สมช.ถกปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ร่างแผนแก้ปัญหา “อิ๊งค์” ห่วงนักท่องเที่ยวจีนยกเลิกทริป จ่อใช้เอไออัดคลิปภาษาจีนสยบข่าวลือเมืองไทยน่ากลัว ด้าน “จเร ตร.” บินประชุมชายแดนแม่สอดคุมเข้มพื้นที่ทันที "ตร.ไซเบอร์" รวบมือดีตัดต่อภาพ "ทักษิณ" และ "นายกฯ แพทองธาร" โพสต์สร้างข่าวปลอม
เมื่อวันที่ 17 ม.ค.2568 ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยว และมาตรการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน โดยมีนายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา, พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.), พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.), พล.ต.ท.ศักย์ศิรา เผือกอ่ำ ผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (ผบช.ทท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม
นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดประชุมตอนหนึ่งว่า นัดประชุมทุกหน่วยงานที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องของการท่องเที่ยว เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั่วโลก ตอนนี้เรามีเรื่องข่าวลือและการใช้ไอโอปั่นว่าประเทศไทยไม่ปลอดภัยสำหรับการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ได้ติดตามกับทาง ผบ.ตร. ทราบข้อมูลที่แท้จริง รวมถึงขั้นตอนทั้งหมด ฉะนั้นอยากให้ทุกฝ่ายมานั่งพูดคุยกัน เพื่อหาทางออกว่าจะสื่อสารกับทั้งโลกอย่างไร และประเทศไหนที่กังวลเป็นพิเศษ เราก็พร้อมที่จะพูดคุย และให้ความมั่นใจว่าถ้ามาประเทศของเราจะดูแลอย่างไรได้บ้าง
น.ส.แพทองธารยังแถลงภายหลังประชุมว่า ที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีข่าวเรื่องนักท่องเที่ยวจีนที่โดนจับตัว จึงเรียกประชุมว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง เพราะเราถูกปล่อยข่าวไม่จริง โดยใช้ไอโอและข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับเมืองไทยมาก ช่วงแรกจะมีข่าวที่บอกว่าเข้ามาเมืองไทยจะถูกลักพาตัว ซึ่งเป็นความกังวลใหญ่ของรัฐบาลและตำรวจ จึงมาพูดคุยกันและหาทางออกว่าต้องเตรียมเรื่องความมั่นคงให้เต็มที่ว่านักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยเราแล้วต้องปลอดภัย ซึ่งทางตำรวจท่องเที่ยวก็ดูแลเรื่องนี้อย่างเต็มที่
น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า ตอนนี้ยังไม่กระทบต่อตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามา แต่มีเรื่องการปล่อยข่าวออกไปจะกระทบต่อคนที่กำลังจะมาในการตัดสินใจยกเลิกทริป แต่คนที่เคยมาอยู่แล้วหรือมาทุกๆ ปีก็ยังไม่หายไป จึงต้องสื่อสารกับกลุ่มที่ตัดสินใจจากข่าวที่เกิดขึ้น ซึ่งทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาหาตัวเลขมาว่าความจริงแล้วคนที่ยังไม่เคยมาเมืองไทย แล้วได้ข่าวปลอมพวกนั้น ทำให้เขากลัว ฉะนั้นเราจึงต้องเตรียมเรื่องการสื่อสาร
"ดิฉันเองจะอัดคลิปโดยใช้ AI ช่วยพูดภาษาจีน เพราะดิฉันพูดภาษาจีนไม่ได้ เพราะคอนเทนต์ที่พูดเป็นภาษาไทยและมีการแปลเป็นภาษาจีนอยู่ข้างล่าง ไม่ได้ผลดีเท่ากับคนที่พูดภาษานั้นๆ โดยเฉพาะของจีน โดยวันนี้จะมีการอัดคลิปเพื่อสื่อสารกับคนจีนว่าเราเตรียมความพร้อม ประเทศไทยมีความพร้อมในการรับนักท่องเที่ยว ตำรวจพร้อมดูแล กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดสิ่งอำนวยความสะดวก มีเรื่องการรักษาความปลอดภัย คือถ้ามาเมืองไทยสะดวกแน่นอน เพราะแน่นอนว่าการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักของประเทศ ไม่อยากให้ตรงนี้กระทบกระเทือน ซึ่งสัปดาห์หน้าดิฉันจะเดินทางไปภารกิจต่างประเทศ จึงต้องเร่งทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้น โดยหลังจากนี้จะขึ้นไปอัดคลิปเลย" นายกฯ กล่าว
นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า ตลาดนักท่องเที่ยวจีน ตอนนี้ทั้ง 5 สำนักงาน ททท.ในจีนทำการบ้านอย่างหนัก ตามที่นายกรัฐมนตรีได้เรียนไปว่า การยกเลิกของนักท่องเที่ยวส่วนมากมาจากตลาดนักท่องเที่ยวที่ไม่เคยมาไทยมาก่อน เป็นการท่องเที่ยวจากเมืองรองของจีน ส่วนการจองเข้ามาของนักท่องเที่ยวที่เคยมาอยู่แล้ว และเป็นกลุ่มครอบครัว เพื่อนกัน หรือมาเที่ยวด้วยตัวเองไม่ได้ถูกยกเลิก จากตัวเลขที่ได้รับรายงานล่าสุด วันที่ 15-16 ม.ค.ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยวันละกว่า 20,000 คน จากปกติเฉลี่ยวันละ 16,000-17,000 คน ก็ไม่ได้ลดลง แต่ที่นายกฯ เรียกประชุมเพราะกลัวสถานการณ์จะบานปลายจนกระทบกับการท่องเที่ยว โดยส่วนตัวกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้มอนิเตอร์ตลอดเวลา โดยภาพรวมทุกประเทศวันที่ 1-16 ม.ค.2568 มีจำนวน 1.7 ล้านคน สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเกือบ 20%
“ก่อนตรุษจีนที่จะถึงนี้ ได้ประสานไปยังสถานทูตจีนและพูดคุยกันมาโดยตลอด ขอเน้นย้ำอีกทีว่า แต่ละกรณีที่ผ่านมา ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติและตำรวจท่องเที่ยวได้มีการติดตามตัวผู้ที่ได้รับผลกระทบที่ผ่านมา ไม่ใช่นักท่องเที่ยว มีการหลอกมาทำงาน ซึ่งประเทศไทยเป็นทางผ่าน ไม่ใช่มาเที่ยวประเทศไทยแล้วถูกหลอกหรือถูกจับตัว เป็นการถูกหลอกมาทำงานทั้งสิ้น ไม่ใช่นักท่องเที่ยวเลย นายกฯ ก็ได้เน้นย้ำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารบก ให้ดูแลพื้นที่และด่านธรรมชาติต่างๆ การเข้า-ออกในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะ จ.ตาก ให้เข้มงวด รวมไปทั้ง ตม.ตำรวจตระเวนชายแดนด้วย” นายสรวงศ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายค้านได้วิจารณ์ว่าไทยต้องการเป็นฮับของอาเซียน แต่ตอนนี้กลายเป็นฮับของอาชญากรรมข้ามชาติไปแล้ว นายสรวงศ์กล่าวว่า ขอพูดคำเดิม เอาที่สบายใจ สิ่งต่างๆ ที่พูดออกมาเป็นผลกระทบต่อประเทศชาติทั้งนั้น ถ้าเราตัดมุมมองทางการเมืองออกไป ทุกคนโดยเฉพาะสื่อมวลชน หรือคนที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล จริงๆ แล้วเรื่องการสร้างภาพลักษณ์ของประเทศให้เกิดความมั่นใจทุกคนควรให้ความร่วมมือ
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ว่าที่ประชุมได้รายงานสถานการณ์ทั่วไปของภูมิภาค ซึ่งเป็นวาระปกติที่ต้องรายงานตลอด เนื่องจากสภาพสถานการณ์ทางการเมือง และสถานการณ์ต่างๆ ทุกวันนี้เปลี่ยนแปลงไป ซึ่งเราต้องเร่งดำเนินการปรับตัวเองในวิธีการทำงาน ให้ทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะเดียวกัน มีการหารือถึงสถานการณ์จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องจากที่เคยได้มอบหมายให้ สมช.ไปดำเนินการหาข้อสรุป โดยตนได้มอบ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ อดีตเลขาฯ สมช. ในฐานะที่ปรึกษา ร่วมพูดคุยด้วย ก็ได้ข้อสรุปมารายงานต่อที่ประชุมให้ทราบ ซึ่งมีข้อสังเกตมากพอสมควร พร้อมย้ำว่า ต้องมีการทบทวนให้รู้ทั้งตัวเราเอง และสถานการณ์ภายนอก ซึ่ง สมช.จะต้องสรุปผลจากการหารือทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยต่างๆ สรุปให้เกิดความชัดเจนเพื่อกลับเข้าสู่ที่ประชุมในครั้งถัดไป
นายภูมิธรรมกล่าวด้วยว่า ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงสถานการณ์ในเมียนมา ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับชายแดนไทย โดยเฉพาะเรื่องชนกลุ่มน้อย ซึ่งภายในประเทศเขามีเรื่องต่างๆ เกิดขึ้น แต่เราจะดำเนินการเฉพาะส่วนที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทยเท่านั้น โดยมีการเสนอโครงสร้างแผนการดำเนินการเข้ามาให้ที่ประชุมได้พิจารณา ซึ่งต้องระมัดระวังไม่ให้เข้าไปแทรกแซงกิจการภายในของเขา ทั้งการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นหรือแนวทางการแก้ปัญหา ซึ่งเราเป็นประเทศที่อยู่ติดกับเมียนมามากที่สุด จึงต้องระมัดระวังท่าที และช่วยอำนวยให้ประเทศต่างๆ ได้พูดคุยกับเมียนมาด้วย เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เกิดความชัดเจน ซึ่งได้มีการอนุมัติลงมติเห็นชอบกับแนวทางที่ปฏิบัติ ที่จะยืนอยู่ในจุดที่เป็นฝ่ายเอื้ออำนวยในการพูดคุยกันเพื่อให้เกิดความสงบ และเกิดแนวทางสู่ประชาธิปไตยให้ได้มากที่สุด
นายภูมิธรรมย้ำด้วยว่า เราต้องคำนึงถึงชายแดนไทย-เมียนมา ที่ยังมีปัญหาหลายจุดในเรื่องภัยความมั่นคง ทั้งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด และการค้ามนุษย์ ตนได้กำชับว่าต้องให้ความสำคัญเรื่องนี้เป็นพิเศษ คือสนับสนุนให้เมียนมาเป็นประเทศที่มีความสงบสุข เกิดประชาธิปไตยให้เป็นที่ยอมรับ โดยเราเป็นฝ่ายเอื้ออำนวยให้เกิดการประชุมกัน และให้มีการหารือให้มีแนวทางที่ชัดเจนในการปกป้องอธิปไตยบนพื้นที่ของเรา เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่จะเป็นภัยพิบัติต่อความมั่นคง ส่วนแนวทางการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้เป็นรูปธรรมนั้น อยู่ในกระบวนการที่กำลังคุยกันอยู่ ซึ่งเมื่อมาอยู่ร่วมกันแล้ว มีการเปลี่ยนแปลงมามากพอสมควรแล้ว เราก็รู้สึกว่าอยากทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสรุปเรื่องราวต่างๆ ให้ชัดเจน โดยเน้นย้ำว่าการพูดคุยจะต้องเป็นวาระสม่ำเสมอ ไม่ใช่รอเป็นเดือนเป็นปี ซึ่งตนพยายามให้ฝ่ายนโยบายและฝ่ายปฏิบัติพูดคุยกันให้มากขึ้น เพื่อเข้าใจปัญหาและความคิดของแต่ละฝ่าย เพื่อเร่งบูรณาการงานร่วมกันได้ เพราะที่ผ่านมาบูรณาการเป็นเพียงการเอาข้อมูลมาทำงานร่วมกัน ซึ่งไม่ใช่การแก้ไขปัญหา
เมื่อถามว่า นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึงการประชุม สมช.มีเรื่องการผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศจีนด้วยว่า “คุณกัณวีร์รู้ว่าเราจะประชุมเรื่องนี้กันได้อย่างไร” ก่อนกล่าวยอมรับว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา มีการแสดงท่าทีของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ฯ และมีการเล่าให้ฟังในที่ประชุม แต่ก็ควรจะดูเรื่องข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องว่าควรจะทำอย่างไรให้ถูกกฎหมาย และไม่ให้เกิดปัญหากับประเทศไทยและนานาประเทศ พร้อมกับมอบหมายให้ไปดูว่าถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจะดำเนินการอย่างไร แต่ยอมรับว่าในอดีตเคยมีการผลักดันออกนอกประเทศ แต่ในระยะอันใกล้นี้ยังไม่มี พร้อมกับปฏิเสธข่าวที่ระบุว่าจะมีการผลักดันชาวอุยกูร์กลับประเทศในวันที่ 20 มกราคมนี้
สำหรับการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ของนายกรัฐมนตรีนั้น ตนในฐานะที่ดูแล กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า และ สมช. ได้มองเห็นอะไรในหลายๆ มิติ ซึ่งตนจะนำมาสะท้อนต่อที่ประชุม สมช.วันนี้ ซึ่งสอดรับกับคำสั่งการของตน ที่อาจจะต้องมานั่งคิดใหม่ว่า 20 ปีที่ผ่านมา กระบวนการแก้ไขปัญหาชายแดนใต้มีอะไรที่ถูกหรือผิดบ้าง เพื่อที่จะสามารถกำหนดอะไรใหม่ๆ ได้มากขึ้น ซึ่งช่วงสิ้นเดือน ม.ค.นี้ จะมีการพูดคุยกันอีกครั้ง หลังจากที่ให้การบ้านไปศึกษาทำความเข้าใจ และในช่วงที่ลงพื้นที่กับนายกฯ เมื่อวันที่ 16 ม.ค. ก็ได้มีการพูดคุยกับ พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งจะเป็นข้อมูลพื้นฐานเบื้องต้น ในการตัดสินใจว่าจะจัดการเรื่องราวต่างๆ ในภาคใต้อย่างไร เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์
ขณะที่กระบวนการพูดคุยสันติสุขชายแดนใต้จะเดินหน้าต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับยุทธศาสตร์ที่จะกำหนดหลังจากนี้ ถ้ามีการกำหนดยุทธศาสตร์ใหม่ จะต้องมีการหาคณะทำงานให้สอดรับกัน ซึ่งตนก็มีคำถามว่าการเจรจาของทางฝั่งคู่เจรจามีอำนาจเต็มจริงๆ หรือเปล่า เพราะระหว่างพูดคุย ความรุนแรงก็ยังเกิดขึ้นอยู่เสมอ เพราะฉะนั้นหากเราจะพูดคุยกัน ก็ต้องพยายามยุติความรุนแรง เวลานี้ฝ่ายทหารไม่ได้ไปรุกทำร้ายอะไร เพียงแต่เรารักษาสถานการณ์เพื่อป้องกันเหตุร้ายที่จะเกิดขึ้น ถ้าหากการเจรจาเดินหน้าไป แต่เหตุร้ายก็ยังเกิดขึ้น สำหรับความเห็นของตนตอนนี้ถ้าเป็นเช่นนั้นประโยชน์ถือว่าน้อย ขอย้ำว่า ขณะนี้ตนจะยังไม่พิจารณาอนุมัติอะไร จนกว่าจะมียุทธศาสตร์ให้ได้เสียก่อน
เมื่อถามว่า การที่ระบุว่า 20 ปีไม่มีอะไรคืบหน้า จำเป็นจะต้องมีการสังคายนาหน่วยงานที่ดูแลในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ที่ตนพูดอาจจะรวบรัดเกินไป ไม่มีความคืบหน้า หมายความว่าโดยภาพรวมเหตุก็ยังเกิดไม่สามารถยุติได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกหน่วยงานมีปัญหา ส่วนหน่วยงานใดจะมีปัญหาบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับการทบทวน ว่าการบูรณาการทำได้จริงหรือไม่ แต่ละหน่วยทำงานเหมาะสมหรือสอดรับกันหรือไม่ พร้อมย้ำว่า ต้องทบทวนทั้งหมด อย่าเพิ่งไปดูว่าเรากำลังตำหนิหน่วยงานใด
พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (จตช./ผอ.ศพดส.ตร.) เป็นประธานการประชุมป้องกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ณ ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก อ.แม่สอด จ.ตาก โดยมีนายชูขีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก, พล.ต.ท.กิติศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6, พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี, พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว , พ.ต.อ.ทรงกลด เกริกกฤตยา รองผู้บังคับการอำนวยการ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล รักษาราชการแทนผู้บังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ พร้อมด้วย นายสวนิต สุริยกุล ณ อยุธยา รองผู้ว่าราชการจังหวัดตาก นายอำเภอ ผู้กำกับการ สภ.ต่างๆ เจ้าหน้าที่ทหาร และผู้แทนหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุม ณ ห้องประชุม ชั้น 5 ด่านตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดตาก อ.แม่สอด
โดยระบุว่า เป็นการประชุมร่วมกันเพื่อวางแนวทางมาตรการในการดูแลนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก และหารือแนวทางการปฏิบัติในการป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และการสกัดกั้นคนต่างชาติลักลอบเข้าเมือง ว่าจะควบคุมกํากับดูแลอย่างไร ตั้งแต่การเข้ามาในพื้นที่บริเวณขอบ อ.แม่สอด จนกระทั่งเข้าสู่แนวชายแดน รวมทั้งบริเวณพื้นที่ภายในทั้งหมด โดยมาตรการจะเริ่มต้นตั้งแต่ด่านต่างๆ ที่ประชาชนจะเข้ามาในพื้นที่ อ.แม่สอด จะต้องมีการตรวจสอบซักถามนักท่องเที่ยวทุกคนที่เดินทางเข้ามา ว่าเดินทางเข้ามามีแผนการท่องเที่ยวอย่างไร มีใครเป็นคนพามา และพักที่ไหน เป็นต้น จากนั้นจะมีการบันทึกไว้ในระบบเพื่อนําไปสู่การตรวจสอบในภายหลัง หากพบว่ามีความไม่ชัดเจนเกี่ยวเรื่องแผนการท่องเที่ยวต่างๆ ก็จะมีการติดต่อสถานทูต และจะมีการดําเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป การควบคุมการดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวมีความสําคัญเป็นอย่างยิ่ง คาดว่ามาตรการดังกล่าวน่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ได้ และจากนี้จะมีการประเมินผลการปฏิบัติทุกเดือน ซึ่งนอกจากจะป้องกันปราบปรามอาชญากรรม แก๊งคอลเซ็นเตอร์แล้ว ยังเป็นการรักษาภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย เพื่อให้นักท่องเที่ยวมั่นใจว่ามาเที่ยวเมืองไทยปลอดภัยตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีอีกด้วย
นอกจากนี้ พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวว่า กรณีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่มีการแจ้งความว่าหายตัวไปหรือติดต่อไม่ได้นั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมีการสืบสวนขยายผลทุกกรณี ในกรณีชาวจีนเช่นกัน ได้มีการพูดคุยกับทางสถานทูตจีน โดยเสนอว่า เมื่อพบนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไปในพื้นที่ อ.แม่สอด ไทยจะมีการประสานกับไปทางสถานทูต เพื่อให้สถานทูตช่วยตรวจสอบอีกครั้ง ซึ่งแนวทางนี้ทางสถานทูตก็เห็นด้วย อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วตำรวจไทยมีการประสานทํางานร่วมกับสถานทูตต่างๆ อยู่แล้ว ในการช่วยเหลือติดตามในกรณีที่เกี่ยวข้องกับคนของชาตินั้นๆ สำหรับกรณีนายแบบจีนนั้น จากการตรวจสอบล่าสุดกับทางสถานทูตจีน ได้รับการยืนยันว่าขณะนี้นายแบบดังกล่าวกลับประเทศจีนโดยปลอดภัยแล้ว
วันเดียวกัน พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง นำกำลังพร้อมหมายค้น ศาลอาญาที่ 9/2568 ลงวันที่ 16 ม.ค.68 เข้าตรวจค้นหอพัก ต.ท่าทราย อ.เมืองสมุทรสาคร จ.สมุทรสาคร ก่อนจับกุมนายนิรุติ อายุ 51 ปี ยึดของกลางโทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง, เครื่องแท็บเล็ต จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งได้ลงชื่อเข้าใช้บัญชีแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ที่มีการตัดต่อ ดัดแปลง และเผยแพร่ภาพถ่ายนายทักษิณ ชินวัตร ค้างอยู่ จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นของกลาง
สืบเนื่องจากฝ่ายกฎหมายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ตรวจพบบัญชีผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ แพลตฟอร์มเฟซบุ๊กที่ปรากฏภาพถ่ายนายทักษิณ ชินวัตร, น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และบุคคลผู้มีชื่อเสียงหลายคน ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ โดยบางภาพถูกตัดต่อ ดัดแปลง ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ และพิมพ์ข้อความโดยรู้อยู่แล้วว่าไม่เป็นความจริง เพิ่มเติมลงในภาพดังกล่าว มีเจตนาทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังและได้รับความอับอาย และยังนำภาพที่ถูกตัดต่อดัดแปลงเหล่านั้นไปโพสต์ให้แพร่หลายผ่านแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ที่เปิดแพร่หลายเป็นสาธารณะ บุคคลทั่วไปสามารถเข้าถึงได้และให้มีการแชร์ส่งต่อๆ กันไป โพสต์ซ้ำหลายครั้งต่อเนื่องเรื่อยมา ประชาชนทั่วไปผู้พบเห็นเกิดความเข้าใจผิด สร้างความเกลียดชัง เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย นายทักษิณจึงได้มอบอำนาจให้ทนายความ นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ขอให้ดำเนินคดีกับเพจเฟซบุ๊กนี้
ต่อมา ชุดสืบสวนได้ทำการตรวจสอบจนทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือนายนิรุติ จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นและตรวจสอบ โดยจากการตรวจสอบภายในห้องพัก ปรากฏภาพของกลุ่มการเมืองแปะอยู่ตามผนังห้อง อีกทั้งพบหลักฐานเป็นภาพตัดต่อใส่ร้ายข้อความอันเป็นเท็จจำนวนมากในคอมพิวเตอร์ จึงทำการจับกุม สอบสวนนายนิรุติ รับสารภาพว่าเป็นเจ้าของเพจเฟซบุ๊กลมเปลี่ยนทิศ ที่มีการตัดต่อดัดแปลงภาพของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และบุคคลผู้มีชื่อเสียงทางการเมืองในอดีตอีกหลายคนจริง โดยเป็นผู้ลงมือตัดต่อ ดัดแปลง และโพสต์ภาพด้วยตนเอง ผ่านโทรศัพท์มือถือและเครื่องแท็บเล็ตของกลาง และยังเป็นเจ้าของบัญชีผู้ใช้งานแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์อีกหลายแพลตฟอร์มที่มีการโพสต์ภาพในลักษณะนี้
เบื้องต้นจึงแจ้งข้อหานําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่นและภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติม หรือดัดแปลง ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทําให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท” มาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พท.ขอลดเวลาซักฟอกแค่2วัน
“รังสิมันต์” ยังอุบไต๋เชือดรัฐมนตรีกี่ราย แต่มั่นใจเป็นเรื่องของกรรม บอก 5 วันไม่มากไป
‘กาสิโน’ต้องฟังปชช. กฤษฎีกาคลอดร่างกม.ให้ทำได้ยากขึ้น/ม็อบขู่จัดทัพลงถนน
เร่งเดินหน้าเปิด "กาสิโน" กฤษฎีการับลูกติดสปีดทำคลอดร่าง พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ
โจ๊กลุ้นกก.วินัย 20ก.พ.ชี้ชะตา! บี้‘สุชาติ’ไขก๊อก
"บิ๊กหวาน" เตรียมนัดประชุมสรุปผลสอบวินัยร้ายแรง "บิ๊กโจ๊ก" หลังครบกำหนด 270
ครม.ทุ่มงบหนุนภาคใต้ NGOห้ามเอื้อทุนผูกขาด
นายกฯ ร่อนภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ชาวบ้านต้อนรับมาให้กำลังใจลูกสาวทักษิณ
กห.ยันทำงานร่วม3ปท. เตือนไทยสูญเสียอิสระ
"หลิว จงอี้" เข้าพื้นที่เมียวดีพบเหยื่อชาวจีนและต่างชาติที่ศูนย์บัญชาการ BGF กว่า 900 คน
โต้ปปช.กวาดบ้านก่อนสอย112
“ไหม” บอกรู้สึกชิลๆ ปม ป.ป.ช.เรียกรับทราบข้อกล่าวหาปมแก้มาตรา 112