่อนไขการใช้เงินไม่ให้ผลประโยชน์ไปตกอยู่กับผู้ประกอบการรายใหญ่ และให้ไปถึงรากหญ้าอย่างแท้จริง

"พรรคเพื่อไทยตั้งใจหาเสียงแบบประชานิยมตั้งแต่แรก เพ้อฝันให้ประชาชนหลงเคลิ้ม ผมว่าทางที่ดีที่สุดเพื่อไทยต้องรับสารภาพผิดที่หาเสียงพูดเพ้อเจ้อในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ และอย่าอ้างว่าต้นเหตุที่ทำไม่ได้มาจากกฎหมายหรือมีคนคัดค้าน เพราะเป็นเรื่องคิดใหญ่ทำเป็น เป็นวาทกรรมหลอกลวงของการเมืองที่ต้องการหาเสียงแบบเก่า ขอให้หยุดยื้อความสุขคนจน เพราะโครงการดิจิทัลวอลเล็ตถือว่าจบแล้ว มีหลายด้านที่รออยู่ แม้รัฐบาลจะผลักดันให้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรได้ แต่สุดท้ายก็จะไปเจอกับด่านวุฒิสภา รวมถึงยังจะโดนยื่นตีความทางกฎหมายอีกด้วย" นายชนินทร์กล่าว

ย้ำหนักกว่าจำนำข้าว

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า สิ่งที่นายเศรษฐาต้องอ่านก่อนพูด นายเศรษฐาอาจจะประสบการณ์น้อยเกินไป หรืออาจจะไม่ได้อ่านรายงานของ ป.ป.ช. ถึงมั่นใจว่าจะไม่มีการทุจริต ซึ่งตนจะสรุปข้อท้วงติงการทุจริตโครงการเงินดิจิทัลให้เข้าใจง่ายๆ 1.เป็นการดำเนินนโยบายที่หาเสียงไม่ตรงปก และมีความเสี่ยงต่อการสัญญาว่าจะให้ 2.ผู้ที่ได้ประโยชน์จากโครงการ จะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีศักยภาพมากกว่าผู้ประกอบการรายย่อย 3.ความเสี่ยงในการรับจ้างลงทะเบียนจากร้านค้า ในลักษณะนอมินี และความเสี่ยงในการใช้โครงนี้ไปสู่การฟอกเงิน 4.ความเสี่ยงในการสมคบระหว่างร้านค้าและประชาชน โดยไม่มีการซื้อขายสินค้า แต่ไปแลกเพื่อรับเงินสด พร้อมส่วนแบ่งผลประโยชน์ 5.ความเสี่ยงในการตรวจสอบสิทธิของประชาชน และร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ สรุปจากเอกสารของ ป.ป.ช. ที่น่าจะเสนอถึงรัฐบาลเร็วๆ นี้ อย่างน้อยเป็นการเตือนให้นายเศรษฐาได้ตระหนักปัญหาการทุจริตที่จะเกิดขึ้น นี่ยังไม่รวมเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ ที่รัฐบาลต้องเคลียร์ให้ได้ มิฉะนั้นโครงการนี้จะหนักกว่าจำนำข้าว

 นายอนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า เศรษฐกิจยังไม่มีวิกฤต เศรษฐกิจโดยภาพรวมฟื้นตัวต่อเนื่องในรูปตัว K บางกลุ่มจึงประสบความยากลำบากทางเศรษฐกิจเหมือนมีวิกฤต  กลุ่มแรงงานอิสระนอกระบบที่เข้าไม่ถึงระบบประกันสังคมและมีหนี้ครัวเรือนสูงเป็นกลุ่มเปราะบาง กลุ่มนี้ต้องอาศัยมาตรการมุ่งเป้าระยะสั้นเพื่อบรรเทาปัญหาทางการเงินของครัวเรือนเหล่านี้ไม่ให้ถูกผลักให้เข้าสู่กับดักแห่งการเป็นหนี้นอกระบบ ทั้งนี้ ยังไม่เห็นวิกฤตเศรษฐกิจฉับพลันรุนแรงในอนาคตอันใกล้ และยังมีความเสี่ยงต่ำมากที่อาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รมต.ใหม่ถวายสัตย์ เศรษฐานำเข้าเฝ้าฯ3พ.ค. แม้วควงสุวัจน์ทัวร์ภูเก็ต

มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ "มาริษ" เป็น รมว.ต่างประเทศ "นายกฯ" เตรียมนำ รมต.ชุดใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนปฏิบัติหน้าที่ 3 พ.ค.นี้