กทม.ปิดกั้นแคดเมียม คนตากค้านย้ายกลับ!

“ชัชชาติ” บอกอย่าตระหนกเรื่องกากแคดเมียมที่บางซื่อ ได้ปิดกั้นโรงงานและไม่พบการแพร่กระจายของสารเคมี “สำนักอนามัย” เล็งตรวจ 22 คนงานละเอียดยิบ “รมว.อุตสาหกรรม” เผย 13 เม.ย.จะได้เห็นแผนขนย้าย ตำรวจบอก “เจษฎา” ขอเลื่อนให้ปากคำ 18 เม.ย.นี้  สก.ก้าวไกลยืดอกรับเป็นคุณอา แต่ไม่ได้ทำธุรกิจร่วมกัน ลั่นให้ใช้กฎหมายเต็มที่หากพบว่าผิดจริง คนตากค้านย้ายกากกลับมาฝังที่เดิม

เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 เมษายน 2567  ยังคงมีความต่อเนื่องในการตรวจพบกากแดดเมียมกว่า 150 ตัน ในโกดังของบริษัท  ล้อโลหะไทย แมททอล จำกัด ตั้งอยู่ 1532/1 ซ.เรียงปรีชา ถนนประชาราษฎร์  แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กทม. ซึ่งเชื่อมโยงกับกากแคดเมียมกว่า 1.5 หมื่นตันที่จังหวัดสมุทรสาคร โดยล่าสุด กทม.และเขตบางซื่อได้ออกประกาศเขตห้ามอยู่อาศัยหรือดำเนินกิจการในพื้นที่ที่กำหนดในตั้งโรงงานดังกล่าวแล้ว

ขณะที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า กทม.มีการประสานการทำงานกับกระทรวงอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิดตั้งแต่วันเสาร์ ภายหลังทราบข่าวในพื้นที่ จ.สมุทรสาคร เพราะมีโอกาสที่เข้ามาในกรุงเทพฯ แน่นอน เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ต่อเนื่องกัน ซึ่ง กทม.ได้สั่งการให้ทุกเขตตรวจสอบโรงหล่อ-โรงเคลือบในพื้นที่ให้แล้วเสร็จหลังสงกรานต์ ส่วนที่เขตบางซื่อนั้น ได้มอบหมายให้ผู้อำนวยการเขตไปแจ้งความเรื่องการเก็บสารอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปปิดด้านหน้าและโดยรอบพื้นที่แล้ว 

นายชัชชาติกล่าวอีกว่า ขอให้ประชาชนไม่ต้องกังวลเรื่องการแพร่กระจาย ส่วนเรื่องการเคลื่อนย้ายต้องดูให้แน่ใจและปลอดภัย เพราะหัวใจไม่ใช่เรื่องเวลาหรือความเร็วการเคลื่อนย้าย แต่เป็นกระบวนการที่ต้องไม่ให้เกิดการตกหล่นระหว่างเส้นทางการเคลื่อนย้าย

“สำคัญคืออย่าตระหนกตกใจ กทม.ได้ปิดกั้นตัวโรงงาน และไม่พบการแพร่กระจายของสารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น และสารเคมีไม่ได้แพร่กระจายในอากาศ จะเป็นอันตรายเฉพาะผู้ที่สัมผัสเป็นเวลานานเท่านั้น” 

ขณะเดียวกัน นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค มอบหมายให้ นพ.อภิชาต วชิรพันธ์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ลงพื้นที่ตรวจสอบโรงงานที่มีคนงาน 22 คน โดยกองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม และสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง ได้ร่วมกับสำนักอนามัย กทม. เร่งค้นหาผู้ที่ได้รับผลกระทบ ตรวจคัดกรองสุขภาพ และตรวจหาสารแคดเมียมในปัสสาวะของประชาชนเพิ่มเติม พร้อมทั้งให้ความรู้ประชาชนในพื้นที่ ให้คำปรึกษาและศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

“กากแคดเมียมดังกล่าวส่วนใหญ่เก็บไว้ในถุงขนาดใหญ่ในโรงงานมิดชิด  ประชาชนทั่วไปจึงมีความเสี่ยงน้อยที่สัมผัสหากไม่ได้ทำงานในโรงงานหรือเตาหลอมโลหะ แต่จะสัมผัสจากการฟุ้งกระจายไปติดตามพื้นบ้านที่อยู่อาศัย ซึ่งฟุ้งไปไม่ไกล ซึ่งประชาชนในพื้นที่สามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยมาตรการปิดประตูหน้าต่างให้มิดชิด ใช้การดูดฝุ่นหรือผ้าชุบน้ำเช็ดทำความสะอาดแทนการกวาดบ้าน และหมั่นล้างมือบ่อยๆ ก่อนรับประทานอาหารและดื่มน้ำ ประชาชนที่อยู่อาศัยบริเวณใกล้เคียงควรสังเกตอาการตนเองหรือหากมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ระคายเคืองหลอดลม มีประวัติเข้าใกล้พื้นที่เสี่ยง  ขอให้รีบพบแพทย์และแจ้งประวัติเสี่ยงทันที” นพ.อภิชาตกล่าว

ส่วน นพ.สุนทร สุนทรชาติ ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กล่าวว่า จะมีการประชุมร่วมกันระหว่าง กทม.และกรมควบคุมมลพิษ เพื่อกำหนดแนวทางการแยกกลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เบื้องต้นจะตรวจผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 20 รายก่อน ทั้งกลุ่มคนงานและกลุ่มผู้ที่เข้า-ออกในโรงงานเป็นประจำ จากนั้นกรมควบคุมมลพิษจะตรวจการปนเปื้อนของดินและน้ำอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าไม่มีการรั่วไหลหรือปนเปื้อน

ยังไม่พร้อมแจ้งข้อกล่าวหา

สำหรับความคืบหน้าของคดีความนั้น พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รรท.ผบ.ตร.) กล่าวถึงการติดตามตัวนายเจษฎา เก่งรุ่งเรืองชัย หุ้นส่วนบริษัท เจแอนด์บี เมทอล จำกัด ที่เช่าโกดังใน ต.บางน้ำจืด จ.สมุทรสาคร ว่าเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย คือการออกหมายเรียก หากไม่มาตามหมายเรียกก็จะพิจารณาติดตามตัวต่อไป และหากการสืบสวนสอบสวนพบว่ามีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างแน่นอน

พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) กล่าวว่า พนักงานสอบสวนได้นัดหมายให้นายเจษฎามาให้ปากคำ แต่นายเจษฎาขอเลื่อนไปวันที่ 18 เม.ย. เนื่องจากอยู่ต่างจังหวัด โดยเจ้าหน้าที่ต้องรอเอกสารเพื่อดูเหตุผลของการขอเลื่อนอีกครั้ง วันนี้เป็นเพียงแค่การเชิญมาให้ปากคำ แต่ยังไม่ได้ออกหมายเรียก หากมาให้ถ้อยคำแล้วก็จะพิจารณาในเรื่องการแจ้งข้อกล่าวหา  เพราะตอนนี้ข้อกล่าวหายังไม่ครบถ้วน และเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบ เนื่องจากการดำเนินคดีมีวัตถุอันตรายไว้ในครอบครอง จะต้องประกอบด้วย พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร, พ.ร.บ.แร่, พ.ร.บ.สาธารณสุข และ พ.ร.บ.วัตถุอันตราย ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมาร้องทุกข์กล่าวโทษ จากนั้นจึงจะได้แจ้งข้อกล่าวหาพร้อมกันทีเดียว

พล.ต.ต.วัชรินทร์อธิบายอีกว่า เหตุผลที่ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหาเหมือนกับรายอื่นๆ  ที่เข้าไปตรวจค้น ทั้งที่ จ.ชลบุรีและสมุทรสาคร เพราะบริษัท เจแอนด์บีฯ ได้รับอนุญาตให้เป็นปลายทางลงของกากแคดเมียม ดังนั้นการดำเนินการเรื่องครอบครองวัตถุอันตรายฯ จึงต้องดูเจตนาก่อน เท่ากับว่าตอนนี้แจ้งข้อกล่าวหาได้แค่ผิด พ.ร.บ.โรงงานเท่านั้น แต่ยืนยันว่านายเจษฎาก็ต้องถูกดำเนินคดี ต้องรอการสอบสวนก่อน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งเจ้าตัวก็ไม่ได้เป็นคนใหญ่โตตามที่เป็นข่าว เป็นแค่คนธรรมดาที่ไปกู้ยืมเงินมาซื้อสินค้าล็อตนี้โดยเฉพาะ

นายพันธ์ทอง ลอยกุลนันท์ รองอธิบดีกรมศุลกากร กล่าวว่า จากการสอบถามข้อมูลกับกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่ออกใบอนุญาตการนำเข้าส่งออกแร่และสินแร่ต่างๆ ทราบว่ากรณีนี้ตรวจพบสารแคดเมียมเกือบครบแล้ว ยังไม่ได้มีการลักลอบส่งออกหรือสำแดงเท็จเพื่อเลี่ยงใบอนุญาตส่งออกไปต่างประเทศแต่อย่างใด แต่หากมีการสำแดงเท็จเป็นทองแดง กรมศุลกากรจะไม่สามารถตรวจสอบด้วยตาเปล่าได้ว่าเป็นแคดเมียมหรือไม่ ต้องใช้ผู้ที่มีความรู้จึงพิสูจน์ได้

ด้าน น.ส.ภัทราภรณ์ เก่งรุ่งเรืองชัย หรือเนอส สก.เขตบางซื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีมีนามสกุลเดียวกับนายเจษฎา โดยยอมรับว่าเป็นคุณอา ซึ่งเมื่อก่อนรุ่นอากงทำธุรกิจค้าของเก่าเป็นกงสี แต่บริษัทของคุณพ่อเนอสได้แยกออกจากกงสีมาตั้งอยู่ที่ จ.นนทบุรีมากกว่า 20 ปีแล้ว ส่วนเนอสเองก็ออกจากบริษัทคุณพ่อมามากกว่า 5 ปีแล้ว ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าของเก่าในเขตบางซื่อหรือสมุทรสาครแต่อย่างใด

ลั่นให้ใช้กฎหมายเท่าเทียม

 “เนอสมาลงสนามการเมืองแค่ต้องการทำให้เขตบางซื่อที่อยู่มาตั้งแต่เกิดดีขึ้นเท่านั้น ไม่ได้มีความคิดหรือกระทำการใดที่จะเอื้อประโยชน์หรือปกป้องเครือญาติและครอบครัว หากใครทำงานในสำนักงานเขตบางซื่อและ กทม. ก็น่าจะทราบดี ที่เนอสไปลงพื้นที่วันนี้ก็เพราะเป็นการทำงานปกติที่ทำมาอยู่ตลอดในเขตอยู่แล้วในฐานะ สก. เนอสเชื่อในความโปร่งใส ตรงไปตรงมา ชัดเจน ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นพ่อ แม่ ครอบครัว หรือญาติกันก็ตาม เมื่อคนเท่ากันก็ต้องเท่ากันในการบังคับใช้กฎหมายทุกมาตราด้วย”

น.ส.ภัทราภรณ์โพสต์อีกว่า สนับสนุนแนวทางพรรคก้าวไกลเรื่องการเสนอกฎหมาย PRTR หรือกฎหมายรายงานการปลดปล่อยและการเคลื่อนย้ายสารมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม ที่จะเพิ่มความเข้มข้นในการรายงาน ติดตาม ตรวจสอบ สารมลพิษอย่างเข้มข้นมากยิ่งขึ้นเพื่อปกป้องและส่งเสริมพัฒนาความปลอดภัยสาธารณะ

 “เนอสไม่เคยและจะไม่มีการใช้อำนาจมาเอื้อประโยชน์หรือปกป้องใครอย่างแน่นอน สุดท้ายนี้ เนอสขอย้ำให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาตามความถูกต้องของกฎหมายอย่างเท่าเทียมกันทุกคนค่ะ”

ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊กพรรคก้าวไกล ได้โพสต์เฟซบุ๊กเรื่องการลงพื้นที่ของ สส.พรรค รวมทั้งตอกย้ำเรื่องกฎหมาย PRTR ที่พรรคเคยเสนอมาตั้งแต่สภาสมัยที่แล้ว

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์เฟซบุ๊กเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขเรื่องดังกล่าว อย่ามัวแต่สนใจเรื่องแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพราะเรื่องแคดเมียมกระทบสุขภาพและความปลอดภัยสาธารณะรุนแรง ไม่อย่างนั้นคงต้องขอให้เพิ่มสิทธิประโยชน์เงินดิจิทัลที่จะแจกนี้ว่าให้ใช้เป็นค่ารักษาโรคอิไต-อิไต ใน รพ.รัฐทุกแห่งด้วย

ส่วนนายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรค ปชป. ได้ไปยื่นหนังสือร้องเรียนต่อ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวนเจ้าหน้าที่ของรัฐกับพวกมีการกระทำที่ส่อทุจริต หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ  ตามประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมาย ป.ป.ช.หรือไม่ กรณีการลักลอบขนย้ายกากแคดเมียมจำนวน 15,000 ตัน จากหลุมฝังกลบใน อ.แม่สอด จ.ตาก มาที่ จ.สมุทรสาคร จ.ชลบุรี กรุงเทพมหานคร และที่ต่างๆ

ชาวบ้านค้านย้ายแคดเมียมกลับ

วันเดียวกัน นายพูนศักดิ์ จันทร์จำปี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการการที่ดิน สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ พร้อมนายคริษฐ์ ปานเนียม สส.ตาก เขต 1, น.ส.ศนิวาร บัวบาน สส.บัญชีรายชื่อและคณะ เดินทางมาตรวจสอบสารแคดเมียม บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ตั้งอยู่เลขที่ 94 หมู่ 1 ถนนพหลโยธิน กม.409-410 ต.หนองบัวใต้ อ.เมืองตาก จ.ตาก ซึ่งเป็นโรงงานกักเก็บกากอุตสาหกรรม สารแคดเมียม เป็นต้นทางของการลักลอบขนสารแคดเมียมไปที่สมุทรสาคร, ชลบุรี และ กทม.

ก่อนที่ กมธ.การที่ดินฯ จะเข้าไปในสถานที่กักเก็บแคดเมียม ได้มีชาวบ้าน ต.หนองบัวใต้ อ.เมืองฯ จ.ตาก กว่า 200 คน  ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่รอบๆ บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ กมธ.การที่ดินฯ เพื่อคัดค้านการขนย้ายแคดเมียมกลับมาเก็บไว้ที่เดิม

ส่วน น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว. อุตสาหกรรม กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดการกากแคดเมียมว่า กระทรวงจะจัดทำขั้นตอนการเคลื่อนย้ายกากแคดเมียม พร้อมมาตรการความปลอดภัย ตั้งแต่การนำออกจากสถานที่ยึดอายัดต้นทาง การขึ้นรถบรรทุก การขนส่งระหว่างทาง การนำกากเข้าพื้นที่เพื่อฝังกลบ และการปิดบ่อฝังกลบ

 “กระทรวงอุตสาหกรรมจะร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างความมั่นใจแก่ประชาชนว่า การเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมดังกล่าวไปที่จังหวัดตาก จะดำเนินการด้วยความถูกต้อง ปลอดภัย และไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันจะไม่หยุดตรวจสอบ ค้นหากากแคดเมียมที่เหลืออย่างต่อเนื่อง เพื่อนำกลับไปยังต้นทางทั้งหมด” รมว.อุตสาหกรรมกล่าว

น.ส.พิมพ์ภัทรากล่าวอีกว่า บริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ฯ ได้หารือการขนย้ายกากแคดเมียมกับบริษัท เจแอนด์บี เมททอล จ.สมุทรสาครแล้ว โดยเจแอนด์บียอมให้ทำการขนย้ายกองกากแคดเมียมจาก จ.สมุทรสาครกลับไปกลบฝังที่ จ.ตาก และซึ่งบริษัท เบาว์แอนด์บียอนด์ฯ จะทำแผนมาให้กระทรวงพิจารณาภายในวันที่ 13 เม.ย. และในวันที่ 17 เม.ย. กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ จะส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบโครงสร้างทางวิศวกรรมของบ่อฝังกลบของบริษัท เบาด์ แอนด์ บียอนด์ ที่ จ.ตาก ว่ามีความมั่นคง แข็งแรง มีขนาดปริมาตรที่เหมาะสมในการรองรับกากแคดเมียมทั้งหมดหรือไม่ รวมถึงระบบปั๊มน้ำ และระบบบำบัดน้ำเสีย ว่าอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้หรือไม่.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง