ไม่กังวลรัฐประหาร! เศรษฐาแจงสื่อฝรั่งเศส/เฉลิมชัยเอายี่ห้อ‘ปชป.’ค้าซักฟอก

"เฉลิมชัย" โวยี่ห้อ ปชป.ซักฟอก ม.152 เต็มที่ ไม่มีมวยล้ม บอกลูกพรรคใส่เต็ม เชื่อมีข้อมูลต่อยอดถึงซักฟอกตาม ม.151 แย้มนอกจากนายกฯ ยังมี รมต.คนอื่นด้วย "เพื่อไทย" มั่นใจนายกฯ  และ รมต.ตอบทุกคำถาม เหน็บฝ่ายค้านทำแบบมืออาชีพที่ไม่ใช่แค่สร้างคอนเทนต์แล้วนำไปให้โซเชียลไอโอขยี้ต่อ  "ธนกร" ดักคอฝ่ายค้านอย่ากล่าวหาลอยๆ   หลอกด่าฟรีๆ "อนุทิน" ลั่นรัฐบาล 314   เสียงมั่นคง นายกฯ ไม่ปรับ ครม.ให้เรือสั่น  "เศรษฐา" ไม่กังวลรัฐประหาร ยันเรียนรู้ความผิดพลาดรัฐบาลชุดก่อน ซูเปอร์โพลเผย ปชช.หนุนกลุ่มอนุรักษนิยมมากกว่าเสรีนิยม

ที่โรงแรมเคป ดารา รีสอร์ท พัทยา วันที่ 31 มีนาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงผลสรุปการสัมมนา สส.และกรรมการบริหาร (กก.บห.) พรรคประชาธิปัตย์ว่า ได้มีการพูดคุยทิศทางของพรรคและเตรียมการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3-4 เม.ย. อย่างที่ตนพูดว่าการอภิปรายเราทำเต็มที่ 100% ไม่ต้องเป็นห่วง ขอให้มั่นใจว่ายี่ห้อพรรคประชาธิปัตย์ ยี่ห้อนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อ อดีตหัวหน้าพรรค ไม่มีมวยล้มอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า จะมีประเด็นใหม่ที่นอกเหนือจากที่เป็นข่าวในสังคมตอนนี้หรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ขอให้รอฟังวันนั้นดีกว่า โดยนายจุรินทร์จะเป็นคนอภิปรายเปิดในภาพรวม และมี สส.ของพรรคอภิปรายในรายละเอียดไม่ถึง 10 คน ซึ่งจะเป็นคนรุ่นใหม่เกือบทั้งหมด เพราะต้องการเน้นคุณภาพ อภิปรายประมาณ 2-3 ประเด็น เพราะพรรค ปชป.ได้เวลามา 3 ชั่วโมง ก็ต้องทำ 3 ชั่วโมงนี้ให้มีค่ามากที่สุด เวลาส่วนใหญ่พรรคก้าวไกลได้ไป จึงต้องบริหารให้ดีที่สุด ดังนั้นต้องกำชับว่าต้องอภิปรายไม่เยิ่นเย้อและตรงประเด็น

เมื่อถามย้ำว่า คนที่อภิปรายเป็นตัวตึงหรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า ไม่ใช่ตัวตึงแต่เอาเป็นว่ามีข้อมูล ตนได้กำชับไปแล้วว่าให้อภิปรายในเนื้อหาสาระอย่างเดียวหากตรงไหนไม่ถูกต้องให้ใส่ไปเลย ไม่ต้องอารัมภบทมาก 

ส่วนข้อมูลที่มีอยู่จะทำให้รัฐบาลถึงขั้นปรับ ครม.หรือไม่ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า  ขึ้นอยู่กับรัฐบาลและรัฐมนตรี หากข้อมูลดีแค่ไหน ถ้านายกฯ ไม่ปรับ ก็คงไม่มีการปรับ เพราะเป็นอำนาจของนายกฯ แต่ยอมรับว่าข้อมูลที่อภิปรายในครั้งนี้สามารถนำไปต่อยอดใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ได้ ดังนั้นขอให้รอฟัง ไม่ขอพูดไปก่อน เพราะเกรงว่าจะกร่อย เราก็ท้วงติง ไม่ใช่จะไปฆ่ากัน  แต่เป็นการท้วงติงในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และทำในสิ่งที่ทำให้ประชาชนและประเทศชาติเสียหาย ซึ่งข้อมูลที่มีอยู่ ถ้าปล่อยไปอาจถึงขั้นทำให้ประเทศชาติเสียหายได้

เมื่อถามถึงเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน โดยเฉพาะนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ นายเฉลิมชัยกล่าวว่า เรื่องนี้ก็ต้องมีอยู่แล้ว แต่ขออย่าให้ลงในรายละเอียดตอนนี้ ยอมรับว่านอกจากนายนายกฯ แล้ว ยังมีรัฐมนตรีคนอื่นที่เป็นเป้าด้วย

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีพรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 ว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลมีความพร้อม และขอให้ทุกฝ่ายยกระดับการทำหน้าที่อย่างสร้างสรรค์ มีวุฒิภาวะ ยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ การทำงานการเมืองต้องตรงไปตรงมา พรรค พท.ไม่มีความจำเป็นต้องไปล็อบบี้ฝ่ายค้าน ให้อภิปรายหรือไม่อภิปรายในประเด็นใด มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคนพร้อมตอบทุกคำถาม ความจริงประชาชนที่ติดตามการประชุมสภาแทบจะตอบคำถามแทนรัฐบาลได้ทุกข้ออยู่แล้ว บางประเด็นถามซ้ำไปซ้ำมา คอนเทนต์เก่าเอามาเวียนเทียนเปลี่ยนคนพูด ประชาชนไม่ได้ประโยชน์

ดักคอฝ่ายค้านอย่าหลอกด่าฟรี

"อยากเห็นพรรคฝ่ายค้านทำงานการเมืองแบบมืออาชีพที่ไม่ใช่แค่มาสร้างคอนเทนต์แล้วนำไปให้โซเชียลไอโอขยี้ต่อ   เพราะปัจจุบันสังคมก็พร้อมเปิดรับข้อมูลข่าวสารให้ครบถ้วนรอบด้าน ขอให้พรรคฝ่ายค้านทำงานอย่างมีเอกภาพ ไม่หวาดระแวงกันเองว่าจะมีพรรคใดอภิปรายแบบพร้อมร่วมรัฐบาล เสียงของรัฐบาลมีมากพอที่จะผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายสำคัญ ขอให้ทุกฝ่ายเคารพและเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน" นายอนุสรณ์กล่าว

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีการอภิปรายทั่วไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 152 อาจมีการพูดเรื่องการจัดระเบียบสังคมของกระทรวงมหาดไทยว่า ก็ต้องชี้แจงตามข้อเท็จจริง ที่ผ่านมาเราทำตามภารกิจ เราไม่ได้แย่งงานใคร หรือทำให้ใครเดือดร้อน ตนพูดตลอดแข่งทำประโยชน์ให้ประชาชนทำไปเถอะ  ประชาชนได้ประโยชน์ คนที่เสียประโยชน์คือคนที่ไม่ได้ทำตามกฎหมาย อย่างน้อยสังคมก็ดีขึ้น เช่น การไปดูสถานบันเทิง เรามั่นใจได้ว่าคนที่ทำใบอนุญาตถูกต้องจะไม่ทำผิดกฎหมาย แต่คนไม่มีใบอนุญาตก็ต้องรีบทำให้คุ้มทุน ซึ่งมีรายได้พิเศษจากยาเสพติด รวมถึงการจับยาเสพติด เราหวังใช้โอกาสชี้แจงและพูดว่า 6 เดือนทำอะไรไว้บ้างในการแก้ปัญหาต่างๆ  ให้ประชาชน

"ใครโดนพาดพิงก็ต้องชี้แจง สส.ฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ถูกต้องแล้ว และขอชื่นชมสปิริตฝ่ายค้าน ที่ใช้เวทีอภิปรายตามมาตรา 152 ใช้สภาตรวจสอบ เพราะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแบบลงมติก็จะไม่เป็นธรรมกับรัฐบาล เพราะรัฐบาลยังไม่ได้ใช้งบประมาณปี 67" นายอนุทิน กล่าว

นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ สส.แบบบัญชีรายชื่อ   และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ  กล่าวว่า มั่นใจว่านายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทุกคน แม้เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้แค่ 6 เดือนเศษ แต่ก็มีการออกมาตรการต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่ารัฐมนตรีทุกคนจะชี้แจงข้อเท็จจริงและตอบข้อซักถามของฝ่ายค้านได้ทุกประเด็น เพราะทำงานกันอย่างเต็มที่ ถือโอกาสชี้แจงการทำงานของรัฐบาลให้กับประชาชนได้เข้าใจ

เมื่อถามว่า คาดหวังอยากเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านในครั้งนี้อย่างไร นายธนกรกล่าวว่า ฝ่ายค้านที่มีทั้งพรรคก้าวไกล พรรคประชาธิปัตย์ เป็นฝ่ายค้านมืออาชีพอยู่แล้ว ส่วนตัวคาดหวังอยากเห็นการทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านคุณภาพ มีข้อมูลหลักฐานอ้างอิงประกอบการอภิปรายอย่างครบถ้วน ใช้เวลาสภาอย่างคุ้มค่า ทำงานการเมืองใหม่แบบสร้างสรรค์ ไม่ประดิษฐ์วาทกรรมหรือใช้เทคนิคเล่นเกมในสภาเพื่อสร้างประเด็นคอนเทนต์ดรามา เชื่อว่าจะได้เห็นการทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างมีวุฒิภาวะ เคารพข้อตกลงของวิปทั้งสองฝ่าย

 “อยากเห็นการทำหน้าที่ฝ่ายค้านแบบท็อปฟอร์ม การอภิปรายมีคุณภาพ ไม่เป็นการกล่าวหาเลื่อนลอยหรือหลอกด่ากันฟรี ๆ ใช้ถ้อยคำที่สุภาพ สร้างสรรค์ มีเหตุมีผล ให้เกียรติประธานสภาฯ ให้เกียรติเพื่อนสมาชิก เพราะถือเป็นการให้เกียรติประชาชนด้วย” นายธนกรกล่าว

นายกฯ ไม่กังวลรัฐประหาร

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าว FRANCE 24 ประเทศฝรั่งเศส ถึงความกังวลต่อสถานการณ์ทางการเมือง ที่นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยมักถูกรัฐประหารว่า ไม่กังวลกับสิ่งที่ตนไม่สามารถควบคุมได้ แต่จะให้ความสำคัญกับสิ่งที่ตนสามารถควบคุมได้ และตนก็เรียนรู้จากความผิดพลาดของรัฐบาลชุดก่อน รวมถึงมีเป้าหมายชัดเจนว่า ต้องการทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนคนไทยดีขึ้น พร้อมมั่นใจว่าอนาคตของประเทศไทยจะเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น  เพราะมิเช่นนั้นตนก็คงจะไม่ได้นั่งอยู่จุดนี้

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่ จ.นครราชสีมา นายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ จ.นครราชสีมา ซึ่งเมื่อวันที่ 30 มี.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็นำคณะลงพื้นที่ และก่อนหน้านี้ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และ รมว.การคลัง ก็เพิ่งลงพื้นที่ตรวจราชการ ถือว่าเป็นการช่วงชิงพื้นที่กันหรือไม่ ว่าอย่าไปคิดถึงการเมือง เราทำงานร่วมกันหมด มานี่ก็มาตามคำสั่งนายกฯ ท่านบอกว่าต้องช่วยกันทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย ดูแลความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน ส่วน น.ส.แพทองธารก็มาในส่วนของซอฟต์พาวเวอร์ ส่วนตนมาฮาร์ตพาวเวอร์

ส่วนกระแสข่าวจะมีการปรับ ครม.รวมถึงจะมีกระแสข่าวโยกย้ายกระทรวงของพรรคร่วมรัฐบาล นายอนุทินกล่าวว่า  นี่คือรัฐบาลผสมที่เกิดจากหลายพรรคการเมืองมาสนับสนุนจนเกิดนายกฯ ดังนั้นรูปแบบการทำงานก็เป็นในแนวทางแบ่งความรับผิดชอบไปเรียบร้อย ถือเป็นมารยาทของรัฐบาลผสมอยู่แล้ว ดังนั้นสื่อมวลชนอย่าไปกังวลเรื่องนี้ ถ้าจะปรับก็ต่างคนต่างปรับ ไม่ต้องกังวลหรอก ปัญหาในแต่ละพรรคก็เยอะอยู่แล้วเวลาปรับ ครม. สร้างปัญหาข้ามพรรคเดี๋ยว ครม.จะไม่เข้มแข็ง

"ขณะนี้ ครม.เข้มแข็งอยู่แล้วเพราะมี 314 เสียง ถือว่ามั่นคง นายกรัฐมนตรีก็เข้มแข็งทุกวัน มีความเป็นผู้นำที่ชัดเจนและร่วมมือทำงานกันอย่างเต็มที่ จะ rock the boat (ทำให้เรือสั่น) ทำไม และตอนนี้นายกรัฐมนตรีก็ยังไม่มีการมาแจ้งปรับครม.แต่อย่างใด" นายอนุทินกล่าว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ โดยยกข้อความโพสต์ของเพจ "บิ๊กแดง" ที่ส่งสัญญาณกดดันเดือดระอุ สะท้อนอารมณ์ถูกเบี้ยวดีลตามสัญญากลับบ้านมาเลี้ยงหลาน ซึ่งเมื่อได้พักโทษแล้วกลับไม่ปฏิบัติตาม เอาแต่จะเดินสายการเมือง สิ่งสำคัญย้ำว่า เพจบิ๊กแดงได้โพสต์ข้อความ  "ไม่ได้กลับมาเลี้ยงหลาน แต่กลับมาเลี้ยงหมาในคอก" และใช้คำแรงๆ ว่า "หนักแผ่นดิน" ดังนั้นสะท้อนอารมณ์กดดันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งคนโพสต์อาจเป็นบิ๊กแดง หรือแอดมินเป็นผู้โพสต์ก็ได้

"ข้อความที่โพสต์ว่าไม่ได้กลับมาเลี้ยงหลานนั้น แสดงว่าการเลี้ยงหลานอยู่ในดีลการกลับบ้านของนายทักษิณ ชินวัตร แต่วันนี้ไม่มีใครพูดถึงการเลี้ยงหลานแล้ว หากตกลงกันว่าจะมาทำพรรคการเมือง หรือจะเดินงานการเมืองต่อ คงไม่มีใครจะกล้าไปดีลด้วย" นายจตุพรกล่าว

ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งสำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจเรื่อง ความต้องการของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวน 1,382 ตัวอย่าง

เมื่อสอบถามถึงการสนับสนุนของประชาชนต่อกลุ่มการเมืองฝ่ายการเมือง พบว่า ร้อยละ 30.8 สนับสนุนกลุ่มการเมืองขั้วรัฐบาล อนุรักษนิยม ในขณะที่ ร้อยละ 23.0 สนับสนุนกลุ่มการเมืองฝ่ายค้าน กลุ่มเสรีนิยม ที่น่าพิจารณาคือ มากที่สุดหรือร้อยละ 46.2 ระบุว่ากลางๆ ไม่ยึดติด ใครทำดีมีประโยชน์ ไม่ฝืนความรู้สึก สนับสนุนฝ่ายนั้น

เมื่อแบ่งออกตามช่วงอายุ พบความแตกต่างที่น่าพิจารณาเช่นกันคือ ในกลุ่มผู้สนับสนุน กลุ่มการเมืองฝ่ายค้าน กลุ่มเสรีนิยม คนอายุต่ำกว่า 20 ปี มีอยู่ร้อยละ 44.4 ซึ่งมากกว่าทุกกลุ่มช่วงอายุ แต่ในกลุ่มสนับสนุน กลุ่มการเมืองขั้วรัฐบาล อนุรักษนิยม พบว่ากระจายกันออกไปในหลายกลุ่มช่วงอายุ เช่น ต่ำกว่า 20 ปี มีอยู่ร้อยละ 36.1, อายุระหว่าง 20-29 ปี มีอยู่ร้อยละ 32.1, อายุระหว่าง 30-39 ปี มีอยู่ร้อยละ 35.6, อายุระหว่าง 40-49 ปี มีอยู่ร้อยละ 25.7, อายุระหว่าง 50-59 ปี มี อยู่ร้อยละ 27.4 และอายุ 60 ปีขึ้นไป มีอยู่ร้อยละ 35.3

ที่น่าสนใจคือ ประชาชนหมู่มากในหลายช่วงอายุยังอยู่ในกลุ่มกลางๆ ไม่ยึดติด ใครทำดีมีประโยชน์ ไม่ฝืนความรู้สึกสนับสนุนฝ่ายนั้น ที่พบมากที่สุดในกลุ่มอายุ 40-49 ปี คือร้อยละ 54.1 และกลุ่มอายุ 50-59 ปี มีอยู่ร้อยละ 53.6.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง