มั่นใจพี่ศรีรอดยาก! เมียอธิบดีกรมข้าวฟุ้งหลักฐานแน่นท้า‘แก๊งรีด’ออกทีวี

อธิบดีกรมการข้าวพร้อมเมียเข้าให้ปากคำ บก.ปปป. “ธัญญรัตน์” ยันมีหลักฐานมัดแก๊งพีศรีแน่น พร้อมหอบบัญชี 20 เล่มให้ตำรวจตรวจเพื่อความบริสุทธิ์ใจ ลั่นพร้อมออกทีวีชนหากมาครบหมด “ผบก.ปปป.” นัดประชุมคณะทำงาน 29 ม.ค. ดูสำนวน “บช.ก.” เชื่อไม่รอด โดยเฉพาะคลิปเสียง “เจ๋ง ดอกจิก” และไลน์สนทนาของการ์ตูน “ทนายเดชา” เชื่อพี่ศรีรอดยาก

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม 2567 ยังคงมีความต่อเนื่องในกรณีเจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) สนธิกำลังหน่วยงานต่างๆ จับกุมนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน หลังร่วมกับนายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) และ น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรค รทสช. เลขาฯ นายยศวิรศ ข่มขู่เรียกเงินนายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว  แลกกับการยุติเรื่องร้องเรียน

โดยเมื่อเวลา 15.45 น. นายณัฏฐกิตติ์ และนางธัญญรัตน์ ไชยศิริคุณากร อายุ 49 ปี ภรรยานายณัฏฐกิตติ์ เดินทางเข้าให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ ปปป. โดยนางธัญญรัตน์ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ปากคำว่า  วันนี้มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกรณีดังกล่าวเกี่ยวกับวันเกิดเหตุ โดยยืนยันว่ามีพยานหลักฐานค่อนข้างเยอะ ก่อนจับก็ได้เกือบ 100% ซึ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแถลงข่าวไปมีหลักฐานตามนั้น อาจพูดเซฟไปด้วยซ้ำ  ความเป็นจริงหลักฐานมีมากกว่านั้นเยอะ และยิ่งวันเกิดเหตุชัดเจนทุกอย่าง ทุกถ้อยคำที่ต้องให้กับเจ้าหน้าที่ ถามว่าคำกล่าวอ้างว่าไม่ได้เรียกรับเงินนั้น เป็นเรื่องของพวกเขา ส่วนอันนี้เป็นเรื่องของเรา ส่วนคลิปเสียงที่หลุดออกมาพยายามต่อรองนั้น ยังไม่เห็น เนื่องจากทำงานส่วนตัวของตัวเองก็รู้สึกเหนื่อย งานค่อนข้างเยอะเกี่ยวกับการเก็บพยานหลักฐานต่างๆ ไม่ได้สนใจเรื่องตรงนี้

เมื่อถามว่า อธิบดีกรมการข้าวบริสุทธิ์หรือไม่ นางธัญญรัตน์กล่าวว่า ขอให้ไปดูตามสื่อและตรวจสอบดูพฤติกรรมต่างๆ  เกิดขึ้นจริงหรือไม่

ต่อข้อซักถามว่า ทำไมถึงต้องเรียกรับเงินจากเรานั้น ขอให้ไปถามเขา ส่วนพร้อมที่จะตรวจสอบทุกอย่างหรือไม่ ยืนยันว่าเอาบัญชีมากว่า 20 เล่ม ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบว่าบัญชีมีความผิดปกติหรือไม่ และเอาหลักฐานที่มีทั้งหมดช่วยเหลือตนเองหน่อยว่าจะทำอะไรได้บ้าง

ถามว่า คู่กรณีทั้ง 2 คนได้ติดต่อกลับมาหรือไม่ภายหลังจากเป็นข่าว นางธัญญรัตน์กล่าวว่า ขณะยังไม่ได้มีใครติดต่อกลับมาแต่อย่างใด แต่ติดต่อมาระหว่างมีเรื่องดังกล่าว ยืนยันว่าได้ให้หลักฐานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว หากต้องการขอให้ติดต่อทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ  เพราะต้องเซฟเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วยเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ส่วนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ แล้วแต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการได้เลย แต่เชื่อว่าเขาดำเนินการตรวจสอบเรามากกว่าตรวจสอบพวกเขา เพราะกว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบพวกเราได้ ต้องตรวจสอบตนเองก่อนหรือไม่ เรื่องดังกล่าวเรามีการวางแผนมาเป็นระยะเวลาค่อนข้างนาน เขาจะไปจับใครสักคนหนึ่งเขาต้องตรวจสอบเราที่เป็นคนร้องก่อนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่จู่ๆ ไปจับมาเลย ต้องมีพระราชบัญญัติหรือข้อกฎหมายใดก่อนหรือไม่ เข้าใจว่าเป็นแบบนั้น 

“เห็นใจเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก เพราะเขาเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นปัญหาบ้านเมือง เจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานหนักกันทุกคน ไม่ใช่ฟังและเชื่อเลยทันที ต้องทำการตรวจสอบ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรับผิดชอบ” นางธัญญรัตน์กล่าว

ขณะที่นายณัฏฐกิตติ์ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลและให้สัมภาษณ์

นอกจากนั้น นางธัญญรัตน์ยังได้โพสต์ภาพเจ้าหน้าที่ถือกล่องสีดำ และยังมีภาพธนบัตรราคา 1,000 บาท จำนวนหลายใบ พร้อมระบุข้อความว่า “ขอบคุณนักข่าวรายการต่างๆ ขอสัมภาษณ์ออกสื่อมาเยอะมากค่ะ แต่ก็ขออภัยในความไม่สะดวก หากพวกท่านๆ นัดเขาทั้ง 4 คนมาเจอกันกับหนูพร้อมกัน 5 คน หนูสะดวกทุกที่ทุกเวลาค่ะ เอาโทรศัพท์มาแท็กข้อมูลใส่กันทั้ง 5 คนเลยจ้า ถ้าออกสื่อคนเดียวไม่เป็นธรรมกับอีกฝ่ายค่ะ”

ด้าน พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. กล่าวว่า หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะส่งเอกสารหลักฐานทุกชิ้นที่รวบรวมได้ส่งไปตรวจพิสูจน์ที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เพื่อนำมาใช้ประกอบสำนวน ทั้งนี้ในวันที่ 29 ม.ค.นี้ ปปป.จะประชุมคณะทำงานเพื่อดูว่าสำนวนคดียังขาดหลักฐานหรือข้อมูลประเด็นใดหรือไม่ต่อไป

รายงานข่าวจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) แจ้งความคืบหน้าว่า แม้ผู้ต้องหาทั้ง 3 รายจะให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา รวมถึงอ้างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการกลั่นแกล้งนั้น แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ค่อนข้างชัดเจน โดยเฉพาะคลิปวิดีโอขณะส่งมอบเงินสดงวดแรกจำนวน 1 แสนบาท รวมถึงคลิปเสียงที่ถูกบันทึกไว้ขณะมีการเจรจาต่อรองให้ผู้เสียหายยอมจ่ายเงินเพื่อแลกกับการยุติเรื่องร้องเรียน  ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก

รายงานระบุว่า คลิปเสียงหลักฐานช่วงหนึ่งเป็นคลิปบทสนทนาระหว่างนายยศวริศกำลังเจรจาต่อรองกับนางธัญญรัตน์ ภรรยาของนายณัฏฐกิตติ์ ผู้เสียหายในคดีดังกล่าว ในลักษณะทำนองให้ผู้เสียหายยอมจ่ายเงินเพื่อจะได้ยุติเรื่องร้องเรียน โดยอ้างเหตุผลว่าไม่ว่าจะผิดหรือถูก แต่หากการร้องเรียนถูกนำเสนอเป็นข่าวไปแล้วย่อมมีแต่ความมัวหมองเสื่อมเสียชื่อเสียง กว่าจะพิสูจน์ความจริงได้ใช้เวลานาน นอกจากนี้ยังพบว่ามีคลิปเสียงบางไฟล์สามารถบันทึกเสียงบทสนทนาของนายยศวริศมีการพูดกล่าวอ้างถึงบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นนักการเมืองระดับสูง ในลักษณะว่าเงินที่ได้เหล่านี้จะนำไปดูแลผู้ใหญ่

“นอกเหนือจากคลิปหลักฐานไฟล์เสียงต่างๆ แล้ว เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมยังมีหลักฐานสำคัญอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะข้อความแชตสนทนาผ่านแอปพลิเคชันไลน์ ระหว่าง น.ส.พิมณัฏฐากับนางธัญญรัตน์ ที่มีการระบุเนื้อหาชัดเจนเกี่ยวกับการเจรจาต่อรองเงิน และข้อความในเชิงพูดจาหว่านล้อมข่มขู่ให้ยอมจ่ายเงิน”

รายงานระบุว่า จากหลักฐานที่มีอยู่ทั้งหมด ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถจำแนกพฤติกรรมหรือการทำหน้าที่ของแต่ละบุคคลได้เป็นอย่างดี คนทำเอกสารร้องเรียน คนเจรจาต่อรองเรียกเงิน คนติดตามทวงถามเงิน และคนรับเงิน จึงทำให้เจ้าหน้าที่ค่อนข้างมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ว่าจะสามารถเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดได้

ส่วนบรรยากาศบริเวณหน้าบ้านนายศรีสุวรรณนั้น ซึ่งเป็นวันที่ 2 นายศรีสุวรรณปิดบ้านเงียบ มีเพียงรถยนต์จอดหน้าบ้าน พร้อมข้อความที่มีคนเขียนใส่กระดาษให้กำลังใจติดอยู่ประตูรั้วหน้าบ้าน ว่า “เรียนอาจารย์ศรี ในนามคนไทยทั้งชาติ ขอเป็นกำลังใจ ให้อาจารย์ต่อสู้ เพื่อความยุติธรรมต่อไป พวกที่วางแผนล้มอาจารย์ ต้องพ่ายแพ้ไปในที่สุดครับ สู้ๆ ครับ”

นายเดชา กิตติวิทยานันท์ หรือทนายเดชา ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ได้คุยกับทนายความของท่านอธิบดีที่โดนตบทรัพย์ ยืนยันชัดเจนว่ามีพยานหลักฐานชัดเจน ว่ากลุ่มพี่ศรีได้มีการเรียกเงินจริง พี่ศรีรอดยากหลักฐานมันค่อนข้างมัดแน่น ทั้งเส้นทางเงิน คลิปเสียงและคลิปวิดีโอประจักษ์พยานพยานเอกสาร แม้ในชั้นนี้ยังถือว่าพี่ศรีเป็นผู้บริสุทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ แต่พยานหลักฐานมัดแน่นดิ้นหลุดยาก นักร้องหรือนักตบทรัพย์ติดตามกันต่อไป.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง