พณ.แจงหมูไทย ต่างชาตินิยมซื้อ พท.ซัดแพะโผล่

“พาณิชย์” ยันคู่ค้าตลาดต่างประเทศยังมั่นใจนำเข้า “หมูไทย” แม้พบโรค ASF "เพื่อไทย" โดดป้องผู้เลี้ยงสุกรอ้างถูกขู่ฆ่า  ขณะที่ “ปลอดประสพ” กลัวตกขบวน เตือนระวังโรคแปลงพันธุ์จากหมู กลายเป็นแพะ ด้าน “แรมโบ้” เอือมลิ่วล้อทักษิณ โหนกระแสหากินกับหมู ขอให้ย้อนดูสมัยตัวเองเป็นรัฐบาลบ้างทำของแพง 

 เมื่อวันที่ 16 มกราคม นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงกรณีที่ไทยพบโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (ASF) ว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกำชับทูตพาณิชย์ของไทยที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะประเทศที่เป็นตลาดหลักส่งออกหมูและผลิตภัณฑ์ของไทยติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ซึ่งได้รับรายงานในเบื้องต้นจากทูตพาณิชย์ในประเทศที่เป็นตลาดส่งออกเข้ามาแล้วว่า ไม่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการนำเข้าเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์จากไทย แต่บางประเทศอาจจะเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบมากขึ้น ซึ่งเป็นปกติในช่วงที่มีสถานการณ์เกิดขึ้น

นางมัลลิกากล่าวอีกว่า ความเคลื่อนไหวของคู่ค้าสำคัญเช่นฮ่องกง  ซึ่งเป็นตลาดเดียวของจีนที่อนุญาตนำเข้าเนื้อหมู หน่วยงานด้านสาธารณสุขยังไม่มีมาตรการห้ามนำเข้า และขณะนี้ยังนำเข้าตามปกติ ส่วน สปป.ลาวยังสามารถนำเข้าและขายเนื้อหมูแช่เย็นแช่แข็งได้ตามปกติ เพราะโรค ASF ไม่มีการแพร่ระบาดจากสัตว์สู่คน แต่เฝ้าระวังการนำเข้าหมูมีชีวิตที่ต้องได้รับการตรวจคัดกรองโรคก่อนข้ามแดนอย่างเข้มงวด และจากการสอบถามภาคเอกชนไทยในอุตสาหกรรมเกษตรและอาหารที่เข้าไปลงทุนใน สปป.ลาว พบว่ามีการนำเข้าพ่อพันธุ์แม่พันธุ์หมูจากไทยบางส่วน และมีกำหนดนำเข้าอีกครั้งช่วงเดือน มิ.ย.65 จึงยังไม่ได้รับผลกระทบในขณะนี้

"เมียนมาโดยปกติมีความเข้มงวดอยู่แล้ว การนำเข้าหมูจากไทยต้องขอใบอนุญาตนำเข้า และต้องผ่านการตรวจรับรองจากกรมปศุสัตว์เมียนมาจึงสามารถนำเข้าได้ ส่วนกัมพูชารัฐบาลมีนโยบายลดการนำเข้าหมูมีชีวิตจากไทยมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงในประเทศ"

สำหรับการส่งออกหมูของไทยมี 5 ประเภท คือ หมูมีชีวิต, เนื้อหมูสดแช่เย็นแช่แข็ง, เนื้อหมูแปรรูป, เครื่องใน และเนื้อหมูแช่เกลือ โดยในช่วง 11 เดือนของปี 2564 (ม.ค.-พ.ย.) ส่งออกหมูมีชีวิต  1.04 ล้านตัว มูลค่า 7,186.6 ล้านบาท ตลาดหลักคือ กัมพูชา   เวียดนาม เมียนมา และ สปป.ลาว, เนื้อหมูแช่เย็นแช่แข็ง  13,615.8 ตัน มูลค่า 1,657 ล้านบาท ตลาดหลักคือฮ่องกง,  เนื้อหมูแปรรูป 4,479.2 ตัน มูลค่า 1,018 ล้านบาท ตลาดหลัก คือญี่ปุ่น

ขณะที่ ดร.ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โพสต์เฟซบุ๊กหัวข้อ "เรื่องหมูซึ่งจะกลายเป็นแพะ" ตอนหนึ่งว่า "ขอเรียนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายประภัตร โพธสุธน รมช.เกษตรฯ และอธิบดี ปศ.ว่า ผู้คน สื่อและนักวิชาการ เขาไม่เชื่อพวกท่านหรอกว่าโรค ASF เพิ่งเกิดในเมืองไทยเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ถ้าบอกว่า 2 ปีที่แล้วอาจจะเชื่อ สำหรับอธิบดีนั้นทั้งน่าสงสารและน่าตีก้นนัก ทำไมท่านไม่ดูว่า รุ่นอาวุโสที่ผ่านมาเขาเคยทำกันมาอย่างไร อะไรทำให้พวกท่านอ้ำอึ้ง เชื่องช้าแบบนี้ ที่เขาลือๆ กันน่ะ มันไม่เป็นมงคลเลยนะ และท่านอธิบดีก็ขอให้ระวัง อาจเกิดโรคแปลงพันธุ์หมูกลายเป็นแพะได้"

               น.ส.ตรีชฎา ศรีธาดา รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่เกษตรกรเลี้ยงสุกรถูกโทรศัพท์ลึกลับขู่ฆ่าหลังออกมาเปิดโปงที่มาของหมูแพง เพราะเกิดโรคอหิวาต์แอฟริการะบาดในสุกรตั้งแต่ปี 2562  จนทำให้สุกรในฟาร์มตายไปหลายร้อยตัว สูญเงินไปกว่า 30 ล้านบาทว่า ถือเป็นการซ้ำเติมกระทืบซ้ำความเดือดร้อนเกษตรกร พรรคเพื่อไทยจะทำทุกวิถีทางที่จะออกมาปกป้องและช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรอย่างเต็มที่ หากหลักฐานไม่มัดแน่นจนความแตก รัฐบาลก็ไม่มีทางยอมรับถึงการพยายามปกปิดความจริง แต่จะยิ่งทำให้ประเทศและเกษตรกรไทยย่อยยับที่สุดในประวัติการณ์ วิธีแก้ของรัฐบาลชอบแก้ปลายเหตุทุกเรื่องทุกอย่าง พอเรื่องแดงก็ขายผ้าเอาหน้ารอด

               “หลายฝ่ายออกมายอมรับว่าคนไทยต้องกินเนื้อหมูแพงไปอีก แต่รัฐบาลไม่เคยแก้ ไข่ไก่แพง อาหารทะเลปรับขึ้น แพงทั้งแผ่นดินเกิดขึ้นจริงในยุคนายจุรินทร์ ผู้ที่เคยโจมตีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ประชาชนเดือดร้อนกันทั่วหน้า คงเหลือแต่นายทุนใหญ่ที่มีทุนและทรัพยากรที่จะอยู่รอดในรัฐบาลนี้ ทุกอย่างแพงหมด แต่ชีวิตคนไทยราคาถูกลงอย่างนั้นหรือ” น.ส.ตรีชฎากล่าว

ด้านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี  กล่าวถึงกรณีนายปลอดประสพโพสต์เฟซบุ๊กถึงโรคระบาดในหมู และแขวะอธิบดีกรมปศุสัตว์ว่าขอให้ระวังหมูกลายเป็นแพะ โดยระบุว่า เรื่องนี้นายกฯ เข้าใจดี เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานการทำงานให้ทราบมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2561 ที่เกิดโรคระบาดในจีน และเมื่อ  เม.ย.62 รัฐบาลได้ยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ ขณะเดียวกันนายกฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหา ได้เร่งแก้ไขปัญหาและได้พูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว

"ขอให้นายปลอดประสพดูภาพรวมด้วยว่านายกฯ และรัฐบาลได้ทำอะไร แก้ปัญหาอะไรไปบ้างแล้ว อย่าดูเพียงแค่บางส่วนแล้วก็เอามาโจมตีนายกฯ และรัฐบาล ซึ่งในสมัยรัฐบาลทักษิณก็มีเหตุการณ์ไข้หวัดนกระบาดในประเทศไทยติดต่อกัน 3 ปี และยังปิดข่าวไม่ให้ประชาชนรู้ว่ามีไข้หวัดนกระบาด กระทั่งมีผู้ป่วยเสียชีวิตเป็นศพแรกถึงค่อยมาดิ้นแก้ปัญหาสร้างภาพกินไก่โชว์" นายเสกสกลกล่าว

 เขากล่าวอีกว่า ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็มีของแพงเช่นกัน  ทั้งผัก ทั้งไข่แพงฟองละเกือบ 5 บาท และยังมาบอกอีกว่าของแพงคิดไปเอง ผ่านไป 1 ปียังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาเลย แบบนี้ไม่เห็นเอามาเปรียบเทียบหรือเอามาโวยวายบ้าง อายุมากแล้วให้แก่อย่างมีคุณค่า ไม่ใช่แก่กะโหลกกะลา อย่าให้เด็กๆ มาเรียกว่าอย่างหนาตราช้างเลย  ละอายใจกับความคิดตัวเองโดยย้อนไปดูรัฐบาลตัวเองในอดีตบ้าง" นายเสกสกลกล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง