‘บิ๊กตู่’ฝันสางหนี้ครัวเรือน 1มี.ค.ดีเดย์คนละครึ่งเฟส4

“บิ๊กตู่” ขายฝันปีเสือ ปีแห่งการต่อยอดและแก้ไขปัญหาหนี้สินครัวเรือน ยกการแก้ปัญหาปีเก่าที่ประสบความสำเร็จจูงใจทั้งเรื่องเศรษฐกิจและแก้หนี้ “คลัง” ยันมีแน่คนละครึ่งเฟส 4 เริ่ม 1 มี.ค. แต่ยังไม่เคาะวงเงิน คนเก่าที่ได้สิทธิ์ไม่ต้องลงทะเบียนแค่ยืนยันตัวตน เฮ! ช้อปดีมีคืนข้ามมาใช้สิทธิ์ได้

เมื่อวันที่ 2 ม.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เพจเฟซบุ๊ก “ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut-chan-o-cha” ระบุว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมา เป็นปีที่ไทยและทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหาโควิด รวมทั้งปัญหาอื่นๆ โดยเฉพาะปัญหาด้านเศรษฐกิจที่เป็นผลจากการปิดประเทศ รวมทั้งปัญหาที่หมักหมมมานาน จึงรู้สึกยินดีที่มาตรการต่างๆ ที่ได้สั่งการไปนั้นมีส่วนคลี่คลายหลายปัญหาให้มีแนวโน้มที่ดีขึ้น อาทิ 1.การจัดการปัญหาโควิด รัฐบาลสามารถจัดหาวัคซีนได้ตามเป้าหมาย และฉีดวัคซีนฟรีให้ประชาชนได้มากกว่า 100 ล้านโดส เร็วกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.การเปิดประเทศ ช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัว และมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นกว่าเดิมในปีหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นปรับตัวสูงขึ้นทุกภูมิภาค ทั้งภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม บริการ และการลงทุน เศรษฐกิจไทยพร้อมกลับมาทะยานอีกครั้งในปี 2565

3.โครงการคนละครึ่งประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจและรักษากำลังซื้อในประเทศได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเฟส 3 มียอดการใช้จ่ายสะสมกว่า 2 แสนล้านบาท และพร้อมขยายผลเฟส 4 ในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย.2565 4.โครงการค้ำประกันสินเชื่อ ที่สามารถช่วย SMEs ให้เข้าถึงแหล่งทุนได้ถึง 2.4 แสนล้านบาท นอกจากรักษาระดับการจ้างงานแล้ว ยังสร้างการจ้างงานใหม่ได้มากกว่า 2.65 ล้านตำแหน่ง 5.โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว สามารถช่วยเหลือชาวนาไทยได้ 4.7 ล้านครัวเรือน เป็นเงินมากกว่า 8 หมื่นล้านบาท

พล.อ.ประยุทธ์โพสต์อีกว่า สิ่งที่ทำให้กังวลใจ และเป็นห่วงพี่น้องที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก คือ ปัญหาหนี้สินครัวเรือน ซึ่งวิกฤตโควิดที่ยืดเยื้อมานานกว่า 2 ปีนั้น ยิ่งซ้ำเติมให้ปัญหาหนักหน่วงขึ้นไปอีก จึงได้สั่งให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผ่อนคลายความเดือดร้อนและแก้ไขปัญหาหนี้สินที่เกิดขึ้น โดยทั้งปี 2564 มีการดำเนินการไปแล้ว 8 ด้าน คือ 1.แก้ปัญหาหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) 2.ไกล่เกลี่ยและการปรับโครงสร้างหนี้ ผ่านกลไกธนาคารแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงินของรัฐ 3.แก้ปัญหาหนี้เช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ 4.แก้ปัญหาหนี้สินข้าราชการ 5.ปรับลดและทบทวนโครงสร้างและเพดานอัตราดอกเบี้ย ค่าธรรมเนียม รวมทั้งการออกมาตรการคุ้มครองสิทธิ์ของลูกหนี้ 6.แก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล 7.แก้ปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของประชาชนรายย่อยและ SMEs 8.ปรับปรุงขั้นตอนในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งยังต้องดำเนินการต่อเนื่องให้มากขึ้นอีก โดยตั้งเป้าหมายให้ปี 2565 เป็นปีแห่งการแก้หนี้ภาคครัวเรือนให้สำเร็จให้ได้

“2 กลุ่มอาชีพสำคัญที่เป็นเป้าหมาย และมีปัญหาหนี้สินที่หมักหมมมาช้านาน นั่นคือ กลุ่มข้าราชการครูและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผมได้สั่งการให้กระทรวงศึกษาธิการร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเร่งดำเนินการโดยด่วนตามแนวทางที่ได้วางไว้ ทั้งการยุบยอดหนี้ การปรับลดค่าธรรมเนียม ปรับปรุงระบบการตัดเงินเดือน การพักชำระหนี้ การปล่อยเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ เป็นต้น โดยควรมีเงินหลือใช้ไม่ต่ำกว่า 30% ของเงินเดือน” พล.อ.ประยุทธ์โพสต์

นายกฯ ยังโพสต์อีกว่า แม้ว่าอาจมีอุปสรรคเกิดขึ้นมากมายในปี 2564 กับประเทศของเราและทั่วโลก แต่ไทยเราสามารถผ่านมาได้ด้วยความสำเร็จตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ รวมทั้งไทยยังก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีศักยภาพระดับโลกที่ทั่วโลกต้องจับตามอง ทั้งความแข็งแกร่งด้านระบบสาธารณสุข อันดับ 5 ของโลก ประเทศที่น่าเริ่มต้นธุรกิจที่สุด อันดับ 1 ของโลก กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่น่ามาทำงานและท่องเที่ยวอันดับ 1 ของโลก และไทยเป็น Top Ten ของประเทศที่มีวัฒนธรรม และน่ามาเยือนมากที่สุด ทำให้เชื่อมั่นว่าปี 2565 จะเป็นปีแห่งการต่อยอดของไทย จากศักยภาพและความสำเร็จท่ามกลางวิกฤตที่เราได้สร้างไว้ตลอดปี 2564 ซึ่งจะเป็นการต่อยอดอย่างมั่นคง ยั่งยืน ด้วยโอกาสดีๆ ที่เราจะได้รับตลอดทั้งปี

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ยินดีกับรายงานดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือน ธ.ค.2564 จากการประมวลผลข้อมูลการสำรวจภาวะเศรษฐกิจรายจังหวัดจากสำนักงานคลังจังหวัด 76 จังหวัดทั่วประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่พบว่าดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคเดือน ธ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าเกือบทุกภูมิภาค

“ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภาคใต้ปรับเพิ่มจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 76.7 ภาคตะวันออกปรับเพิ่มจากเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ระดับ 72.1 ภาคเหนืออยู่ที่ระดับ 72.0 ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออยู่ที่ 69.6 ภาคกลางอยู่ที่ 67.9 ภาคตะวันตกอยู่ที่ 67.2 ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑลอยู่ที่ 55.1 ซึ่งรัฐบาลยังคงมุ่งมั่นเดินหน้านโยบายต่างๆ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในปี 2565 และเชื่อมั่นว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องอย่างแน่นอน” โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

ขณะที่ นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง ระบุว่า กระทรวงอยู่ระหว่างเตรียมมาตรการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ที่จะเริ่มในวันที่ 1 มี.ค.2565 โดยเบื้องต้นผู้ที่ได้สิทธิ์ในโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 3 จำนวน 27.98 ล้านราย ต้องกดยืนยันตัวตนอีกครั้งผ่านแอปพลิเคชันเป๋าตัง แต่ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ เหมือนการลงทะเบียนคนละครึ่ง ระยะที่ 3 ส่วนผู้ที่ไม่เคยลงทะเบียนก็ต้องสมัครผ่านทางเว็บไซต์เหมือนที่ผ่านมา

สำหรับมาตรการช้อปดีมีคืน 2565 ที่เริ่มต้นตั้งแต่ 1 ม.ค.2565 ถึงวันที่ 15 ก.พ.2565 โดยผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและค่าบริการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หนังสือ e-Book และสินค้าโอท็อปภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดตามจำนวนที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 30,000 บาท หักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2565 ซึ่งจะยื่นแบบและชำระภาษีในช่วงต้นปี 2566 และยังสามารถใช้สิทธิ์มาตรการคนละครึ่ง ระยะที่ 4 ได้ เช่นเดียวกับผู้ได้สิทธิ์คนละครึ่ง ระยะที่ 3 ก็สามารถใช้สิทธิ์ช้อปดีมีคืนได้เช่นกัน เพราะช่วงเวลาไม่ทับซ้อนกัน ซึ่งมาตรการคนละครึ่งระยะที่ 4 ยังไม่ได้สรุปว่าจะให้วงเงินเท่าใด เพราะอยู่ระหว่างจัดสรรงบประมาณที่จะมาใช้

ขณะที่ นายปรีดา เตียสุวรรณ์ นักธุรกิจเพื่อสังคม กล่าวถึงผลงานด้านเศรษฐกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ใน 10 ปีที่ผ่านมา การกระจุกของรายได้ประชาชาติหนักและรุนแรงขึ้นมาก โดยรายได้ของประชากรไทยทั้งหมด พุ่งเข้าไปสู่ครอบครัวไม่กี่ครอบครัวในประเทศ เปรียบเสมือนลูกรักบี้ คือ 2 ปลายแหลมและอ้วนตรงกลาง ซึ่งอ้วนตรงกลางคือ คนชั้นกลางที่ทุกสังคมอยากให้เป็น และมีคนรวยมากๆ ได้ แต่อย่ามากนัก แล้วก็มีปลายแหลมมา มีคนจนบ้าง แต่ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ความอ้วนของลูกรักบี้ผอมลง และส่วนปลายสองข้างทู่ขึ้น แสดงว่าคนรวยมากๆ มหาศาลมีมากขึ้น และคนจนที่จนมากๆ ก็มีมากขึ้น ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่ไม่ดี

“พล.อ.ประยุทธ์อยู่ในกระบวนการ 10 ปีแรกด้วย เพราะท่านเข้ามา 7 ปีแล้วไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้น แต่สถานการณ์เริ่มเลวลง ตั้งแต่ตอนที่ท่านเข้ามาแล้ว แต่ท่านก็มีเวลา 7 ปีที่จะแก้ให้ดีขึ้น แต่เท่าที่เห็นมันไม่ได้ดีขึ้น” นายปรีดากล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอนทองเขาบรรทัด' สินค้า GI รายการที่ 3 ของตราด

รัฐบาลมุ่งเพิ่มมูลค่าสินค้าท้องถิ่นไทย ขึ้นทะเบียนทุเรียนหมอนทองเขาบรรทัด เป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ จังหวัดตราด เพื่อความเชื่อมั่นคุณภาพสินค้า ยกระดับรายได้ชุมชน