วิกฤตศรัทธาผู้นำ! โพลชี้ทำการเมืองร้อน/จวกก้าวไกลด้อยค่าศาล

พายุการเมืองระอุ! ซูเปอร์โพลเผย ปชช.ส่วนใหญ่หวั่นวิกฤตศรัทธาผู้นำการเมือง กระบวนการยุติธรรมล่มสลาย แก้ปัญหาความเดือดร้อน ปชช.ล้มเหลว นำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง “เศรษฐา” ลั่น 3 ปีครึ่งมุ่งทำงานให้ชีวิต ปชช.ดีขึ้น หวัง พท.ชนะเลือกตั้งครั้งหน้า " แกนนำ พท." ยันสมาชิก พท.ไว้ใจ "แพทองธาร" ถือธงนำพรรค โต้ "ดีเอ็นเอ" ไม่ได้อยู่ที่นามสกุลแต่คือผลงาน ปชช.สัมผัสได้ "ธนกร" ซัด "ชัยธวัช" อย่าลดทอนความเชื่อมั่นศาล รธน. "พริษฐ์" แย้มเดิมพันยุบ ก.ก. จ่อแจงแนวทางสู้คดีหลังสงกรานต์   "เชาว์" ทวงผลงาน "เสี่ยต่อ" 3 เดือน หายใจทิ้งไปวันๆ แนะฟื้นศรัทธาต้องลงมือปฏิบัติ ไม่ใช่รอ "ฟ้าลิขิต"

เมื่อวันอาทิตย์ สำนักวิจัยซูเปอร์โพลเปิดเผยผลสำรวจเรื่อง พายุการเมืองระอุกับวิกฤตศรัทธา กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ   จำนวนทั้งสิ้น 1,178 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 1-6 เมษายน พ.ศ.2567 ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 77.0 มองว่า บรรยากาศการเมืองจะร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรง ในขณะที่ร้อยละ 23.0 ระบุไม่เลย เมื่อแบ่งออกตามเพศ พบว่าชายส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.3 มองว่าบรรยากาศการเมืองจะร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรงมากกว่าหญิงที่มีอยู่ร้อยละ  74.8 ที่มองว่าบรรยากาศการเมืองจะร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรงเช่นกัน

เมื่อแบ่งออกตามช่วงอายุ พบว่า กลุ่มคนอายุระหว่าง 20-29 ปี ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 91.3, กลุ่มคนอายุระหว่าง 30-39 ปี ร้อยละ 88.1, กลุ่มคนอายุระหว่าง 40-49 ปี ร้อยละ 68.3, กลุ่มคนอายุ 50-59 ปี ร้อยละ 74.2 และกลุ่มคนอายุ 60 ปีขึ้นไป ร้อยละ 54.2 มองว่าบรรยากาศการเมืองจะร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรง

ที่น่าพิจารณาคือ เหตุปัจจัยที่ทำการเมืองร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรง ใน 5 อันดับแรก ได้แก่ วิกฤตศรัทธาต่อผู้นำการเมือง ร้อยละ 84.8, กระบวนการยุติธรรม ล่มสลาย ร้อยละ 83.7, ความล้มเหลวในการแก้ไขปัญหาเดือดร้อนของประชาชน ร้อยละ 66.3, ความเสื่อมศรัทธาต่อ องค์กรอิสระ ร้อยละ 50.6 และการยุบพรรคก้าวไกล ร้อยละ 48.9 ตามลำดับ

ซูเปอร์โพลระบุว่า หากเปรียบเทียบข้อมูลผลโพลชิ้นนี้กับอุณหภูมิร้อนทางการเมืองย้อนกลับไปปลายปีที่ผ่านมา จะ พบว่าบรรยากาศการเมืองร้อนระอุขึ้นมาก สอดคล้องกับการรับรู้และความรู้สึกของประชาชนได้ ที่น่าเป็นห่วงคือบรรยากาศร้อนระอุทางการเมืองจะเปลี่ยนแปลงไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลาย เพราะเหตุปัจจัยสำคัญที่ประชาชนระบุมาในผลโพลนี้คือ วิกฤตศรัทธาต่อผู้นำการเมือง กระบวนการยุติธรรมล่มสลาย การแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนล้มเหลว ความเสื่อมศรัทธาต่อองค์กรอิสระ และการยุบพรรคก้าวไกล

ซูเปอร์โพลระบุด้วยว่า ในห้วงเวลาที่เหลืออยู่ ต้องตัดไฟแต่ต้นลม ด้วยการพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้นำทางการเมืองทั้งหลาย เช่น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี, อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร,  น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และกระบวนการยุติธรรมเป็นที่พึ่งของประชาชน และรัฐบาลสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศได้จริง บรรยากาศการเมืองที่จะร้อนระอุ สู่ความขัดแย้งรุนแรงบานปลายก็จะลดระดับลง ผ่านพ้นวิกฤตศรัทธาต่อผู้นำการเมืองและอื่นๆ ไปได้

ที่เทศบาลนครเกาะสมุย ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและ รมว.การคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พูดต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีพรรคเพื่อไทย (พท.) ว่าพรรคเพื่อไทยต้องไม่แพ้ตลอดไป การเลือกตั้งจะต้องเป็นผู้ชนะ ว่า จริงๆ แล้วที่ตนพูดไปในวันนั้นพูดตกไปนิดหนึ่ง เพราะไม่ได้มีโพย เป็นการพูดจากใจ ซึ่งต้องขอเรียนตรงๆ ว่าชีวิตของตนอายุ 62 ปีแล้ว มีครบทุกอย่าง ประสบความสำเร็จในชีวิตการงาน และชีวิตครอบครัวตนก็ดีแล้ว ลูกทั้ง 3 คนเรียนจบมีงานทำที่มั่นคงแล้ว

หวังอีก 3 ปีครึ่ง พท.ชนะเลือกตั้ง

"ฉะนั้นปมเหลืออย่างเดียวในชีวิตที่จะต้องทำให้ได้ ซึ่งผมพูดข้ามไปนิดหนึ่ง ผมต้องนำชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพี่น้องประชาชน ดังนั้น 3 ปีครึ่งที่เหลือ ผมมุมานะทำอยู่อย่างเดียวคือ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนดีขึ้น และหวังว่าผลที่จะตามมาคือทำให้พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง" นายเศรษฐา กล่าว

น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองเลขาธิการพรรค พท.  กล่าวถึงกรณีคำกล่าวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท. มีดีเอ็นเอความเป็นผู้นำมาจากบิดามารดา และสามารถประสบความสำเร็จได้ทางการเมืองจนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า การประสบความสำเร็จของพรรค พท. อยู่ที่นโยบายที่เข้าถึงพี่น้องประชาชน ตั้งแต่ไทยรักไทย นโยบายหลายนโยบายไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่พรรค พท.ทำสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นจริงมาแล้ว ทั้งในอดีต 30 บาทรักษาทุกโรค มาถึงในยุคปัจจุบัน ยกระดับ 30 บาท ด้วยบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ ครอบคลุมโรคมากขึ้น รับยาใกล้บ้าน คิวไม่ต้องรอ และยังสร้างโลกแห่งอนาคตด้วยดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท

"ผลสำเร็จของนโยบายพรรคเพื่อไทยเกิดจากการทำงานของบุคคลภายในพรรค บวกกับบุคลิกของผู้นำที่เปิดกว้าง รับฟังและเน้นการมีส่วนร่วม คือหัวใจสำคัญของคนเป็นผู้นำอย่างนายทักษิณ และ น.ส.แพทองธาร ที่ทุกคนในพรรคสัมผัสได้ วันนี้คุณแพทองธารได้พิสูจน์ตนเองให้เห็นถึงความเสียสละและทุ่มเท อย่างต่อเนื่อง จนสมาชิกพรรคยอมรับ ไม่เกี่ยวว่าจะกำเนิดจากใคร แต่ทั้งหมดมาจากผลงานที่ทำ" น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าว

น.ส.ลิณธิภรณ์กล่าวว่า การที่ผู้นำฝ่ายค้านฯ และนักวิชาการบางคนที่ออกจาก  Voice ตีความความสำเร็จของคนเพียงมองจากการเป็นลูกของใครนั้น ไม่สามารถมองเป็นอื่นได้ นอกจากการดิสเครดิตด้อยค่าความสำเร็จของพรรค พท.ที่ประชาชนสัมผัสได้ โดยเชื่อมโยงกับตัวบุคคล และไม่สนใจผลงานที่ผู้นำแต่ละท่านผลักดันและทำให้เกิดขึ้น จนนำไปสู่การยอมรับของสมาชิกพรรค

"ดีเอ็นเอของอดีตนายกฯ ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน ที่หล่อหลอม น.ส.แพทองธารขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้นั้น ไม่ได้อยู่ที่นามสกุลชินวัตร หรือชาติกำเนิดจากใคร แต่อยู่ที่การเลี้ยงดูให้เป็นบุคคลที่กล้าคิด กล้าตัดสินใจ แม้จะเคยผ่านประสบการณ์ดูถูกดูแคลนและเป็นเหยื่อหลังการรัฐประหาร แต่หัวหน้าพรรคพท.คนนี้คือผู้ที่สมาชิกพรรค พท.มั่นใจและไว้วางใจให้ถือธงนำพรรค เพราะหัวใจเราคือประชาชน" น.ส.ลิณธิภรณ์ กล่าว

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ระบุว่าตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญปัจจุบันไม่มีข้อไหนให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญในการยุบพรรคการเมือง ว่า ก่อนที่นายชัยธวัชจะออกมาพูดแบบชัดถ้อยชัดคำนั้น ได้ศึกษาและดูรายละเอียดข้อกฎหมายในรัฐธรรมนูญมาก่อนแล้วหรือไม่ จะเป็นไปได้หรือที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะยื่นคำร้องไปโดยไม่ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจ เชื่อว่า กกต.ผู้มีอำนาจหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบพรรคการเมืองนั้น รู้บทบาทและข้อกฎหมายเป็นอย่างดี  และล่าสุดอดีต กกต.ก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วว่านายชัยธวัชน่าจะเข้าใจคลาดเคลื่อน และหาก กกต.พบว่ามีพรรคการเมืองที่มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองสามารถส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญให้ทำการยุบพรรคได้ รวมถึงตัดสิทธิ์ทางการเมืองกรรมการบริหารพรรคโดยไม่ได้กำหนดกรอบเวลาด้วย

เมื่อถามว่า แต่การออกมาพูดว่าศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจยุบพรรค เหมือนเป็นการลดทอนความเชื่อมั่นต่อศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายธนกรกล่าวว่า ไม่ทราบเจตนาเบื้องลึกของนายชัยธวัชว่าต้องการอะไรกันแน่ แต่ขอเรียกร้องให้ทั้งนายชัยธวัชและพรรคก้าวไกล ไม่ก้าวล่วงอำนาจศาล ที่มีอำนาจหน้าที่โดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่เป็นการสร้างความสับสน ไม่ไปลดทอนความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อกระบวนการยุติธรรมลง มองว่าทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน หากทำผิดก็ต้องรับโทษ ซึ่งเป็นบรรทัดฐานเดียวกัน

ซัด ก.ก.อย่าด้อยค่าศาล รธน.

 “คุณชัยธวัชเรียนกฎหมายเป็นถึงทนายความ ก่อนจะพูดอะไรต้องไตร่ตรองและตรวจสอบความถูกต้องให้ดี ไม่ควรพูดเพื่อสร้างความสับสน ทำให้ประชาชนเกิดความไม่มั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของประเทศ จึงไม่แน่ใจว่าคุณชัยธวัชมีเจตนาใดแอบแฝงหรือไม่ จึงขอเรียกร้องให้ทุกคนเคารพกฎหมาย หากทำผิดก็ต้องยอมรับ ไม่ควรไปก้าวล่วงศาล หรือใช้วาทกรรมด้อยค่า” นายธนกรกล่าว

นายภวัต เชี่ยวชาญเรือ โฆษกพรรคอนาคตไกล กล่าวถึงกรณีนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ก.ก. ให้สัมภาษณ์ว่าไม่เกี่ยวข้องกับพรรคอนาคตไกล แม้จะมีชื่อคล้ายกับพรรคอนาคตใหม่ เพียงแต่ใช้สีส้ม เพราะอาจมองว่าสีส้มเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ว่า จุดแข็งพรรคอนาคตไกลไม่ได้สร้างขึ้นมาเป็นพรรคอะไหล่หรือพรรคสำรองของพรรคการเมืองใด โดยเฉพาะพรรคที่กำลังจะถูกศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคเร็วๆ นี้ แต่เป็นพรรคการเมืองที่สร้างขึ้นมาเพื่อเป็นพรรคการเมืองกระแสหลัก ที่จะต่อสู้นโยบายใหม่ๆ ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล แก้ปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน  โดยคู่แข่งต่อสู้ของอนาคตไกลคือพรรคการเมืองฝ่ายอนุรักษนิยม และส่วนแบ่งตลาดคนรุ่นใหม่ และจากผู้สนับสนุนผิดหวังพรรคการเมืองที่ตระบัดสัตย์ ไม่อยู่ภายใต้อาณัติของกลุ่มการเมืองใด

โฆษกพรรคอนาคตไกลกล่าวว่า ที่ระบุว่าใช้สีส้ม สีส้มกำลังนิยมในประเทศไทยมีพรรคการเมืองจำนวนกว่า 80 พรรคการเมืองที่ใช้ชื่อผสมกัน ใกล้เคียงกัน สีเหมือนกัน ไม่มีกฎหมายห้าม ส่วนที่พรรคก.ก.ระบุว่ารัฐธรรมนูญไม่มีกฎหมายมาตราใดให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญให้ยุบพรรค เป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน อ่อนกฎหมาย เพราะใน พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 7 อำนาจยุบพรรคตามมาตรา 92 วรรคหนึ่ง เป็นอำนาจพิจารณาโดยตรงของศาลรัฐธรรมนูญ ประชาชนติดตามข่าวแนวทางการสู้คดียุบพรรค ก.ก.อ่านข่าวแล้วสับสน โลกงง ยิ่งกว่าที่บอกว่า อย่าสับสน อนาคตไกลกับก้าวไกลไม่เกี่ยวข้องกัน

นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงความคืบหน้าการเตรียมชี้แจงคดีล้มล้างการปกครองต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า ทางพรรคกำลังอยู่ในขั้นตอนการเตรียมหลักฐานในการชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญตามกระบวนการและกรอบเวลาที่กำหนด ซึ่งพรรคหวังว่าจะมีกระบวนการไต่สวนข้อเท็จจริงเพิ่มเติม เพื่อให้พรรคได้ชี้แจงและตอบข้อกล่าวหาทั้งหมดโดยละเอียด โดยเมื่อยื่นคำชี้แจงเรียบร้อยแล้ว เราจะมีการแถลงอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สาธารณะได้ทราบถึงแนวทางการต่อสู้คดีของพรรค ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงหลังสงกรานต์ ซึ่งกำลังใจของ สส.ในพรรคยังคงดี ส่วนเรื่องการเตรียมแผนรองรับกับสถานการณ์ในอนาคตนั้น ก็เป็นไปตามที่สัมภาษณ์วันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา

"เดิมพันของคดีนี้ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแค่ชะตากรรมของพรรคเราเท่านั้น แต่เป็นการพยายามชี้และพิสูจน์ให้สังคมเห็นร่วมกันว่าการยุบพรรคในลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับพรรคไหน ไม่ควรเป็นเรื่องปกติที่เรายอมรับกันในสังคมไทย" นายพริษฐ์  กล่าว

นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กเรื่อง  ปชป.ต้องไม่รอ "ฟ้าลิขิต" มีเนื้อหาระบุว่า  ย่างเข้าสู่ปีที่ 79 บนเส้นทางการเมือง เป็นช่วงเวลาท้าทายยิ่งของ "พรรคประชาธิปัตย์" การบ้านสำหรับหัวหน้าพรรค ที่คิดว่าตัวเองก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ด้วย "ฟ้าลิขิต" ไม่ใช่เรื่องการเชื่อโชคลาง แต่เป็นที่การกระทำ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รับตำแหน่งหัวหน้าพรรคมาตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม ปีที่แล้ว ก็ต้องบอกว่า ตอนนี้นายเฉลิมชัย ยึดพรรคได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว จะพัฒนา ปรับปรุงอย่างไร ย่อมทำได้ตามใจนึก

แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงใดๆ ที่จะพลิกวิกฤตของพรรคให้เป็นโอกาส หรือความพยายามที่จะฟื้นศรัทธาประชาชนกลับมา เห็นแต่การหายใจทิ้งไปวันๆ กับการทอดถอนใจของคนรักพรรคจำนวนไม่น้อย ที่ทำได้แค่ดูอยู่ห่างๆ มองอย่างห่วงๆ เท่านั้น 3 เดือนแรกหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันประกาศไว้ว่า จะต้องทำให้การเปิดกว้างด้านยุทธศาสตร์พรรค นโยบายพรรค การสื่อสารกับมวลชนผ่านโซเชียล ต้องมีรูปธรรมให้เห็น แต่ที่เห็นเป็นจริงคือสภาพเดิมไร้การเปลี่ยนแปลงในเชิงรุก

"สิ่งเดียวที่ผมคิดว่าหัวหน้าพรรคคนปัจจุบันพูดถูกคือ โลกเปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยน ถ้าประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยน เราจะไม่มีปีที่ 79... แต่น่าเสียดายที่ผมเห็นแค่คำพูดจากลมปากที่ปราศจากการกระทำ และอุดมการณ์การเมืองที่หนักแน่น ก็หวังว่าท่านจะรับฟังความเห็นของคนที่หวังดีต่อพรรค เหมือนที่บอกว่า อย่าว่าพรรค ให้ว่าคนบริหาร และถ้ามันล้มเหลว ก็อยากเห็นความรับผิดชอบจากนักเลง คำไหนคำนั้นอย่างท่านด้วย ที่สำคัญพรรคประชาธิปัตย์จะก้าวหน้าหรือถอยหลัง ผมเชื่อที่การกระทำมากกว่าฟ้าลิขิต" นายเชาว์ระบุทิ้งท้าย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง