อึ้ง! “ภูมิธรรม” เปิดทำเนียบฯ วันแม่แห่งชาติ เรียกหัวหน้าและเลขาธิการพรรคร่วมฯ ถกด่วนดัน กม.กาสิโน เผยร่างกฎหมาย 65 มาตรา เคาะผู้ได้ใบอนุญาตบริษัทต้องจดทะเบียนไทย มีทุน 1 หมื่นล้านบาท คิดค่าต๋งสุดต่ำเตี้ย 5 พันล้าน ตลอดสัมปทาน 30 ปี พร้อมเสียรายปีแค่ 1 พันล้านบาท ต่ออายุครั้งละไม่เกิน 10 ปี ไม่ปิดกั้นคนไทยเล่นพนันได้ แต่ต้องเสียค่าเข้า 5 พันบาท ปูดกาสิโนให้มีการเล่นทุกชนิดยกเว้นออนไลน์ พร้อมผุดสำนักงานจัดการยิ่งกว่าองค์กรอิสระ รับเงินต่างชาติได้ จับตาเลขาธิการอำนาจสุดล้น
เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2567 มีรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า ในวันจันทร์ที่ 12 ส.ค. ซึ่งเป็นวันแม่แห่งชาติ และวันหยุดราชการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะผู้จัดการรัฐบาล ได้เชิญหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคการเมืองพรรคร่วมรัฐบาล ประชุมที่ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 17.00 น. เพื่อหารือในประเด็นต่างๆ ทางการเมือง อาทิ ตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ที่ว่างลง หลังนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ถูกตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปี เพราะเคยเป็นคณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคไปเมื่อวันที่ 7 ส.ค. รวมถึงผลักดันกฎหมายต่างๆ ที่ค้างสภา โดยเฉพาะการผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ.....
โดยร่างกฎหมายดังกล่าว สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ได้เปิดรับฟังความเห็นผ่านเว็บไซต์ระบบกลางทางกฎหมายของรัฐบาล ตั้งแต่วันที่ 2-18 ส.ค.2567 โดยมีทั้งสิ้น 65 มาตรา ซึ่งเตรียมเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบและนำเข้าสภาพิจารณาต่อไป หลังก่อนหน้านี้ ครม.เห็นชอบในหลักการไปตั้งแต่เดือน เม.ย.2567 และมอบให้กระทรวงการคลังไปศึกษาจัดทำร่างกฎหมาย โดยมีนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง เป็นประธาน
สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.บ.การประกอบสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ.....นั้น ให้เหตุผลในการเสนอร่างดังกล่าวไว้ว่า ปัจจุบันการท่องเที่ยวเป็นภาคอุตสาหกรรมที่นำรายได้เข้าสู่ประเทศเป็นจำนวนมาก และธุรกิจสถานบันเทิงเป็นกิจกรรมสำคัญที่กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวได้ใช้จ่าย การส่งเสริมและกำกับดูแลเพื่อให้เกิดธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรที่ได้มาตรฐานเพื่อรองรับการท่องเที่ยว จึงเป็นมาตรการสำคัญที่จะกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ ซึ่งจะก่อให้เกิดผลดีต่อสังคมในภาพรวม และเป็นการสนับสนุนให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายยังได้นิยามไว้ในมาตรา 3 ระบุว่า สถานบันเทิงครบวงจร หมายความว่า การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้หลายประเภทรวมกัน ร่วมกับกาสิโน ซึ่งบัญชีแนบท้ายประเภทธุรกิจสถานบันเทิงระบุว่า 1.ห้างสรรพสินค้า 2.โรงแรม 3.ร้านอาหาร ไนต์คลับ ดิสโกเธค ผับ บาร์ 4.สนามกีฬา 5.ยอชต์และครูซซิ่งคลับ 6.สถานที่เล่นเกม 7.สระว่ายน้ำและสวนน้ำ 8.สวนสนุก 9.พื้นที่สำหรับส่งเสริมวัฒนธรรมไทยและสินค้า OTOP และ 10.กิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด
นอกจากนี้ มาตรา 3 ยังนิยามคำว่า กาสิโน หมายความว่า การจัดให้มีการเข้าเล่นหรือการเข้าพนันในสถานที่ที่กำหนดเป็นการเฉพาะ และใบอนุญาต หมายความว่า ใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร และผู้รับใบอนุญาต หมายความว่าผู้รับใบอนุญาตประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร
ทั้งนี้ ในร่างกฎหมายยังมีทั้งหมด 9 หมวด โดยหมวด 1 คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร ตั้งแต่มาตรา 6 ถึงมาตรา 14 โดยในมาตรา 6 คณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจรนั้น มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน มีรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นรองประธาน มีกรรมการโดยตำแหน่ง 9 คน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 6 คน และมีเลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ ส่วนหมวด 2 คณะกรรมการบริหาร เริ่มตั้งแต่มาตรา 15 ถึงมาตรา 19 โดยมาตรา 15 คณะกรรมการบริหารประกอบด้วย บุคคลซึ่งนายกฯ แต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ กรรมการโดยตำแหน่ง 11 คน ได้แก่ ปลัดกระทรวงการคลัง, ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์, ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม, ปลัดกระทรวงพาณิชย์, ปลัดกระทรวงมหาดไทย, ปลัดกระทรวงแรงงาน ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง, เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน, เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด และอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิไม่เกิน 3 คน ซึ่งนายกฯ แต่งตั้งจากผู้มีความรู้ความสามารถด้านเศรษฐศาสตร์ การบริหารธุรกิจ กฎหมาย หรือสังคม
ที่น่าสนใจคือ คณะกรรมการบริหาร มีหน้าที่และอำนาจหน้าที่ถึง 16 ข้อ ที่สำคัญคือ กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการเชิญชวน โฆษณา ประชาสัมพันธ์ หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย เกี่ยวกับกาสิโน, กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขการขอรับใบแทนใบอนุญาต, พิจารณาอนุมัติแผนยุทธศาสตร์ แผนการดำเนินงาน แผนการใช้จ่ายเงินและงบประมาณรายจ่ายประจำปีของสำนักงาน และรายงานต่อคณะกรรมการนโยบาย และกำหนดตำแหน่ง อัตราเงินเดือน และค่าตอบแทนอื่นของเลขาธิการ พนักงานและลูกจ้างของสำนักงาน เป็นต้น
หมวด 3 สำนักงานกำกับการประกอบสถาบันเทิงครบวงจร ตั้งแต่มาตรา 20 ถึงมาตรา 28 โดยมาตรา 20 ระบุว่า สำนักงานเป็นหน่วยงานของรัฐที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล และไม่เป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน หรือรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณหรือกฎหมายอื่น กิจการของสำนักงานไม่อยู่ภายใต้บังคับแห่งกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายว่าด้วยประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน แต่พนักงานและลูกจ้างของสำนักงานต้องได้รับประโยชน์ตอบแทนไม่น้อยกว่าที่กำหนดไว้ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน กฎหมายว่าด้วยประกันสังคม และกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน ในขณะที่มาตรา 21 ระบุว่า ให้สำนักงานมีสำนักงานใหญ่ในกรุงเทพมหานคร และจะตั้งสาขาหรือตัวแทนขึ้น ณ ที่อื่นใดตามความจำเป็นก็ได้
ส่วนในมาตรา 24 เรื่องทุนและทรัพย์สินในการดำเนินงานของสำนักงาน ระบุไว้ว่า 1.เงินอุดหนุนทั่วไปที่รัฐบาลจัดสรรให้ตามความเหมาะสมเป็นรายปี 2.เงินอุดหนุนจากหน่วยงานของรัฐทั้งในประเทศและต่างประเทศ หรือองค์การระหว่างประเทศระดับรัฐบาล 3.ค่าธรรมเนียมการขอใบอนุญาต ใบอนุญาต การต่ออายุใบอนุญาต การออกใบแทนใบอนุญาต และการเข้าสถานประกอบการกาสิโนของผู้มีสัญชาติไทย 4.ค่าธรรมเนียม ค่าบำรุง ค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือรายได้อันเกิดจากการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจของสำนักงาน 5.ค่าปรับ และ 6.ดอกผลของเงินหรือรายได้จากทรัพย์สินของสำนักงาน
ส่วนหมวด 4 เลขาธิการ เริ่มตั้งแต่มาตรา 29 ถึงมาตรา 37 โดยมาตรา 32 กำหนดให้มีเลขาธิการคนหนึ่ง ซึ่งคณะกรรมการนโยบายแต่งตั้งโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ซึ่งมาตรา 31 กำหนดให้มีวาระคราวละ 4 ปี และอาจได้รับแต่งตั้งอีก แต่ดำรงตำแหน่งเกิน 2 วาระไม่ได้ ในขณะที่หมวดที่ 5 พนักงานเจ้าหน้าที่ ตั้งแต่มาตรา 38 ถึงมาตรา 40 โดยการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่นี้เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญาด้วย
หมวด 6 การอนุญาตให้ประกอบสถานบันเทิงครบวงจร ตั้งแต่มาตรา 41 ถึงมาตรา 50 โดยมาตรา 41 กำหนดให้สถานบันเทิงครบวงจรตั้งอยู่ในบริเวณเขตพื้นที่ตามที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกาเท่านั้น และต้องประกอบธุรกิจสถานบันเทิงตามบัญชีแนบท้ายพระราชบัญญัตินี้อย่างน้อย 4 ประเภท ร่วมกับกาสิโน ซึ่งสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโนในสถานบันเทิงครบวงจรให้เป็นไปตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด สถานบันเทิงครบวงจรจะกระทำได้เฉพาะบริษัทจำกัดหรือบริษัทมหาชนจำกัด ซึ่งจดทะเบียนในไทยที่มีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท โดยได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการนโยบาย ซึ่งจำนวนใบอนุญาต ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และจำนวนที่กำหนดในพระราชกฤษฎีกา
ทั้งนี้ การประกอบธุรกิจของบริษัทมหาชนจำกัดที่ได้รับใบอนุญาต ให้ได้รับยกเว้นจากกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว และไม่ให้นำความในมาตรา 67 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 และมาตรา 1105 วรรคสาม แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาใช้บังคับด้วย
ส่วนมาตรา 49 กำหนดว่า ใบอนุญาตมีอายุ 30 ปีนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต โดยผู้รับใบอนุญาตต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและค่าธรรมเนียมรายปีตามที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด แต่ต้องไม่เกินอัตราตามบัญชีแนบท้าย และทุก 5 ปีนับแต่วันที่ได้รับใบอนุญาต ให้สำนักงานประเมินประสิทธิภาพของการดำเนินงานตามรูปแบบและแผนการประกอบการสถานบันเทิงครบวงจรของผู้รับใบอนุญาต และรายงานต่อคณะกรรมการนโยบายเพื่ออาจพิจารณาทบทวนรูปแบบและแผนการประกอบการสถานบันเทิงครบวงจร เมื่อใบอนุญาตครบอายุ ให้คณะกรรมการนโยบายมีอำนาจต่ออายุได้คราวละไม่เกิน 10 ปี
โดยอัตราค่าธรรมเนียมเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตแนบท้ายกฎหมายนั้น ระบุว่า 1.การขอรับใบอนุญาต ครั้งละ 100,000 บาท 2.ใบอนุญาต ครั้งแรกฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี ปีละ 1,000 ล้านบาท 3.ใบอนุญาต (ต่ออายุ) ฉบับละ 5,000 ล้านบาท รายปี ปีละ 1,000 ล้านบาท และ 4.ใบแทนใบอนุญาต ฉบับละ 100,000 บาท
หมวด 7 การควบคุมการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ตั้งแต่มาตรา 51 ถึงมาตรา 59 ซึ่งมาตรา 52-53 ได้กำหนดถึงรูปแบบกาสิโนว่าใช้เครื่องเล่นซึ่งใช้เครื่องกล พลังไฟฟ้า พลังแสงสว่าง หรือพลังอื่นใดที่ใช้เล่นโดยวิธีสัมผัส เลื่อน กด ดีด ดึง ยิง โยน โยก หมุน หรือวิธีอื่นใดซึ่งสามารถทำให้แพ้ชนะกันได้ ไม่ว่าจะโดยการนับแต้มหรือเครื่องหมายใดๆ หรือไม่ก็ตาม และใช้อุปกรณ์ซึ่งสามารถทำให้แพ้ชนะกันได้ ไม่ว่าจะโดยการนับแต้มหรือเครื่องหมายใดๆ หรือไม่ก็ตาม แต่ห้ามให้มีการเข้าเล่นหรือเข้าพนันผ่านการเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดกับเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ส่วนมาตรา 55 ได้ห้ามมิให้บุคคลดังต่อไปนี้เข้ากาสิโน 1.ผู้มีอายุน้อยกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์ 2.ผู้ซึ่งสำนักงานสั่งห้ามเข้าสถานประกอบการกาสิโน 3.ผู้มีสัญชาติไทยซึ่งยังมิได้ลงทะเบียนและชำระค่าธรรมเนียมตามที่คณะกรรมการนโยบายประกาศกำหนด และ 4.ผู้ที่มีลักษณะของบุคคลต้องห้ามตามที่สำนักงานประกาศกำหนด โดยอัตราค่าเข้าสถานประกอบการกาสิโนนั้น ได้กำหนดให้ผู้มีสัญชาติไทยต้องจ่ายครั้งละ 5,000 บาท
หมวด 8 บทกำหนดโทษ มีตั้งแต่มาตรา 60 ถึงมาตรา 62 และหมวด 9 บทเฉพาะกาล ตั้งแต่มาตรา 63 ถึงมาตรา 65 โดยที่น่าสนใจคือ มาตรา 64 ระบุว่า ในวาระเริ่มแรกให้ข้าราชการในสำนักนายกรัฐมนตรีที่นายกฯ แต่งตั้งทำหน้าที่เลขาธิการตามพระราชบัญญัตินี้ไปพลางก่อน จนกว่าจะมีการแต่งตั้งเลขาธิการตามมาตรา 29 โดยต้องแต่งตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่กฎหมายใช้บังคับ
ด้านความเคลื่อนไหวของเครือข่ายและนักวิชาการที่คัดค้านกาสิโนถูกกฎหมาย นำโดยมูลนิธิรณรงค์หยุดการพนัน เตรียมเปิดเวทีเสวนาวิพากษ์ (ร่าง) พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (กาสิโน) ในหัวข้อ “แค่อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่” ในวันที่ 13 ส.ค. ที่โรงแรมเอเซีย ห้องกิ่งทอง ชั้น 2 เวลา 10.00 น. เพื่อให้ความรู้กฎหมายและสร้างความเข้าใจแก่ประชาชน รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นในมิติเศรษฐกิจ สุขภาพ และสังคมระยะยาว หรือไม่ รวมถึงกฎหมายล็อกสเปกเอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนใกล้ชิดรัฐบาลหรือไม่ โดยผู้สนใจสามารถรับชมได้ทางไลฟ์สดทางเฟซบุ๊กมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พปชร.ขับก๊วนธรรมนัส ตัดจบที่ดิน‘หวานใจลุง’
"บิ๊กป้อม" ไฟเขียว พปชร.มีมติขับ 20 สส.ก๊วนธรรมนัสพ้นพรรค "ไพบูลย์" เผยเหตุอุดมการณ์ไม่ตรงกัน
พ่อนายกฯเคลียร์MOUสยบม็อบ
อิ๊งค์พร้อม! จัดชุดใหญ่แถลงผลงานรัฐบาล ลั่นรอจังหวะไปตอบกระทู้
รบ.อิ๊งค์ไม่มีปฏิวัติ! ทักษิณชิ่งสั่งยึดกองทัพ เหน็บอนุทินชิงหล่อเกิน
"ทักษิณ" โบ้ยไม่รู้ "หัวเขียง" ชงแก้ร่าง กม.จัดระเบียบกลาโหม
ศาลรับคำร้อง ให้สว.สมชาย หยุดทำหน้าที่
ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง “สมชาย เล่งหลัก” หยุดปฏิบัติหน้าที่ สว.
คิกออฟแพ็กเกจแก้หนี้ ลุ้นบอร์ดขึ้นค่าแรง400
นายกฯ เผยข่าวดี ครม.คลอดชุดใหญ่แก้หนี้ครัวเรือน "คลัง-แบงก์ชาติ"
'บิ๊กอ้วน' ชี้ 'สนธิ' แค่หนึ่งเสียงการบริหารประเทศไม่ควรโฟกัสแค่คนคนเดียว!
'ภูมิธรรม' ยังไม่เห็นข้อเรียกร้อง 'สนธิ' บอกเป็นแค่ความเห็นหนึ่งต้องรับฟังทุกฝ่าย เปรียบเหมือนมองปี๊บหนึ่งใบ ต้องมองให้รอบด้าน ไม่หมิ่นประมาทม็อบจุดติดหรือไม่