สรุป7วันอตร. ตาย‘333ราย’ ‘เมาขับ’แชมป์

สรุป 7 วันอันตราย มีผู้เสียชีวิต 333 ราย ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี 18.58% บาดเจ็บจำนวน 2,672 คน ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี 25.08% แต่จับข้อหาเมาขับ 19,760 ราย มากกว่าปีใหม่ปีที่แล้วคิดเป็น 41.52% เปิดสถิติมีรถเข้า-ออก กทม. 7.5 ล้านคัน

เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2565 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงผลการดำเนินการในการอำนวยการจราจร ป้องกันและลดอุบัติเหตุ และการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก ช่วงควบคุมเข้มข้น 7 วันเทศกาลปีใหม่ 2565 พร้อมปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ ตร.

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์เปิดเผยว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้มีคำสั่งให้จัดตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนฯ ตั้งแต่วันที่ 29 ธ.ค.64 เป็นต้นมา จนถึงวันสุดท้ายคือ 4 ม.ค.65 ซึ่งทุกวันจะมีการติดตามสถานการณ์การจราจรและการปฏิบัติของแต่ละหน่วย ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยมีผู้ช่วย ผบ.ตร.เป็นผู้กำกับดูแลในแต่ละวัน และให้หน่วยระดับ บช./ภ., บก./ภ.จว. และทุกสถานีตำรวจเฝ้าฟัง ทั้งนี้ เพื่อลดอุบัติ ผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ ตามค่าเป้าหมายที่รัฐบาลกำหนด โดยผลการดำเนินการในแต่ละด้าน มีดังนี้

1.การอำนวยความสะดวกและจัดการจราจร จัดกำลังตำรวจกว่า 80,000 นาย ดูแลการจราจรตลอด 7 วัน มีปริมาณรถ เข้า-ออกจาก กทม. จำนวน 7,540,156 คัน (ออกจาก กทม. จำนวน 3,718,563 คัน และเข้า กทม. จำนวน 3,821,593 คัน) วันที่ประชาชนเดินทางออกจาก กทม. มากที่สุดคือวันที่ 30 ธ.ค.64 วันที่ประชาชนเดินทางเข้า กทม.มากที่สุดวันที่ 3 ม.ค.65 มีการเปิดช่องทางพิเศษ (Reversible Lane) จำนวนทั้งสิ้น 126 ครั้ง (ระบายรถขาออก 52 ครั้ง/ขาเข้า 74 ครั้ง)

รถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ที่ขออนุญาตเดินรถในช่วงเวลาห้าม ผ่านระบบออนไลน์ จำนวน 23,484 คัน อนุญาตให้เดินรถได้ 20,645 คัน (รถที่ได้รับอนุญาตมากที่สุดคือ รถบรรทุกน้ำมันหรือแก๊ส (ร้อยละ 60.3) รองลงมาคือ รถบรรทุกอาหาร เครื่องอุปโภค บริโภค (ร้อยละ 24.1)) (ไม่อนุญาตจำนวน 2,839 คัน และพบผู้ฝ่าฝืนเดินรถในเวลาห้าม จำนวน 82 ราย เนื่องจากเป็นสาเหตุให้การจราจรติดขัด)

2.การบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลัก มีการตั้งจุดตรวจทุกวันเพื่อบังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่ฝ่าฝืน ทั่วประเทศจำนวน 1,240 จุด (กวดขันวินัยจราจร 769 จุด, ตรวจแอลกอฮอล์ 471 จุด) พบผู้ที่ฝ่าฝืนทั้งสิ้น 573,837 ราย ข้อหาขับรถในขณะเมาสุรา 19,760 ราย (มากกว่าปีใหม่ปีที่แล้วคิดเป็น 41.52%) ข้อหาไม่สวมหมวกนิรภัย 167,677 ราย และข้อหาขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนด จำนวน 48,257 ราย โดย 10 ข้อหาหลักนี้จะก่อให้เกิดอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่น จึงจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด

3.การป้องกันและลดอุบัติเหตุ รัฐบาลกำหนดค่าเป้าหมายให้จำนวนครั้งการเกิดอุบัติเหตุ จำนวนผู้เสียชีวิต และจำนวนผู้บาดเจ็บ (admit) ต้องลดลงไม่น้อยกว่า 5% เมื่อเทียบกับสถิติในช่วงเทศกาลปีใหม่ เฉลี่ย 3 ปีย้อนหลัง (ปีใหม่ 2562-2564) ซึ่งจากการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ส่งผลให้สถิติอุบัติเหตุลดลงตามเป้าในทุกด้าน

การเกิดอุบัติเหตุ 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2565 เกิดจำนวน 2,707 ครั้ง ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (3,515 ครั้ง) เป็นจำนวน 808 ครั้ง (ลดลง 22.99%) จำนวนผู้เสียชีวิต 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2565 มีจำนวน 333 ราย ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (388 ราย) เป็นจำนวน 76 ราย (ลดลง 18.58%) จำนวนผู้บาดเจ็บ 7 วันของเทศกาลปีใหม่ 2565 มีจำนวน 2,672 คน ลดลงจากค่าเฉลี่ย 3 ปี (3,572 คน) เป็นจำนวน 900 (ลดลง 25.08%)

ทั้งนี้ บช./ภ.ที่มีผลการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนดีที่สุด ได้แก่ ตำรวจภูธรภาค 9, ตำรวจภูธรภาค 3 และตำรวจภูธรภาค 8 จังหวัดที่มีสถิติอุบัติเหตุลดลงมากที่สุด (เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 3 ปี) 3 จังหวัดแรก คือ จ.อำนาจเจริญ จ.ระยอง จ.พิจิตร จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต มีจำนวน 9 จังหวัด ได้แก่ นครนายก แพร่ สุโขทัย สมุทรสงคราม พังงา ตรัง สตูล ปัตตานี และยะลา

4.การประชาสัมพันธ์ข้อมูล มีการประชาสัมพันธ์ผ่านเพจ facebook ตำรวจทางหลวง และสายด่วน บก.ทล. 1193, จส.100 สวพ.91 รวมทั้งสื่อหลักและสื่อโซเชียล ที่เกี่ยวกับการจราจรต่างๆ โดยมีประชาชนสอบถามข้อมูลการจราจรและแจ้งเหตุผ่านทาง สายด่วน 1193 รวมจำนวน 2,463 สาย เป็นการสอบถามเส้นทางและสภาพการจราจรจำนวน 1,773 สาย และขอความช่วยเหลืออีก 566 สาย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าวอีกว่า การอำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน เทศกาลปีใหม่ 2565 ของ ตร. เป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ตำรวจอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาโดยสวัสดิภาพ ลดอุบัติเหตุและการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด ซึ่งหลังจากนี้จะมีคำสั่งให้ทุกกองบัญชาการ/ตำรวจภูธร สรุปข้อมูลและถอดบทเรียน ปัญหาการปฏิบัติทุกๆ ด้าน เพื่อเตรียมความพร้อมในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือเทศกาลสำคัญต่อไป.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง