เลือกตั้งสจ.ใหม่4เขต กกต.ชี้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์แง้มบัตรเขย่ง5แห่งรอจว.ชงมา

“แสวง” เผยยอดใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.  58.45% เตรียมเลือก ส.อบจ.ใหม่ 4 เขตใน 4 จังหวัด เหตุได้คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ ลั่นตัดสินใจไม่ผิดเลือกวันเสาร์ แง้มบัตรเขย่ง 5 แห่ง รอจังหวัดเสนอนับใหม่-หย่อนบัตรใหม่ “สว.” ชง 6 ข้อเสนอปรับรูปแบบเลือกตั้งรับเทศบาล “อุ๊งอิ๊ง” รับพอใจผลงานภาพรวม ถอดดีเอ็นเอ “ทักษิณ” มาเป๊ะ บอกชัดจังหวัดที่แพ้ "อาจไม่ได้มากเท่าที่ควรกับที่ได้ตำแหน่ง” ด้าน “จตุพร-สมชัย” แนะถอดบทเรียน ชี้เลือกตั้งท้องถิ่นไม่เหมือนระดับชาติ “กล้าธรรม”  ประชุมใหญ่ได้หัวหน้าคนเดิม

เมื่อวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงสรุปภาพรวมการเลือกตั้งนายกและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เมื่อวันเสาร์ที่ 1 ก.พ.ว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.มีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 27,991,587 คน ผู้มาใช้สิทธิ์ 16,362,185 คน คิดเป็น 58.45% ลดลงจากการเลือกตั้ง อบจ.ปี 2563 ประมาณ 4% โดยเป็นบัตรดี 14,272,694 ใบ คิดเป็น 87.23% บัตรเสีย 931,290 ใบ คิดเป็น 5.69% เกือบเท่ากับปี 2563 ที่มีบัตรเสียอยู่ที่ 5.63% และบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,158,201 ใบ คิดเป็น 7.08% ขณะที่ภาพรวมผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิก อบจ. 47,124,842 คน มีผู้มาใช้สิทธิ์ 26,418,754 คน คิดเป็น 56.06% เป็นบัตรดี 23,131,324 ใบ คิดเป็น 87.56% บัตรเสีย 1,488,086 ใบ คิดเป็น 5.63% และบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด 1,799,344 ใบ คิดเป็น 6.81%

 “จากข้อมูลที่เห็นว่ามีผู้ออกมาใช้สิทธิ์น้อย ไม่ได้ตามเป้าเพราะจัดการเลือกตั้งวันเสาร์นั้น เรื่องนี้เคยชี้แจงว่ามีข้อจำกัดทางข้อกฎหมายที่ต้องเลือกภายใน 45 วัน สะท้อนว่าสิ่งที่เราได้ตัดสินใจนั้นถูกต้อง การกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันเสาร์ไม่ได้กระทบต่อการเลือกตั้งที่สุจริตและเที่ยงธรรม เพราะผู้สมัครทุกคนแข่งขันขันอย่างเท่าเทียมภายใต้กติกาเดียวกัน อีกทั้งจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิ์น้อยกว่าการจัดเลือกตั้งปี 2563 เพียง 4%” นายแสวงกล่าวและว่า บัตรเสียไม่ต่างจากปี 2563 โดยบัตรเสียจากการเลือกนายก ถือว่าเท่ากับปี 2563 ขณะที่บัตรเสียจากการเลือกสมาชิก อบจ.ดีกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว

“บัตรไม่เลือกผู้ใดนั้น กกต.ไปตอบแทนประชาชนไม่ได้ แต่ช่องนี้น่าจะเป็นการแสดงความรู้สึกของประชาชนต่อผู้สมัครในเขตนั้นๆ ซึ่งครั้งนี้สมาชิก ส.อบจ.ไม่ผ่านเกณฑ์คะแนนตามที่กฎหมายกำหนด 3 เขต คือได้คะแนนเสียงไม่มากกว่าคะแนนที่ไม่เลือกผู้ใด ประกอบด้วย สุพรรณบุรี  อำเภอเมืองสุพรรณบุรี เขตเลือกตั้งที่ 1, ตรัง อำเภอเมืองตรัง เขตเลือกตั้งที่ 2 และชุมพร อำเภอสวี เขตเลือกตั้งที่ 4  และอีก 1 เขตที่ไม่มีผู้สมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากผู้สมัครถูกตัดสิทธิ์ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง คือชัยนาท อำเภอวัดสิงห์  เขตเลือกตั้งที่ 1 ดังนั้นทั้ง 4 จังหวัดนี้ต้องเลือกตั้งใหม่ นอกจากนี้ยังพบว่า มี 4-5 จังหวัดที่พบจำนวนบัตรกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิ์ไม่ตรงกัน ซึ่งตรงนี้จังหวัดต้องพิจารณาและเสนอมาที่ กกต.ว่าสมควรให้นับคะแนนใหม่ หรือลงคะแนนเลือกตั้งใหม่” นายแสวงกล่าว

ถามถึงกรณีพรรคประชาชน (ปชน.) เสนอให้นับคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.ที่จังหวัดเชียงใหม่และสมุทรปราการ เนื่องจากมีจำนวนบัตรเสียเยอะ นายแสวงกล่าวว่า เรื่องนับคะแนนใหม่นั้นมีหลักเกณฑ์อยู่ เช่น ระหว่างนับคะแนนมีการทักท้วงและมีการทำบันทึกไว้หรือไม่ ซึ่งต้องไปพิจารณาว่าเข้าหลักเกณฑ์นั้นหรือไม่ ส่วนเรื่องทุจริตการเลือกตั้งนั้นอยู่ระหว่างดำเนินการของสำนักงาน โดยล่าสุดมีเรื่องร้องเรียน 180 เรื่อง

ด้าน น.ส.นันทนา นันทวโรภาส สว.ในฐานะโฆษกคณะอนุกรรมาธิการ การพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน ใน กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ กล่าวถึงการเลือกตั้ง อบจ.ว่า เป็นการจัดการเลือกตั้งที่สะท้อนความถดถอยทางประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่ง เพราะพบปัญหาหลายประเด็น เช่น ผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าเป้าหมาย เพราะการเลือกตั้งที่ตรงกับวันเสาร์นั้นส่งผลให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยลง ขณะเดียวกันก็พบว่ามีบัตรเสีย 5.69% หรือ 931,290 ใบ ถือว่าเยอะ เพราะตอนกรมการปกครองจัดการเลือกตั้งจะกำหนดให้มีบัตรเสียไม่เกิน 3% หรือบางจังหวัดมีบัตรเสีย 6-7% รวมทั้งการรายงานผลการเลือกตั้งของ กกต.ที่ล่าช้า และกรณีเสียงเล่าลือว่ามีการซื้อเสียงกัน

น.ส.นันทนากล่าวว่า อนุ กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ มีแนวทางที่ขอนำเสนอเพื่อแก้ไขปัญหา คือ 1.นายก อบจ.ที่ลาออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระ 90 วัน จะไม่สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ในสมัยถัดมา 2.กกต.ต้องกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันอาทิตย์ 3.กกต.ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้า 4.กกต.ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งแบบออนไลน์ หรือแบบไปรษณีย์ 5.กรณีที่มีบัตรเสียมากกว่าช่องห่างระหว่างผู้สมัครที่ได้อันดับ 1 กับอันดับ 2 ควรมีอำนาจเปิดหีบนับคะแนนใหม่ และ 6.กกต.ต้องตรวจสอบการซื้อเสียง และดำเนินการเอาผิดอย่างรวดเร็วเข้มข้น ซึ่งข้อเสนอนี้ กกต.สามารถสรุปบทเรียนเพื่อเตรียมจัดการเลือกตั้งเทศบาลต่อไปได้

สำหรับความเคลื่อนไหวของส่วนกลางนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงภาพรวมผลการเลือกตั้ง อบจ.ว่า ถือว่าพอใจ เพราะจริงๆ เห็นมาตั้งแต่แรกๆ ที่การเลือกตั้งกำหนด ทุกคนก็ลุยและช่วยกันเต็มที่ ซึ่งเกิดการเลือกตั้งทุกครั้ง สส.หรือทุกคนในพรรคมีบทเรียนจากการเลือกตั้งทุกครั้ง ประชาชนก็เช่นกัน การเลือกตั้งผ่านไปกี่ครั้งก็ได้เรียนรู้อะไรมากขึ้นเยอะ และเป็นเทรนด์ของการเลือกตั้งนั้นๆ ด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถือว่าเป็นไปตามเป้าหรือไม่ ได้ 10 จังหวัดจาก 16 จังหวัด น.ส.แพทองธารกล่าวว่า ถือว่าดีเลย จริงๆ อยากได้ทั้งหมด แต่ได้แค่นี้ก็ถือว่าดีมากๆ แล้ว

อิ๊งค์ถอดดีเอ็นเอทักษิณ

เมื่อถามว่า จะนำไปวิเคราะห์หรือไม่จากสนามท้องถิ่นนี้ เพราะอีกไม่นานจะเกิดการเลือกตั้งสนามใหญ่ระดับประเทศ และจะต้องปรับอย่างไร น.ส.แพทองธารกล่าวว่า การเลือกตั้งไม่ว่าจะเป็นระดับท้องถิ่นหรือระดับประเทศยังไงก็สำคัญอยู่แล้ว เพราะต้องทำงานช่วยเหลือประชาชนเช่นกัน ฉะนั้นการเลือกตั้งที่เกิดครั้งนี้ต้องดูด้วยว่า ถ้าได้เราต้องวิเคราะห์เช่นกันว่าได้มาเพราะอะไร และทำอะไรไปบ้าง ไม่ได้เพราะอะไร แพ้เพราะอะไร มันต้องถูกวิเคราะห์ในทุกจังหวัดอยู่แล้ว ซึ่งจริงๆ ตั้งแต่ผลการเลือกตั้งออกทุกคนก็วิเคราะห์ร่วมกันอยู่แล้ว เดี๋ยวจะเข้าพรรคก็ต้องคุยกับ สส.ด้วย

เมื่อถามถึง จ.เชียงรายกับลำพูนที่ตั้งเป้าไว้รอบนี้แพ้ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า เสียดายไม่ได้ ก็อยากได้ และอยากให้ได้ทุกพื้นที่ เพราะจะได้ช่วยเหลือทำงานกับประชาชน แน่นอนที่บอกไปแล้ว ที่ไม่ได้อย่างไรก็ต้องทำงานให้พี่น้องประชาชนอยู่ อาจไม่ได้มากเท่าที่ควรกับที่ได้ตำแหน่ง แต่ก็ยังทำพื้นที่อยู่ ไม่ให้ขาดตรงนี้

เมื่อถามว่า ได้คุยกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงบ้างหรือยัง ต้องมีการปรับกลยุทธ์อะไรเพื่อเตรียมสนามใหญ่ต่อไป น.ส.แพทองธารกล่าวว่า คุยทุกวันกับผู้ช่วยหาเสียง ตอนนี้ไปมาเลเซีย

ถามว่า ผู้ช่วยหาเสียงแฮปปี้หรือไม่กับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า แน่นอน เขาไม่ได้หาเสียงอย่างนี้มา 17-18 ปีแล้ว จริงๆ เป็นสิ่งที่เคยทำอยู่แล้วในอดีต แต่เป็นอดีตที่ไกลเหมือนกัน กลับมาทำแบบนี้ จริงๆ ยังเป็นห่วงเวลาไปหลายๆ เวทีเพราะอายุเยอะ แต่ท่านก็ทำเต็มที่ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง ถือว่าคุ้มสตางค์ที่จ่ายที่ได้

เมื่อถามว่า การปราศรัยแนวดุเดือดต้องนำมาปรับหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า มันเป็นช่วงเวลา ซึ่งช่วงแรกที่ท่านลงพื้นที่หาเสียงต้องการจะอธิบายอะไรให้ประชาชนเข้าใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเข้าใจในขั้นแรกแล้ว ครั้งต่อไปถ้ามันไม่ได้มีประเด็นอะไรที่มันร้อนหรือต้องหาเสียงดุเดือด ก็ต้องเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ ไม่ได้เป็นคาแรกเตอร์นั้นๆ ไปเลย

นายสงวน พงษ์มณี อดีต สส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย กล่าวกับไทยโพสต์ทีวีออนไลน์ถึงการเลือกตั้ง อบจ.ลำพูนว่า พรรค พท.ได้คะแนน 103,000 เสียง แต่หากย้อนกลับไปดูการเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2566 คะแนนบัญชีรายชื่อของพรรคอยู่ที่กว่า 102,000 เสียง ดังนั้นปีนี้พรรคได้คะแนนมากกว่าที่เคยได้ในปี 2566 ด้วยซ้ำไป

 “ถ้าคุณบอกว่าพรรคเราแย่แล้ว ผมตอบว่าไม่แย่  เพราะคะแนนเราเท่าเดิม ไม่ได้มากขึ้น ผมแปลกใจเวลาพูดถึงคะแนน ทำไมไม่มีใครย้อนดูคะแนนปี 2566 ของเรามากกว่าเดิมแต่ไม่ชนะ เพราะไม่มากพอที่จะชนะเท่านั้นเอง และถ้าบอกว่าส้มกินจนแดงน้อยลง ผมว่าไม่ใช่ เพราะแดงไม่ได้น้อยลง แดงยังเท่าเดิม แต่ได้ไม่มากกว่าพรรคประชาชน โดยคะแนนส่วนตัวผู้สมัครของฝั่งเราหายไป”

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน พร้อมด้วยนายวีระเดช ภู่พิสิฐ ว่าที่นายก อบจ.ลำพูน นำคณะลงพื้นที่ขอบคุณประชาชนจังหวัดลำพูนตั้งแต่ช่วงเช้า โดยนายณัฐพงษ์กล่าวว่า เราพร้อมพัฒนาจังหวัดลำพูน เราจะวางแผนร่วมงานกันตั้งแต่วันแรก ถึงแม้ กกต.ยังไม่ได้รับรอง และภายในช่วง 1-2 เดือนนี้ จะนำทีมงานจากพรรค ปชน.รวมถึงองค์ความรู้จากคณะก้าวหน้ามาที่ลำพูน

ชี้บทเรียนเลือกตั้งท้องถิ่น

ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ เฟซบุ๊กแสดงความยินดีเบื้องต้นกับทีมงาน ผู้ชนะการเลือกตั้งนายก อบจ.เชียงราย ที่แวะมาสวัสดีปีใหม่และตรุษจีนที่กระทรวงมหาดไทย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์ว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.เป็นเรื่องการพัฒนาพื้นที่แต่ละแห่งเป็นหลัก ส่วนเลือกตั้ง สส.เป็นเรื่องระดับชาติ ซึ่งกระแสการเมืองจะมีส่วนช่วยหนุนเสริมคะแนนเสียงได้มาก พรรคที่ชนะระดับชาติไม่ได้เป็นสิ่งค้ำประกันว่าจะชนะในระดับท้องถิ่นด้วย เพราะการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นมีเจตนารมณ์ต้องการให้ท้องถิ่นไปจัดการตนเอง โดยรัฐบาลยุ่งเกี่ยวด้วยน้อยที่สุด เมื่อพรรคการเมืองส่งผู้สมัครในนามพรรคและส่วนใหญ่แพ้กลุ่มการเมืองท้องถิ่น ย่อมเป็นบทเรียนสำคัญ เพราะต่อไปจะถึงการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีและนายก อบต. ซึ่งมีพื้นที่เลือกตั้งเล็กลงมาก ดังนั้นงานการเมืองจึงต้องอาศัยบทเรียน และทักษะการจัดการพื้นที่จึงจะมีโอกาสชนะ

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ที่ออกมาเช่นนี้ ทำให้เครดิตของนายทักษิณที่มีต่อฝ่ายอนุรักษนิยม ที่ต้องการให้นายทักษิณเป็นตัวแทนสู้กับพรรคประชาชน  และนายทักษิณเองก็ต้องการได้ใบอนุญาตเพื่อไปต่อทางการเมือง หวังกลับมาเป็นนายกฯ อีกครั้งหนึ่งย่อมถดถอยลง ซึ่งรับรู้ได้จากผลการเลือกตั้งนายก อบจ.ครั้งนี้ ว่านายทักษิณไม่ได้มีบารมีจริง และหมดยุคทักษิณไปแล้ว ขอให้จับตาดูว่าหลังจากนี้นายทักษิณจะพลิกเกม เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากฝ่ายอนุรักษนิยม ให้ตัวเองได้ใบอนุญาตเข้าสู่อำนาจทางการเมืองได้อย่างไร

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต.โพสต์เฟซบุ๊กถึงผลการเลือกตั้ง อบจ.ว่า การยอมรับว่าต่ำกว่าเป้านั้นไม่ใช่เรื่องหน้าแตกหรือน่าอับอาย ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนนั้นแม้ไม่ถึงขั้นยับเยิน แต่ก็ต้องยอมรับว่าผิดเป้า ผิดคาด พรรค ปชน.มีจังหวัดที่ควรชนะได้ เช่น นครนายก  สมุทรสงคราม และตราด แต่ก็แพ้ พรรคเพื่อไทยแม่ทัพใหญ่ลงมาเอง จ้าง 300 เล่น 3 ล้านจัดเต็มขนาดนั้น เชียงราย ศรีสะเกษ และลำพูนยังแพ้ เชียงใหม่ลมหายใจคู่แข่งก็แทบรดต้นคอ ล้วนแต่เป็นบทเรียนที่ต้องหาคำตอบว่า ชาวบ้านเขาเลือกเพราะอะไร ไม่เลือกเพราะอะไร มัวแต่เพลินอวยไส้แตกหลับตาแบกกันต่อไป

นฤมลนั่งหัวหน้า กธ.ต่อ

วันเดียวกัน ที่โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน กรุงเทพฯ พรรคกล้าธรรม (กธ.) จัดประชุมใหญ่สามัญครั้งที่ 1/2568 นำโดยนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค กธ. พร้อมด้วยแกนนำพรรค

โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล่าวเปิดงานว่า ที่มีกระแสข่าวว่าเราเป็นพรรคสาขาพรรคใดพรรคหนึ่ง อยากกราบเรียนว่า พรรค กธ.คือพรรค กธ. หลายคนคงจะเห็นแล้วในเวทีระดับท้องถิ่นที่ผ่านมา ไปปราศรัยหาเสียงให้สมาชิกที่ลงสมัคร วันนั้นเป็นการประกาศศักดา แม้จะมีการส่งในนามพรรค กธ.เพียงเขตเดียว แต่ผู้มาฟังการปราศรัยใหญ่กว่าการปราศรัยเลือกตั้ง สส.ด้วยซํ้า

ทั้งนี้ ในการประชุมพรรค กธ. นายเอกราช ช่างเหลา  สส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ก็ได้มาร่วมด้วย โดยระบุว่ามาในฐานะผู้สังเกตการณ์และมาแสดงความยินดี ส่วนในอนาคตจะเข้าร่วมพรรค กธ.หรือพรรคใดเป็นเรื่องอนาคต นอกจากนี้ยังมีนางทัศนาพร เกษเมธีการุณ น้องสาวภรรยานายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ และนายเกษม ศุภรานนท์ มาร่วมประชุมด้วย

ขณะเดียวกัน น.ส.ณภาภัช อัญชสาณิชมน หรือ สจ.จอย ว่าที่นายก อบจ.ปราจีนบุรี ก็ได้มาขอบคุณ ร.อ.ธรรมนัสที่ให้ความช่วยเหลือดูแลจนได้รับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ. ซึ่งตอนนี้อยู่ภายใต้สังกัดพรรคเพื่อไทย ต้องทำงานให้พรรคก่อน เดี๋ยวรอให้ครบวาระการทำงาน 4 ปีก่อนค่อยว่ากัน

ในงานได้มีการประชุมเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และเปิดตัว ซึ่งนางนฤมลจะยังคงดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โดยมีนายไผ่ ลิกค์ เป็นเลขาธิการพรรค โดย ร.อ.ธรรมนัสร่วมขึ้นเวทีเปิดตัวพร้อมกล่าวว่า ครอบครัวใหม่ภายใต้การนำของนางนฤมล จะกลายเป็นครอบครัวที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต ซึ่งตนเองแก่แล้ว ดังนั้นจะให้คนที่อยู่บนเวทีรับช่วงทำหน้าที่ ตนจะคอยมาเป็นปู่โสม เฝ้าทั้งหมดเพื่อให้ทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและประชาชนต่อไป วันนี้พรรคมี สส.อย่างเป็นทางการ 24 คน และจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ซักฟอกแม้วลาม‘ปู’ เคาะฝ่ายค้านเชือด28ชม./‘อิ๊งค์’มนุษย์แม่เคลียร์ดรามา

"นายกฯ" ลั่นคนเราไม่ได้มีมิติเดียว  ต้องแบ่งเวลาให้ถูก หลังโดนดรามาพาลูกวิ่งสนามหญ้าทำเนียบฯ เมินคุยม็อบแก้ปัญหาปลาหมอคางดำ

'หมอเกศกมล' ไม่กังวล กกต. เรียกสอบเพิ่มปมวุฒิการศึกษา

พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ระบุว่า จะเรียกสอบประเด็นเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสอบวุฒิการศึกษา ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการเรียกไปสอบเพิ่มเติม