ขู่‘โจ๊ก’เรียก2ครั้งไม่มาเจอจับ

“ผบ.ตร.” ยันถ้าออกหมายเรียก 2 ครั้ง "บิ๊กโจ๊ก" ไม่มาเจอหมายจับ ไม่มีการกลั่นแกล้ง เส้นเงินเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์พิสูจน์ได้ ถึงใครต้องรับสภาพ  ลั่นจะทำคดีให้แล้วเสร็จก่อนเกษียณ ขณะที่ "บิ๊กโจ๊ก” ยังไม่เห็นหมายเรียก ไม่กังวลปมตบแต่งบัญชีทรัพย์สิน ด้าน "อัจฉริยะ" ยื่นให้มหาดไทยตรวจสอบปืน 200 กระบอกของ "สุรเชษฐ์ " ขู่ศุกร์นี้เปิดทีเดียวตายเรียบ

เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2567 ที่กองบังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บก.สส.บช.น.) พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ข้อหาร่วมกันฟอกเงินเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ BNK มาสเตอร์  ว่าเป็นไปตามขั้นตอน เรื่องนี้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง  ผบช.น.เป็นคนรับผิดชอบ ทางพฤตินัยตนรับทราบ ส่วนตัวหนังสือยังมาไม่ถึงน่าจะมาถึงวันนี้ เรื่องของคดี พล.ต.ท.ธิติจะดูแลไปก่อน ตอนนี้ยังไม่มีการสั่งการอะไร

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ไปถึงแล้ว จะมีการตั้งหัวหน้าพนักงานสอบสวนตามคำร้องของนครบาลหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์เผยว่า ก็รอสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กมค.ตร.) ใช้ดุลพินิจพิจารณาเสนอขึ้นมา เดี๋ยวจะสั่งการลงไป ต้องกลับไปดูหนังสือก่อนเพราะยังไม่เห็น

เมื่อถามว่า ตามขั้นตอน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ยศเป็น  “พล.ต.อ.” แล้วต้องคดี หัวหน้าพนักงานสอบสวนจะเป็นใคร ผบ.ตร.เผยว่า เป็นตาม ป.วิ.อาญา มันไม่จำเป็นต้องตั้ง “พล.ต.อ.” เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน ต้องรอความเห็นของ กมค.ก่อน ตอนบ่ายจะรู้อีกทีว่าจะสั่งอย่างไร แต่ไม่จำเป็นต้องเป็น “พล.ต.อ.” เสมอไป

"ถามกลับว่าถ้าผมสั่ง พล.ต.อ.ไป พล.ต.อ.ทุกคนเป็นแคนดิเดตหมด จะมีความยุติธรรมกับรองสุรเชษฐ์ไหม  ในความคิดเห็นของผมให้ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็น พล.ต.อ.ดีกว่า เพราะผู้ช่วย ผบ.ตร.ไม่มีผล ถ้ามีเหตุลักษณะนี้ให้ผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนดีกว่า ถ้าผมสั่ง รอง ผบ.ตร.ไปสักคน รอง ผบ.ตร.ทุกคนเป็นแคนดิเดส แล้วจะมีความชอบธรรมหรือไม่ ขอพิจารณาตรงนี้สักนิด"

ซักว่า ตามขั้นตอนหาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ต้องคดี ขั้นตอนต่อไปจะทำอย่างไร ต้องไปรายงานตัวต่อท่านแล้วสั่งให้พักราชการหรืออย่างไร พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ตอบว่า ก็เป็นไปในลักษณะนั้น จะมีการตั้งชุดสืบข้อเท็จจริงให้จเรสอบทั้งวินัยและอาญาตามกันไป

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ระบุว่าการออกหมายเรียกครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากการสอบสวนมิชอบ มันจะย้อนแย้งกับการที่พนักงานสอบสวนออกหมายเรียกหรือไม่ ผบ.ตร.แจงว่า อันนี้มันอยู่ที่พยานหลักฐาน  เพราะพนักงานสอบสวนเขาก็ไปตามพยานหลักฐาน ผู้ถูกกล่าวหาก็มีสิทธิ์ปฏิเสธ เป็นเรื่องที่สามารถโต้แย้งได้  แต่พยานหลักฐานก็จะขึ้นสู่กระบวนการยุติธรรม ไปสู่อัยการ ศาล ป.ป.ช.ว่ากันอีกที แต่มันยังไม่ถึงขั้นนั้น แต่สุดท้ายก็ต้องไปตามหมายเรียก กำลังคุยกันอยู่ แต่ขอให้ตนกลับไปที่ทำงานก่อน

ถามย้ำอีกว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ต้องไปตามหมายเรียกใช่หรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ตอบว่า "ต้องไป"

เมื่อถามว่า วันที่ 21 มี.ค.นี้ ที่พนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ต้องไปหรือไม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ตอบว่า เป็นสิทธิ์ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ว่าจะไปหรือไม่ไป

ซักอีกว่า ถ้าไม่ไปตำรวจออกหมายเรียก 2 ครั้ง ต้องออกหมายจับใช่หรือไม่ ผบ.ตร.ตอบว่า “ใช่” เดี๋ยวตนจะกลับไปที่ทำงานก่อนว่าจะสั่งตั้งหัวหน้าพนักงานสอบสวนหรือไม่ หรือจะส่งกลับไปให้พนักงานสอบสวนดำเนินการ เดี๋ยวรอช่วงบ่ายอีกที

 ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทนายของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  จะแฉเส้นเงินพนันออนไลน์ที่เชื่อมโยงไปถึงนายตำรวจระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผบ.ตร.ระบุว่า ถ้ามีเส้นทางการเงินหรือพยานหลักฐานก็ว่ากันไป ใครผิดเส้นทางการเงินชัดเจนก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน มันปั้นแต่งไม่ได้ ทุกอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ เส้นทางการเงินคือวิทยาศาสตร์สามารถพิสูจน์ได้ ถึงใครคนนั้นก็รับสภาพ ถึงตนก็ต้องรับสภาพ หรือถึงใครในสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็ต้องรับสภาพถ้าชี้แจงไม่ได้

เมื่อถามว่า เป็นการดิสเครดิตหรือไม่ เขาตอบว่า  เรื่องนี้เป็นเรื่องของพยานหลักฐานรวบรวมมาแล้ว รองสุรเชษฐ์ก็ต้องต่อสู้กันไป ตนไม่ได้ก้าวล่วงในงานสอบสวนเลย เรื่องนี้มีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนตั้งแต่สมัย  พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ คดีต่อเนื่องกันมาเป็นไปตามพยานหลักฐาน ไม่มีการกลั่นแกล้ง เราทำตามพยานหลักฐาน ถ้ารองสุรเชษฐ์บริสุทธิ์ก็คือบริสุทธิ์ ตอนนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา

ถามต่อว่า เรื่องนี้จะเสร็จก่อนเกษียณหรือไม่ เขาตอบว่าอยากให้เสร็จก่อน

 ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงการที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เดินทางไปเชียงใหม่ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ชี้แจงว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ดูงานด้านความมั่นคง เมื่อนายกฯ ไป รองสุรเชษฐ์ก็ต้องไปดูแลเรื่องความปลอดภัย เป็นหน้าที่ของเขา 

ที่ จ.พะเยา พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวถึงกรณีถูกออกหมายเรียกจาก สน.ทุ่งสองห้องว่า ไม่ทราบรายละเอียดเรื่องหมายเรียกอะไรทั้งสิ้น ได้ฟังแต่จากข่าว ก็ยังไม่รู้เรื่องรายละเอียดอะไร ต้องรอกลับกรุงเทพฯ ก่อน

เมื่อถามถึงกรณี ผบ.ตร.ได้มอบหมาย พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานสอบวินัย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบเหมือนกัน แต่ในเรื่องคดีได้มอบหมายทนายความไปหมดแล้ว ทุกอย่างต้องว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม

"ผมมั่นใจว่าไม่ได้ทำอะไรผิด ทุกอย่างว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม และต้องพิสูจน์ไปตามกระบวนการของกฎหมาย และยืนยันว่าไม่ได้กังวล เราทำหน้าที่ตามปกติ วันนี้ก็ต้องทำหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีทั้งคณะให้เกิดความเรียบร้อย เพราะมาต่างจังหวัดก็มีปัญหามากมาย ที่มีเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านมา ทั้งถูกฉ้อโกง ต้องใช้กำลังและสมอง แก้ปัญหาให้ชาวบ้านดีกว่า ส่วนเรื่องคดีความมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม และเชื่อมั่นว่าไม่ได้ทำผิด"

เมื่อถามถึงกรณีนายกฯ ได้ไฟเขียวให้ตรวจสอบคดี  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ทุกอย่างว่าไปตามกระบวนการยุติธรรม ผิดคือผิด ถูกคือถูก ไม่มีอะไรให้หนักใจ

ถามถึงกรณีที่การสอบสวนสาวไปถึงเจ้าหน้าที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องในการตบแต่งบัญชีทรัพย์สิน รอง ผบ.ตร.กล่าวว่า เรื่องคดีวันนี้ก็ให้ตรวจสอบ แต่การตรวจสอบนั้นต้องชอบธรรมและเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย อำนาจของการสอบสวนอะไรก็ตาม วันนี้ตนพร้อมให้การตรวจสอบ เดี๋ยวสักพักความจริงจะปรากฏออกมาเอง ซึ่งบัญชีทรัพย์สินของตนได้รายงาน  ป.ป.ช.อยู่ตลอด ส่วนเรื่องตบแต่งบัญชีเรื่องนี้ทนายจะเป็นผู้ชี้แจงเอง แต่วันนี้ตนขอทำงานก่อน

เมื่อถามว่า ได้โทรศัพท์หา พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ผบ.ตร.เป็นการส่วนตัว หลังถูกตำรวจออกหมายเรียกหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์บ่ายเบี่ยงบอกว่าไม่ขอพูดเรื่องนี้

ขณะที่่นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ขอให้มีการตรวจสอบเจ้าหน้าที่นายทะเบียนที่ออกใบอนุญาตซื้อและครอบครองอาวุธปืน  ใบ ป.3 และ ป.4 ให้แก่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตํารวจแห่งชาติ จำนวน 200 กระบอก

โดยนายอัจฉริยะกล่าวว่า ประเด็นที่ 1 เพื่อให้เกิดข้อเท็จจริง จึงอยากให้กระทรวงมหาดไทยตรวจสอบว่า  พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มีอาวุธปืน 200 กระบอกจริงหรือไม่ ส่วนประเด็นที่สองคือ เหตุแจ้งต่อนายทะเบียนเกี่ยวกับการครองครองอาวุธปืนจํานวน 200 กระบอกนั้น มีเหตุผลและวัตถุประสงค์ตรงกับที่ยื่นขอหรือไม่ เพราะมองว่าเป็นความผิดปกติที่คนคนเดียวจะครอบครองอาวุธปืนมากมายขนาดนี้ เพื่อนําไปพิสูจน์ทราบว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์มีการกระทําความผิดในเรื่องนี้หรือไม่

นอกจากนี้ นายอัจฉริยะได้กล่าวฟันธงด้วยว่า “บิ๊กโจ๊กไม่รอดล้านเปอร์เซ็นต์” เนื่องจากหลักฐานที่มีตอนนี้ได้มาจากลูกน้องคนสนิทและเจ้าของเว็บพนันต่างๆ ที่มีเอกสารหลักฐานมากกว่า 1 แสนแผ่น รวมถึงมีข้อมูลรัดกุมชัดเจนว่าเกี่ยวโยงถึงใครบ้าง พร้อมยันยันว่าไม่รอดเกินเดือนพฤษภาคม 

ทั้งนี้ นายอัจฉริยะกล่าวทิ้งท้ายว่า ในวันศุกร์นี้ตนจะแสดงของจริงให้ดูว่า “เปิดทีเดียวตายเรียบของผมน่ะของแท้ ไม่มีการมานั่งตบแต่งบัญชีเหมือนใครบ้างคน".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง