คืนงบฮ.ดับเพลิงให้‘ปภ.’ ก.ก.แฉแพ้โหวตหนุนทร.

“อนุสรณ์” แจง กมธ.งบฯ  ย้ำตัดวงเงินซื้อเรือฟริเกต แต่คืนให้ ปภ.ซื้อ ฮ.หลังอุทธรณ์ “เด็กก้าวไกล” เผยหนุน ทร. เพราะเห็นความจำเป็นแต่แพ้โหวต “สุทิน” ปลอบใจทัพเรือไม่ทิ้งแผนจัดซื้อ “อนุทิน” เชื่อสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาดีขึ้นมาก อาจเปิดด่านที่เขาพระวิหาร

เมื่อวันที่ 8 มี.ค.2567 นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ  (กมธ.) พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 กล่าวถึงความคืบหน้าในการพิจารณาร่างดังกล่าวว่า ครบถ้วนทั้งหมด 731 หน่วยงานแล้ว และปรับลดงบประมาณได้ถึงกว่า 9,000 ล้านบาท และเชื่อว่าการพิจารณางบประมาณปี 2568 ที่กำลังจะมาถึง จะเข้มข้นขึ้นกว่าเดิม

ส่วนการอุทธรณ์งบประมาณของหน่วยงานต่างๆ ภายหลังจากถูกปรับลดงบประมาณนั้น นายอนุสรณ์กล่าวว่า มีหลายหน่วยงานที่ขอคืนงบประมาณ เช่น กระทรวงกลาโหม (กห.) ที่ในชั้นอนุ กมธ.ได้ปรับลดงบประมาณในการซื้อเรือฟริเกต เนื่องจากไม่มีรายละเอียดที่ลงลึก กมธ.จึงเห็นเช่นเดียวกับอนุ กมธ.ไม่ได้คืนงบประมาณให้กับ กห.ตามที่อุทธรณ์มา ซึ่งไม่ได้ไม่เห็นความสำคัญ แต่ต้องจัดลำดับความสำคัญ เพราะหน่วยงานสามารถขอซื้อใหม่ในปีงบประมาณหน้าได้ ส่วนงบการจัดซื้ออากาศยานปีกหมุนดับเพลิงจากประเทศรัสเซีย ของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ที่อนุ กมธ.ได้ตัดไป 950 ล้านบาท เมื่อมีการอุทธรณ์เข้ามา  กมธ.ชุดใหญ่ได้พิจารณาถึงเหตุผลและงบประมาณที่มีอยู่ จึงคืนการจัดซื้อให้ทั้งหมด

“การประชุมครั้งสุดท้าย วันพุธที่ 13 มี.ค.นี้ จะนัดตรวจสอบรายมาตรา และรับรองการประชุม ก่อนส่งเข้าสู่วาระ 2 และวาระ 3 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 20-21 มี.ค.นี้” นายอนุสรณ์กล่าว

น.ส.พนิดา มงคลสวัสดิ์ สส.สมุทรปราการ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะ กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ กล่าวถึงการปรับลดงบประมาณโครงการจัดหาเรือฟริเกต 17,000 ล้านบาท ว่ากองทัพเรือได้ขออุทธรณ์ ซึ่ง ทร.ชี้แจงเหตุผลว่า 1.ปัจจุบันมีเรือฟริเกตคอยลาดตระเวน 4 ลํา โดยเรือหลวงรัตนโกสินทร์ ซึ่งเป็นลำที่เก่าแก่ที่สุด และกำลังถูกปลดระวางในปี 2569 ดังนั้นหากไม่เตรียมจัดซื้อในปีนี้จะทำให้เหลือเรือแค่ 3 ลำ และ 2.การจัดซื้อครั้งนี้ มาพร้อมกับนโยบายออฟเซตที่ระบุว่า ต้องต่อเรือในไทย ทำให้เราจะได้รับเทคโนโลยีในการประกอบเรือด้วย ซึ่งเทคโนโลยีนี้ไม่เคยปรากฏในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์มาก่อน จึงมองว่าเป็นผลประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับคนไทย พรรคจึงเห็นชอบต่อคําขออุทธรณ์ แต่เสียงโหวตไม่พอ จึงไม่ผ่านการโหวต

“อีกเรื่องที่น่ากังวลคือ การตั้งคำของบประมาณปี 2568 ถูกส่งไปที่สำนักงบประมาณ เมื่อปลายเดือน ก.พ. ไม่มีคำขอเรื่องจัดซื้อเรือฟริเกต และต้องรอทำคำขอใหม่ในปี 2569 ซึ่งอาจไม่ทันการปลดระวางเรือหลวงรัตนโกสินทร์ หรือความเป็นไปได้อีกทางคือ ต้องแก้ไขคำของบประมาณ ปี 2568 ใหม่” น.ส.พนิดาระบุ

ส่วนนายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กมธ.ได้สะท้อนปัญหา และได้ทวงถามนโยบายของรัฐบาลว่า ถ้าจะให้ทั้งเรือฟริเกตและเรือดำน้ำในปีเดียวกัน งบประมาณในส่วนของ กห.จะโป่งพองขึ้น สวนทางกับนโยบายของรัฐบาลที่จะลดบุคลากรและงบประมาณลงหรือไม่ จึงต้องปรับแผน แต่ยืนยันว่าโครงการจัดหาเรือฟริเกตยังคงเป็นไปตามแผน เพียงแต่เวลาต้องปรับเปลี่ยน อาจไม่ใช่ปีงบ 2567 แต่ขยับไปเป็นปีงบประมาณอื่น เพราะขณะนี้เรื่องเรือดำน้ำก็อาจได้ข้อสรุป ซึ่งมีแนวโน้มจองจัดงบซื้อเรือดำน้ำ จึงห่วงว่างบประมาณจะไม่พอ ต้องทำทีละอย่าง ซึ่ง กมธ.คุยกับรัฐบาลก็มีความเห็นเป็นเช่นนี้ โดยอาจจะจัดหาในปีงบ 2568

เมื่อถามว่า งบปี 2568 จะไปชนกับกองทัพอากาศ (ทอ.) ที่ขอจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ ซึ่งจะดันเพดานของ กห.สูงอีกเช่นกัน นายสุทินกล่าวว่า เป็นเรื่องที่ กห.ต้องบริหารจัดการให้ดี ทุกอย่างเราอยากให้เป็นไปตามแผนของเหล่าทัพ แต่จะสลับปรับเปลี่ยนอย่างไรเป็นเรื่องที่กำลังทำอยู่

นายสุทินยังกล่าวถึงการเดินทางไปประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ไทย-กัมพูชา ระหว่างวันที่ 21-22 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใกล้กับการเดินทางไปกัมพูชาของคณะ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) อาจเกี่ยวพันเรื่องผลประโยชน์ด้านพลังงานว่า เป็นวาระปกติที่มีมาก่อนแล้ว และมีการประชุมทุกปีไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่น ส่วนที่กลุ่มเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.)เรียกร้องให้พูดให้ชัดเรื่องสถานะของเกาะกูดนั้น คิดว่าทหารหรือกลาโหมจะไปพูดชัดเลยไม่ได้ เพราะไม่ใช่หน้าที่โดยตรง แต่เป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ เพราะฉะนั้นการที่เราจะไปพูดออกหน้าหรือล้ำหน้าไป ไม่ถูก ต้องพูดตามบทหน้าที่ของ กห.เท่านั้น

วันเดียวกัน ที่โดมอเนกประสงค์โรงเรียนกำแพง อ.อุทุมพรพิสัย จ.ศรีสะเกษ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการเปิดชายแดนเขาพระวิหารว่า เป็นสิ่งที่ผู้ว่าฯ ได้นำเสนอร้องขอให้พิจารณาแนวชายแดนด้านเขาพระวิหาร โดยเน้นเรื่องการพัฒนาการท่องเที่ยว การค้าชายแดนเป็นหลัก ซึ่งต้องยอมรับว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปมาก ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับประเทศเพื่อนบ้านที่ติดกับเขาพระวิหารคือกัมพูชา มีความแนบแน่นมากยิ่งขึ้น มีการเดินทางไปมาหาสู่กันของผู้นำ และมีความร่วมมือด้านต่างๆ มากมาย ดังนั้น อะไรที่ทำแล้วเกิดประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน

เมื่อถามว่า น.ส.แพทองธารจะเดินทางไปพบสมเด็จฮุน เซน จะมีการประสานเรื่องดังกล่าวด้วยหรือไม่  นายอนุทินกล่าวว่า มันอยู่ในระเบียบวาระของ กต.อยู่แล้ว ซึ่งนายกฯ ชอบพูดว่า red tape หรือทลายระเบียบราชการ   ก็ทลายทุกข้อจำกัดอยู่แล้ว เป็นนโยบายของนายกฯ เศรษฐา ซึ่งเน้นในเรื่องของเศรษฐกิจที่เป็นตัวผลักดันทำให้ประเทศมีความมั่นคง แต่ถ้าเป็นภาษาพรรคภูมิใจไทยก็คือทลายทุกข้อจำกัด ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน มันก็สอดคล้องกันถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง