ทักษิณชิลนั่งรับแดด ออกรพ.ใส่เฝือกคอ-แขน ทวีชี้หมดหน้าที่ราชทัณฑ์

"ทักษิณ" ถือฤกษ์ 06.06  น. ออกจาก รพ.ตำรวจกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า พิลึก! ใส่เฝือกคอและแขน   จรัญฯ 69 คึกคัก แฟนคลับปักหลักให้กำลังใจ ครอบครัว “ชินวัตร” ชื่นมื่น 2 ลูกสาวโพสต์เซลฟีริมสระน้ำ ภาพที่รอคอยมานานยินดีพ่อได้กลับบ้าน ⁣   รถ “หญิงอ้อ” เลี้ยวเข้าบ้าน "ด้อมแม้ว" เชลียร์ถึงโกงคนไทยก็กินได้ “เศรษฐา” ยังไม่ได้นัดพบขอคำปรึกษา แต่พร้อมน้อมรับฟังคำแนะนำ ลั่นตนเป็นนายกฯคนเดียว "ก้าวไกล" ชี้แม้ทักษิณไม่ได้รับความยุติธรรมจากรัฐประหาร แต่ไม่ควรตอกย้ำ 2 มาตรฐาน “นิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน” ข้องใจพักโทษปุ๊บออกจาก รพ.ทันที  ยันต้องอำนวยความยุติธรรมเท่ากันทุกคน "ราชทัณฑ์" ย้ำดำเนินการตามกฎหมาย-ระเบียบ

  นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษคดีทุจริตหนีคุก 8 ปี ซึ่งกลับประเทศเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม  2566 แล้วอ้างป่วยหนักไปนอนโรงพยาบาลตำรวจโดยไม่ได้เข้าเรือนจำแม้แต่วันเดียว ก่อนได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือ 1 ปี และได้รับการพักโทษหลังครบวันรับโทษครบ 180 วัน ได้ออกจาก รพ.ตำรวจแล้ว

โดยเมื่อเวลา 06.06 น. วันที่ 18  กุมภาพันธ์ ที่อาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ 88 พรรษา รพ.ตำรวจ นายทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับบ้านจันทร์ส่องหล้า ด้วยรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน ภษ 1414  โดยนายทักษิณสวมเสื้อเชิ้ตสีเขียว  พร้อมสวมเฝือกที่คอสีเนื้อ และเฝือกสีดำที่แขนขวา พร้อม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร บุตรสาวและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยมีรถยนต์ส่วนตัวและรถตู้ติดตามทั้งหมด 4 คัน

ทั้งนี้ เวลา 00.05 น. คืนวันที่ 18 ก.พ. เครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) นำโดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำ คปท. มาปักหลักเฝ้าสังเกตการณ์ที่โรงพยาบาลตำรวจ หลังนายทักษิณจะได้รับการปล่อยตัว โดยกล่าวว่า คปท.คัดค้านการพักโทษนายทักษิณ เรามาเพื่อแสดงให้เห็นว่านายทักษิณเป็นกรณีตัวอย่าง เป็นการพักโทษแม้ไม่ได้เข้าเรือนจำ และหากคืนนี้นายทักษิณออกจากโรงพยาบาลจริง  ก็สะท้อนแล้วว่าสิ่งที่ คปท.พูดเป็นความจริง นายทักษิณไม่ได้ป่วยหนัก หรือต้องใช้เครื่องมือพิเศษ สังคมก็จะเห็นข้อเท็จจริงด้วย

นายพิชิตมองว่า กรณีการพักโทษของนายทักษิณ ถือว่าได้รับอภิสิทธิ์เหนือนักโทษคนอื่น โดยคดีอายัดตัวในความผิดมาตรา 112 หากปล่อยไว้นานก็อาจจะมีการแทรกแซงการทำงานของอัยการได้ โดยหลังจากนี้ คปท.จะไปสอบถามกองทัพบก ในฐานะผู้ร้องทุกข์กล่าวโทษ ซึ่งเป็นองค์กรที่ต้องปกป้องสถาบัน ส่วนการเดินทางไปปักหลักที่บ้านจันทร์สองหล้า คิดว่าเราคงไม่มีมาตรการแบบนั้น เพราะคิดว่าเป็นการคุกคามสิทธิส่วนบุคคล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรักษาความปลอดภัยภายใน รพ.ตำรวจ เจ้าหน้าที่ตำรวจมีมาตรการเข้มงวด โดยไม่ยอมให้ผู้ชุมนุมเข้าไปด้านใน

กระทั่งเวลา 05.09 น. รถเบนซ์ทะเบียน ขจ 995 ที่เป็นรถยนต์ส่วนตัวของ น.ส.แพทองธาร ที่ออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า ซ.จรัญสนิทวงศ์ 69 เขตบางพลัด มาถึงอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ฯ รพ.ตำรวจ และวิ่งไปจอดชั้นล่างใต้ดิน ต่อมา  06.06 น. นายทักษิณ พร้อมด้วย น.ส.แพทองธาร และ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ บุตรสาวเดินทางออกจากอาคารมหาภูมิพลราชานุสรณ์ฯ มุ่งหน้าบ้านพักจันทร์ส่องหล้า ด้วยรถเบนซ์สีดำ ทะเบียน ภษ 1414 โดยนายทักษิณได้สวมใส่เฝือกที่คอและแขน พร้อมสวมหน้ากากอนามัย ใส่เสื้อเชิ้ตลายสีเขียว กางเกงขาสั้นสีดำ มี น.ส.แพรทองธารนั่งข้าง ส่วนด้านหลังคือ น.ส.พินทองทา

ขณะรถเคลื่อนตัวออกจากโรงพยาบาล สื่อมวลชนตะโกนเรียกทักษิณว่า “ท่านนายกฯ” ทำให้ทักษิณหันมองตามเสียงเรียกทันที โดยมีรถคุ้มกันรักษาความปลอดภัยตลอดเส้นทาง

ถึงจะโกงทำให้ ปชช.กินได้

จากนั้น เวลา 06.33 น. นายทักษิณ เดินทางถึงบ้านจันทร์ส่องหล้า เลขที่ 472 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 แขวงและเขตบางพลัด โดยพบว่านายทักษิณมีสีหน้าที่เรียบเฉยและเปิดหน้ากากอนามัย  สำหรับเสื้อที่สวมใส่นั้น มีสีเขียวและสีน้ำเงินเข้ม ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุสีเขียวและสีน้ำเงินเข้มเป็นสีมงคลของวันอาทิตย์ การกลับเข้าบ้านครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี ตั้งแต่ปี 2549 ที่เดินทางออกนอกประเทศ

นอกจากนี้ยังมีแฟนคลับเดินทางมาให้กำลังใจภายหลังจากที่นายทักษิณ เดินทางกลับ โดยสวมเสื้อสีแดงสกรีนว่า NEW คนรักทักษิณ 67 นางประนอม พูลทวี หรือป้าอึ่ง บางเมือง สมุทรปราการ กล่าวถึงความตื้นตันที่นายทักษิณได้เดินทางกลับมาว่า พูดกี่ครั้งก็จะร้องไห้  17 ปีที่รอคนดีแบบนี้ หาไม่ได้

"จริงๆ ถึงท่านจะโกง แต่ประชาชนคนไทยกินได้ ได้อยู่ได้กิน เด็กไทยได้ไปเรียนเมืองนอกเพราะเงินหวย หลังจากนี้จะไปฉลองที่พรรคเพื่อไทย" นางประนอมกล่าวพร้อมร้องไห้ และอวยพรนายทักษิณว่า อายุ 70 ปีแล้ว ขอให้มีสุขภาพแข็งแรง อยู่กับหลาน 7 คนไปนานๆ

ขณะที่บรรยากาศหน้าบ้านจันทร์ส่องหล้า ยังคงคึกคักด้วยสื่อมวลชนที่มาติดตามความเคลื่อนไหวตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา โดยเวลา 07.00 น. คนในบ้านได้มาถอดป้ายผ้าระบุข้อความ Welcome Home We’re been waiting  for this day for so so long. (ยินดีต้อนรับกลับบ้าน พวกเรารอคอยวันนี้มานานมาก) พร้อมประทับรอยฝ่ามือของบรรดาหลานๆ ที่ติดอยู่ประตูหน้าบ้านออกไป คาดว่าน่าจะนำกลับไปให้นายทักษิณ

เวลา 08.00 น. น.ส.แพทองธารกับ น.ส.พินทองทา พี่สาว ลูกสาวทั้ง 2 คนของนายทักษิณ ถ่ายภาพเซลฟีขณะนั่งอยู่ริมสระน้ำภายในบ้านพักจันทร์ส่องหล้า พร้อมข้อความว่า "ตื่นตี 3 กว่า ต้องใส่ Filter หน่อย" โพสต์ลงสตอรีในอินสตาแกรม@ingshin21 ⁣ ⁣นอกจากนี้ยังลงภาพนั่งคู่กับนายทักษิณบนรถยนต์ขณะเดินทางกลับบ้าน พร้อมข้อความระบุว่า “เป็นภาพที่รอคอยมานาน ยินดีที่ท่านได้กลับมาอยู่กับครอบครัว“

ขณะเดียวกัน “เอม” น.ส.พินทองทา  ก็ได้แชร์ภาพลงสตอรีอินสตาแกรม @aimpintongta ขณะรถกำลังเลี้ยวเข้าบ้าน พร้อมกับเขียนข้อความเป็นห่วงสื่อมวลชนที่เข้ามาเกาะติดรายงานข่าวที่ หน้าบ้าน⁣    “ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนทุกคนค่ะ กลัวรถโดนมากๆ ระวังกันด้วยนะคะ”⁣

ต่อมาเวลา 09.49 น. มีรถตู้สีบรอนซ์เงินขับเข้าไปภายในบ้าน โดยมีรายงานว่าเป็นรถของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภรรยาของนายทักษิณ โดยรถดังกล่าวมีการปิดม่านมิดชิด จึงไม่สามารถเห็นว่ามีใครอยู่ภายใน จากนั้น 10.00 น. รถโตโยต้าอัลพาร์ดขับเข้าไปภายในบ้านด้วย

'หญิงอ้อ' นำคณะเข้าพบ

เวลา 10.38 น. ชายคนหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า ช่างอ้วน เพชรบุรี ขับรถกระบะซูซูกิ   ทะเบียนเพชรบุรี บรรทุกที่นอนมาจอดบริเวณหน้าบ้านพักของนายทักษิณ โดยทั้งสองฝั่งของรถติดป้ายไวนิลมีข้อความว่า “ท่านเป็นผู้เดียวที่ปราบยาบ้าสำเร็จทำให้ประเทศไทยดีขึ้นมา ตอนนี้ยาบ้าและสิ่งเสพติดมากมาย ประเทศไทยป่วยอย่างหนัก ขอให้ท่านสุขภาพแข็งแรง มาช่วยประเทศไทยด้วย สงสารลูกหลานวันข้างหน้า ก่อนชาติไทยจะแย่ไปกว่านี้”

กระทั่งเวลา 13.45 น. ปรากฏขบวนรถยนต์ส่วนบุคคล 3 คัน ทยอยขับออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า ได้แก่ รถตู้ Mercedes Benz สีขาว ทะเบียน 9 กย 59 กรุงเทพมหานคร, รถยนต์ยี่ห้อ Toyota รุ่น Fortuner สีดำ ทะเบียน 5 กฒ 1309 กรุงเทพมหานคร และรถตู้ Mercedes Benz สีเทา รุ่น V 250d ทะเบียน 7 กอ 559 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถประจำตัวของนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ สามีของ น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์

ต่อมาเวลา 14.25 น. ขบวนรถยนต์ส่วนบุคคลอีก 2 คัน ทยอยขับออกจากบ้านจันทร์ส่องหล้า ได้แก่ รถตู้ Mercedes Benz สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน 4 ขท 2566 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถประจำตัวของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ตามมาด้วยรถยนต์ส่วนบุคคลของนายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชายคนโตของคุณหญิงพจมาน โดยทั้งหมดติดฟิล์มทึบรอบคัน จึงไม่สามารถมองเห็นได้ว่ามีบุคคลใดอยู่ภายในรถ  อีกทั้งยังคงไม่บุคคลสำคัญทางแวดวงการเมืองภายในพรรคเพื่อไทยเดินทางเข้าพบ เยี่ยมเยียนนายทักษิณแต่อย่างใด

ที่สวนเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมืองสกลนคร จ.สกลนคร นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง  ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณออกจาก รพ.ตำรวจ กลับไปอยู่ที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า จะมีกำหนดการเข้าไปขอคำปรึกษาในการบริหารประเทศหรือไม่ว่า ยังไม่มีเลย แต่ทราบว่านายทักษิณได้ออกมาเมื่อเช้านี้ คิดว่าในฐานะพ่อ ยินดีด้วย เพราะจะได้เจอลูกที่ไม่ได้เจอกันมานาน ไม่ได้อยู่กันอย่างครอบครัวมานาน ที่ได้ออกมาก็เป็นไปตามข้อกฎหมายที่กรมราชทัณฑ์ โรงพยาบาลตำรวจ และกระทรวงยุติธรรม เป็นคนเดินเรื่องมา และจบไปแล้ว นายทักษิณคงไม่ได้สนใจเรื่องการเมืองขนาดนั้น คงอยากจะใช้เวลาอยู่กับครอบครัวและรักษาตัวเองต่อไปให้ดี หลังจากนั้นก็ค่อยว่ากันก็แล้วกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ได้โทรศัพท์แสดงความยินดีกับ น.ส.แพทองธารแล้วหรือยัง นายเศรษฐากล่าวว่า ยังเลย ไม่มีเวลาเลย และวันนี้ก็มีงาน 7 หมาย แต่เชื่อว่าใจถึงใจอยู่แล้ว ท่านก็รู้ว่าตนส่งความปรารถนาดีและก็ยินดี และก็เป็นเวลาส่วนตัวของท่านกับครอบครัวท่าน เราสนิทกันอยู่แล้ว เรื่องพวกนี้ไม่ต้องโทร.หรอก แต่ถ้ามีโอกาสก็โทร.

เมื่อถามว่า มีผู้เห็นต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุดหย่อน โดยมองว่าศูนย์บริหารงานจะเปลี่ยนจากทำเนียบรัฐบาลไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้า  นายเศรษฐากล่าวว่า เรื่องความเห็นต่างเป็นเรื่องธรรมดาในสังคมไทยอยู่แล้ว ตนน้อมรับเรื่องความเห็นต่างอยู่แล้ว และเราต้องพูดคุยด้วยภาษาที่เหมาะสม และยึดมั่นในหลักการ

'เสี่ยนิด' ลั่นมีนายกฯ คนเดียว

"วันนี้เราก็มาร่วมกันทำงานเพื่อประเทศชาติ จะเป็นเรื่องของอดีตนายกฯ บางคนหรือหลายๆ ท่าน ซึ่งถ้าท่านทำได้ โดยหลังได้รับการแต่งตั้ง ผมก็เข้าไปเรียนพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี อดีตนายกฯ ขอคำแนะนำ และเวลาเจอกันตามงานต่างๆ ก็มีการพบปะพูดคุยกัน ขอคำแนะนำอยู่แล้ว เชื่อว่าถ้าอดีตนายกฯ ทักษิณพร้อม และอยากได้คำแนะนำ เชื่อว่าไม่มีใครในรัฐบาลนี้ไม่อยากจะรับคำแนะนำจากท่าน ก็เข้ามาสู่กระบวนการกฎหมาย ที่ต้องเน้นย้ำว่าถูกต้อง ตรงนี้ก็อย่ามาดรามากันเลยดีกว่า ว่ามีนายกฯ กี่คนอะไรอย่างไร รัฐธรรมนูญไทยก็ระบุแล้วว่ามีนายกฯ อยู่คนเดียว และมีคนเดียวก็คือผมนี่แหละ"

ถามว่าการพักโทษของนายทักษิณ อาจทำให้สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไป นายเศรษฐากล่าวว่า การเมืองก็เปลี่ยนไปทุกๆ วัน แต่ว่าเปลี่ยนไปมองว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นอยู่แล้ว ถ้าอยู่บนความชอบธรรมของกฎหมายที่ท่านได้กลับมารับโทษเรียบร้อยแล้ว และได้รับผ่านขั้นตอนทางกฎหมายเรียบร้อยและออกมาพักตัวที่บ้านแล้ว เชื่อว่าพี่น้องประชาชนคนไทยกว่า 60 ล้านคนก็ยินดีถ้าเกิดการเมืองเมืองไทยดีขึ้น

เมื่อถามว่า ยังมีอดีตนายกฯ ในสังกัดของพรรคเพื่อไทย ที่ยังคงอยู่ต่างประเทศ หากจะกลับเข้ามาสู่กระบวนการทางกฎหมายมองอย่างไร นายเศรษฐากล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของท่าน ตนไม่มีความเห็นอะไรทั้งสิ้น ถ้ากลับเข้ามาสู่กระบวนการทางกฎหมาย ทุกอย่างถูกต้อง ก็เป็นเรื่องน่ายินดีไม่มีอะไร

ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้าทำเนียบรัฐบาล ประกาศว่าอาจจะไปชุมนุมที่บ้านจันทร์ส่องหล้า เกรงหรือไม่ว่าจะเกิดความบานปลาย นายกฯ กล่าวว่า ก็อย่างที่บอกจริงๆ แล้วเราอยากเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้าได้ และวันนี้บ้านเมืองสงบสุขมาแล้ว ในช่วงตั้งแต่ปลายสมัยรัฐบาลที่ผ่านมา จนถึงรัฐบาลนี้ปัญหาใหญ่กว่าคือปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ อยากให้โฟกัสในเรื่องนี้มากกว่า รัฐบาลก็มีหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย อย่าให้เกินเขตเกินเลย

ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า  ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ตนเชื่อว่าครอบครัวนายทักษิณก็คงมีความดีใจและมีความสุข ส่วนสถานการณ์การเมืองหลังจากนี้ก็ปกติ รัฐบาลก็มีนายเศรษฐา บริหารอยู่แล้ว พวกเราก็ช่วยกันทำงาน

ส่วนที่มีการมองกันว่าศูนย์รวมอำนาจจะย้ายจากทำเนียบรัฐบาลไปอยู่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า นายอนุทินกล่าวว่า "พูดอะไรก็พูดได้หมดแหละ ผมก็โดนว่าศูนย์รวมอำนาจอยู่ที่ จ.บุรีรัมย์ แล้วมันจริงหรือไม่ ใช่ไหมล่ะ ทุกคนก็ช่วยกันทำงาน"

อย่าจินตนาการนายกฯ 2 คน

นายวราวุธ  ศิลปอาชา รมว.การพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวว่า ในฐานะคนที่เป็นลูกคนหนึ่งต้องขอแสดงความยินดีกับครอบครัวชินวัตร ที่ในวันนี้ผู้นำครอบครัวได้กลับบ้าน โดยเฉพาะหลานๆ ที่จะได้อยู่กับคุณปู่ คุณตา จากวันนี้ไปซอยจรัญสนิทวงศ์ 69 คงจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง คงจะทำให้เศรษฐกิจในละแวกนั้นกระเตื้องขึ้น อุ๊งอิ๊งคงได้มากกว่ากำลังใจ และวันนี้เมื่อคุณพ่อออกมาแล้ว ก็เชื่อว่าจะได้เป็นกุนซือสำคัญอีกคนหนึ่ง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล เตือนให้ระวังสภาวการณ์มีนายกฯ 2 คน หลังนายทักษิณได้รับการพักโทษว่า อย่าจินตนาการจนเกินไป เพราะการพูดแบบนี้ไม่เป็นการเคารพความเป็นมนุษย์ของคนอื่น โดยเฉพาะนายเศรษฐา เพราะมนุษย์ทุกคนมีความเป็นตัวเอง ไม่ใช่มองทุกคนเป็นหุ่นเชิด การที่จะคิดแบบนี้ได้ ต้องคิดมาจากประสบการณ์ที่ตัวเองเคยเจอหรือ ประสบการณ์โดยตรง

"อย่าไปคิดแบบนั้นเลย บ้านเมืองบอบช้ำมามากแล้ว ช่วยกันคิดสิ่งที่ดีและสร้างสรรค์ดีกว่า ไม่มีใครยอมให้ใครมาเชิดใครง่ายๆ หรอกในสังคม ถามตัวเองว่าตัวเองยอมไหม ถ้าไม่ยอม ก็คิดว่าคนอื่นก็คงไม่ยอมเหมือนกัน" นายภูมิธรรมกล่าว และว่า นายทักษิณเคยประกาศชัดเจนแล้วว่าจะกลับมาใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่กับครอบครัว ส่วนตัวไม่คิดว่าการเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลงเพราะเรื่องนี้

ขณะที่ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านฯ  กล่าวว่า แม้ว่าหลายคนจะเห็นว่านายทักษิณ ในฐานะอดีตผู้นำทางการเมือง ถูกรัฐประหาร และมีการดำเนินคดีตามมาหลังจากนั้น และมองว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นสมควรได้รับความยุติธรรม แน่นอนใครก็ตามที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐประหารหรือถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง ควรจะได้รับความยุติธรรม แต่เราไม่ควรใช้วิธีการที่ไปตอกย้ำกระบวนการยุติธรรมที่สองมาตรฐาน การปฏิบัติที่ไม่เสมอภาคเท่าเทียมกัน เราอาจจะเรียกว่าเป็น "ระบบนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน" เพราะสุดท้ายก็ทำให้สังคมตั้งคำถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นถูกต้องเป็นธรรมหรือไม่ คนที่ควรจะได้รับการอำนวยความยุติธรรม ควรจะมีแค่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง หรือควรจะเป็นคนทุกกลุ่ม

เมื่อถามว่า วันนี้ที่นายทักษิณกลับบ้านได้ แสดงว่า 180 วันที่ผ่านมาไม่ป่วยจริง นายชัยธวัชกล่าวว่า เป็นประเด็นที่ถูกตั้งข้อสงสัย ที่ผ่านมานายทักษิณอ้างว่ามีเหตุเรื่องสุขภาพ ต้องอยู่โรงพยาบาลนอกเรือนจำ แตกต่างจากผู้ต้องขังคนอื่น เรื่องนี้ทำให้สังคมอดสงสัยไม่ได้ เมื่อเข้าเกณฑ์ได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ ก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทันที เป็นการตอกย้ำการเลือกปฏิบัติ ตอกย้ำปัญหาเดิมๆ ให้หนักหน่วงมากขึ้น ไปเพิ่มความไม่พอใจ ความคับข้องใจ แทนที่จะคลี่คลายความขัดแย้ง

ก.ก.ซัดตอกย้ำ 2 มาตรฐาน

เมื่อถามว่า หากนายทักษิณออกมาจะกลายเป็นนายกฯ อีกคนหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า นี่เป็นสิ่งที่ตนเคยเตือนว่าถ้ารัฐบาลนี้บริหารจัดการไม่ดี แล้วเกิดสภาวะเสมือนนายกฯ มากกว่าหนึ่งคน เพราะมีหลายคนบอกว่าอาจจะมากกว่าสองคน ก็จะไม่เป็นผลดีกับตัวนายกรัฐมนตรีเอง ส่วนที่นายภูมิธรรม ระบุว่าการคิดว่านายกฯ 2 คนเป็นการคิดมากเกินไป หากไม่เกิดขึ้นก็ดี คิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่สังคมคิดไปได้

เมื่อถามว่า การออกมาของนายทักษิณจะทำให้คะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลลดลงหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า คงเป็นคนละเรื่องกัน ความนิยมของพรรคก้าวไกลคงขึ้นอยู่กับการทำงานของพรรคเอง ว่าจะสามารถทำงานอย่างที่ประชาชนคาดหวังได้หรือไม่ คิดว่าพรรคฝ่ายค้านคงจะติดตามตรวจสอบเรื่องนี้

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การที่คุณทักษิณมีภาพแค่เพียงใส่เฝือก มีภาพแค่เพียงเหมือนกับคอซ้น ภาพเหล่านี้ที่ออกมา มันทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของการรักษาตัวของนายทักษิณ ซึ่งความสงสัยแบบนี้ มันทำลายกระบวนการยุติธรรม ทำลายความน่าเชื่อถือ ของเรือนจำ ของกระบวนการยุติธรรม ถ้านายทักษิณสามารถทำแบบนี้ได้ ต่อไปก็จะมีคนขอในลักษณะแบบนี้ ไม่ต้องติดคุกแม้แต่นาทีเดียว ในอดีตมีแง่มุมหลายอย่างที่นายทักษิณไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม แต่การใช้วิธีการเพื่อสร้างอภิสิทธิ์บางอย่างให้กับตัวเอง มันไม่ใช่การพิสูจน์ และยิ่งทำลายกระบวนการยุติธรรมต่อไป

เฟซบุ๊ก "พรรคก้าวไกล - Move Forward Party" โพสต์ข้อความระบุว่า  หากมองไปที่อดีต ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกรัฐประหาร ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณทักษิณเป็นบุคคลที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมทางวิถีประชาธิปไตย จนทำให้ประชาชนจำนวนมากตั้งคำถามต่อความเป็นธรรมของคดีความ กระบวนการทางกฎหมาย และบทลงโทษที่มีต่อคุณทักษิณ แต่หากมองมาที่ปัจจุบันเมื่อคุณทักษิณตัดสินใจนำตนเองกลับเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรมในประเทศ ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า คำชี้แจงของรัฐบาลต่อคำถามสำคัญทั้งเรื่องสุขภาพของคุณทักษิณที่ผ่านมา หรือเกณฑ์ที่ใช้ในการอนุมัติให้คุณทักษิณได้รับการพักโทษ ไม่สามารถทำให้สังคมหยุดตั้งคำถามได้ถึงความเสมอภาคในการบังคับใช้กฎหมาย และการปฏิบัติเมื่อเปรียบเทียบกับนักโทษและผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองคนอื่นๆ

พรรคก้าวไกลยืนยันว่า สังคมไทยต้องการระบอบประชาธิปไตยที่ยึดหลักนิติรัฐและกระบวนการยุติธรรมเพื่อทุกคน ปราศจากระบบสองมาตรฐานหรือนิติรัฐแบบอภิสิทธิ์ชน หากรัฐบาลต้องการจะอำนวยความยุติธรรมให้แก่คุณทักษิณ ต้องไม่ใช่การตอกย้ำระบบสองมาตรฐานของกระบวนการยุติธรรมในประเทศ หรือส่งเสริมให้ใครคนใดคนหนึ่งได้รับอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นในทางกฎหมาย

ที่ศูนย์ประสานงานเครือข่ายกลุ่มสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน ซึ่งตั้งอยู่ริมบึงหนองโคตร ต.บ้านเป็ด อ.เมืองฯ จ.ขอนแก่น ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มคนที่รักและชื่นชอบนายทักษิณ พร้อมใจกันสวมใส่เสื้อสีแดงและรวมตัวกันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส เพื่อร่วมแสดงความยินดีและส่งกำลังใจให้กับอดีตนายกฯ ในดวงใจ ภายหลังจากได้รับการยืนยันและปรากฏภาพของอดีตนายกฯ เดินทางกลับบ้านพัก โดยได้มารวมตัวกันเพื่อจัดทำคลิปภาพส่งกำลังใจเพื่อส่งให้กับอดีตนายกฯ รวมทั้งการเผยแพร่ภาพในโลกโซเชียลมีเดีย

 เมื่อเวลา 17.46 น. กรมราชทัณฑ์ได้ออกเอกสารข่าวชี้แจงกรณีการปล่อยตัวพักการลงโทษนายทักษิณ ชินวัตร โดยระบุว่า การพิจารณาการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษดังกล่าวนี้ กรมราชทัณฑ์ได้ดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ เป็นการดำเนินงานภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

ส่วน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า กระทรวงยุติธรรม โดยเฉพาะกรมราชทัณฑ์ หมดหน้าที่แล้ว ต่อจากนี้เป็นหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักงานอัยการสูงสุด.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง