นายกฯ นั่งหัวโต๊ะถกฝ่ายมั่นคง-ผู้นำเหล่าทัพ ขอบคุณร่วมแก้ปัญหาทุกมิติ พอใจยาแรงได้ผลปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขีดเส้น 1 เดือนเร่งขยายแผนทำงาน “ภูมิธรรม” ปลื้มปฏิบัติการซีลแนวชายแดนสำเร็จ ยังยื้อตัดไฟกัมพูชา ปัดหารือหมายจับ "หม่อง ชิตตู" สหรัฐพร้อมหนุนช่วยไทยกวาดล้างอาชญากรออนไลน์
ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เวลา 13.30 น. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมด่วนหน่วยงานความมั่นคง และผู้บัญชาการเหล่าทัพ อาทิ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม, พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม, พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม, พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก, พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ, พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ, พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
จากนั้นเวลา 15.35 น. ภายหลังการหารือ นายกฯ ทวีตข้อความผ่าน X ว่า “ประชุมกับผู้นำเหล่าทัพ หารือเรื่องความมั่นคง และความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนค่ะ บ่ายวันนี้ ได้พบหารือกับนายภูมิธรรม พล.อ.ณัฐพล และ 4 ผู้นำเหล่าทัพ พร้อมด้วยปลัดกระทรวงกลาโหม พบหารือถึงความมั่นคงปลอดภัยทุกมิติของพี่น้องประชาชน โอกาสนี้ ดิฉันได้แสดงความขอบคุณต่อการทำงานหนักและเด็ดขาดของหน่วยงานความมั่นคง ทั้งเรื่องภัยพิบัติธรรมชาติ คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ ที่ร่วมกันแก้ปัญหาต่างๆ จนทำให้ปัญหาต่างๆ คลี่คลายไปได้ด้วยดี
อย่างไรก็ตาม ปัญหาหลายเรื่องยังมีอยู่และต้องดำเนินการทำงานอย่างต่อเนื่อง ตรงจุด ด้วยแผนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งต้องอาศัยการทำงานร่วมกันต่อไป โดยเฉพาะเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่คุกคามชีวิตพี่น้องประชาชน เป็นปัญหาเร่งด่วนที่รัฐบาลต้องเดินหน้าแก้ปัญหาต่อไป ที่ผ่านมามาตรการตัดน้ำมัน ตัดไฟ ถือเป็นมาตรการที่เด็ดขาดและได้ผล นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีค่ะ แต่โอกาสนี้ ดิฉันขอเร่งรัดคณะกรรมการนโยบายด้านชายแดน ให้ขยายแผนการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และขอให้รายงานกลับมาอีกครั้งในเวลา 1 เดือนค่ะ ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ และความมั่นคงอื่นๆ ที่กล่าวถึงข้างต้น ถือเป็นวาระใหญ่ของรัฐบาล เพราะคือความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน รัฐบาลเดินหน้าเต็มที่ และพร้อมทำงานอย่างบูรณาการเพื่อแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว ตรงจุด และแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและยาวโดยเร็วค่ะ”
ต่อมาเวลา 16.20 น. นายกฯ ตอบคำถามเพียงสั้นๆ ถึงกรณีเรียกหน่วยงานด้านความมั่นคงมาหารือว่า “คุยอัปเดตเรื่องคอลเซ็นเตอร์” โดยจะให้รายงานความคืบหน้าเรื่อยๆ
ด้านนายภูมิธรรมเปิดเผยว่า ทุกเหล่าทัพได้มีการรายงานสถานการณ์ต่อหน้านายกฯ โดยเฉพาะความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ภายหลังที่เปิดปฏิบัติการซีลแนวชายแดน 51 อำเภอ ถือว่าปฏิบัติการที่ดำเนินการในช่วงต้นประสบความสำเร็จ โดยการกดดันในครั้งนี้ทำให้มีการเคลื่อนไหวปิดสถานบันเทิงที่มีข่าวเกี่ยวข้องกับคอลเซ็นเตอร์ เมื่อเคลียร์ปัญหานี้แล้วต้องหาช่องทางดำเนินการต่อไป จะมีการสำรวจกลุ่มคนที่เดินทางเข้าไปทำงาน แยกแยะให้ชัดเจน หากไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์จะส่งตัวให้สถานทูตมารับ ส่วนประเทศไหนที่มีคนจำนวนมากจะเช่าเหมาลำเครื่องบินมารับ ทั้งนี้ยืนยันว่าไทยจะไม่ยินยอมให้เป็นศูนย์อพยพ
นายภูมิธรรมกล่าวว่า เวลานี้ได้นำทุกเหล่าทัพและส่วนที่เกี่ยวข้องมาทำงานเชื่อมกับฝ่ายการเมือง เพราะบางเรื่องฝ่ายปฏิบัติเมื่อมาถึงระดับที่ตัดสินใจแล้วอาจจะไม่รู้ว่าต้องตัดสินใจดำเนินการต่ออย่างไร ดังนั้น การพูดคุยวันนี้ ตนซึ่งประสานงานโดยตรงสามารถตอบแทนฝ่ายการเมืองแทนนายกฯ ได้ จะทำให้ส่วนที่เกี่ยวข้องทำงานได้อย่างบูรณาการ โดยรวมมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
ส่วนความคืบหน้าการระงับโซลาร์เซลล์นั้น นายภูมิธรรมกล่าวว่า แจ้งไปแล้วว่ากำลังดำเนินการอยู่ แต่หัวใจของการพูดคุยวันนี้ถ้าซีลทั้งหมดได้จะสามารถจัดการพื้นที่ชายแดนได้ เรื่องนี้มีความคืบหน้ามากขึ้น ซึ่งในที่ประชุม นายกฯ ได้ขอบคุณทุกฝ่ายที่ตั้งใจทำงาน และขอให้ทุกฝ่ายทำงานประสานงานกันให้ได้มากขึ้น แต่ในที่ประชุมไม่ได้พูดถึงเรื่องของหมายจับ พล.ต.หม่อง ชิตตู ผู้นำกองกำลังพิทักษ์ชายแดนรัฐกะเหรี่ยง (BGF) เพราะทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการ ทั้งนี้ ได้เห็นแถลงการณ์ที่ พล.ต.หม่อง ชิตตู ทำถึงตัวเองแล้ว และขอบคุณที่ส่งมา
เมื่อถามว่า กองกำลังต่างๆ ของชายแดนเมียนมาออกมาแสดงท่าทีเอาจริงเอาจังที่จะปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะทำให้รัฐบาลไทยใจอ่อนถึงขั้นลดระดับความเข้มข้นของมาตรการลงหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ใช่เรื่องใจอ่อนหรือไม่ใจอ่อน แต่เป็นเรื่องที่ต้องทำให้ตรงเป้าหมาย ปัญหาของเราคือ 1.ต้องเอาคอลเซ็นเตอร์ออกไปให้ได้ 2.จะไม่ให้ใช้พื้นที่ของเรา มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องยาเสพติดและค้ามนุษย์ คอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ ถ้าเข้าใจตรงนี้ได้เราไม่มีเหตุผลที่ต้องไปประท้วงหรือสร้างเงื่อนไขต่อ เพราะถือว่าได้ดำเนินการตามวัตถุประสงค์และเป้าหมายแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป้าหมายของรัฐบาลคือหมดสิ้น 100% หรือลดลงอย่างเห็นได้ชัด นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่สามารถพูดได้ว่าหมดสิ้น 100% แต่ต้องให้เห็นชัด ให้ทุกคนรู้สึก เช่น เบอร์โทรศัพท์ลดลง คดีลดลง ต้องว่าไปตามสัดส่วน และต้องประเมินสถานการณ์ตลอด โดยจะมีทีมที่ช่วยตัดสินใจและรวบรวมหลักฐานอยู่
นายภูมิธรรมกล่าวถึงความคืบหน้าการตัดไฟฟ้า สัญญาณอินเทอร์เน็ต และงดส่งน้ำมันไปยังประเทศกัมพูชาว่า ยังไม่ไปถึงตรงนั้น ขอเวลาดำเนินการในส่วนที่มีมาตรการไปก่อนหน้านี้ ส่วนที่เดินทางไปตรวจบริเวณชายแดนไทยกัมพูชาที่ จ.สระแก้วนั้น เพื่อดูว่าหากมีการย้ายฐานของแก๊งคอลเซ็นเตอร์จากฝั่งเมียนมากลับไปอยู่ที่เดิมคือปอยเปต ประเทศกัมพูชา มีการเตรียมรับมืออย่างไร ขณะนี้มีการเตรียมตัดสัญญาณต่างๆ ไว้หมดแล้ว
เมื่อถามว่า หากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ย้ายฐานจากฝั่งเมียนมาไปกัมพูชาจะมีการป้องปรามอย่างไร นายภูมิธรรมกล่าวว่า ไม่ถ้าหรอก ถ้าเจอจริงค่อยว่ากัน ไทยเตรียมการทุกอย่างไว้หมดแล้ว พร้อมรับมือและจัดการ เห็นได้จากการประกาศซีลชายแดนดำเนินการเป็นขั้นตอน ซึ่งผลที่เกิดขึ้นตอนนี้ถือว่าดี รวมถึงทูตประเทศต่างๆ ได้มาขอบคุณไทย ขณะที่ชนกลุ่มน้อยและกลุ่มต่างๆ ประกาศว่าจะไม่เกี่ยวข้อง ถือเป็นเรื่องที่ดี
เมื่อถามย้ำว่า แผนการปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ครั้งนี้ จะทำให้ลดลงและหมดไปหรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า รัฐบาลประกาศชัดเจนแล้ว และเป็นไปตามสิ่งที่ดำเนินการไป อีกทั้งตนจะลงพื้นที่ตลอด 6 เดือนนี้
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ธัชชัย ปิตะนีละบุตร จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ต่อต้านการค้ามนุษย์ และผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตร. เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมร่วมกับสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) เพื่อจัดตั้ง Specialized Cyber Scam and Trafficking in Persons for Forced Criminality Taskforce ว่า ได้หารือความคืบหน้าการตั้งคณะทำงาน การประสานความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ของไทย และความร่วมมือของ UNODC ที่จะมาสนับสนุนการปฏิบัติ รวมทั้งพูดคุยถึงสถานการณ์การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ หลังทางการไทยกดดันอย่างหนัก
ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ใช้มาตรฐานอะไรในการคัดกรองคัดแยกระหว่างเหยื่อกับกลุ่มมิจฉาชีพ พล.ต.อ.ธัชชัยกล่าวว่า ปัจจุบันใช้แบบสอบถามและขั้นตอนของกลไกการส่งต่อระดับชาติ รวมทั้งใช้มาตรการสืบสวนสอบสวนเข้ามาร่วมด้วย โดยใช้ฐานข้อมูลจากระบบของ ตร. และข้อมูลจากแต่ละสถานทูตมาเชื่อมโยงกัน ขณะนี้ทางการจีนได้ให้ข้อมูลมาที่ไทยแล้วว่ากลุ่มคนที่ไปทำงานที่ฝั่งประเทศเมียนมา มีรายชื่อ 3,700 คนที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนในขบวนการค้ามนุษย์และแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ที่กองบัญชาการกองทัพบก (ทบ.) พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ให้การต้อนรับนายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย พร้อมคณะผู้ช่วยทูตทหารสหรัฐ ในโอกาสเข้าแนะนำตัวและหารือข้อราชการในความร่วมมือด้านต่างๆ โดยนายโรเบิร์ต เอฟ. โกเดค กล่าวตอนหนึ่งว่า การปราบปรามยาเสพติดข้ามแดน และขบวนการหลอกลวงออนไลน์ ที่ฝ่ายความมั่นคงไทยกำลังให้ความสนใจ ทางสหรัฐยินดีให้การสนับสนุนและมอบความช่วยเหลือไทย โดยอาจมีการร่วมกันวางแผนงานระยะสั้นและระยะกลาง ในการประสานงานระหว่างหน่วยงานด้านการข่าว หน่วยงานบังคับใช้กฎหมาย และภาคเอกชน.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลือ 'เหลิม' ร่วมซักฟอก! รังสิมันต์ ลั่นโรยเกลือ 'แพทองธาร'
'รังสิมันต์' ย้ำศึกซักฟอก หลักฐานแน่ พร้อมเปิด 'ยุทธการโรยเกลือ' เอาผิดนายกฯแพทองธารหลังจบอภิปราย เย้ยฝ่ายรัฐบาลส่งสัญญาณเครียดจัดผ่านดินเนอร์ของพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่กระแสข่าว 'เหลิม' เข้าร่วมอภิปรายด้วยยังไม่คอนเฟิร์ม
องครักษ์ 20 คนไม่ช่วย! 'วิโรจน์' ซัด 'แพทองธาร' ไร้ภาวะผู้นำ-บริวารในกงสีแค่ทำคะแนน
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.ประชาชน ซัดแรง องครักษ์พิทักษ์แพทองธาร 20 คน เป็นแค่บริวารในกงสี ไม่มีผลต่อศึกซักฟอก ลั่นฝ่ายค้านถามลูก ไม่ได้ถามพ่อ! เตือนนายกฯ ต้องชี้แจงเอง ไม่ใช่พึ่งบริวาร
ปปช.รับใกล้จบ 44สส.แก้ม.112 ฝ่าฝืนจริยธรรม
เลขาฯ ป.ป.ช.เผยคดี 44 สส.ก้าวไกลแก้มาตรา 112 ส่วนใหญ่รับทราบข้อกล่าวหาทางไปรษณีย์
ชี้10วัน‘รอมฎอน’ระทึก ลอบขนระเบิดเข้าพื้นที่
10 วันสุดท้ายรอมฎอนระทึก การข่าวยะลาพบขนระเบิด
ต่ออายุตัดไฟ-เน็ตปราบแก๊งคอลฯ
"นายกฯ อิ๊งค์" เข้า ทบ.ครั้งแรก ถกด่วนปัญหายาเสพติด-คอลเซ็นเตอร์ ยันนายกฯ กัมพูชาพร้อมร่วมมือไทยปราบคอลเซ็นเตอร์ 100%
ชงทูตไทยปักกิ่ง เยี่ยมชาวอุยกูร์ เพิ่มความมั่นใจ
“ภูมิธรรม” พร้อมคณะกลับถึงไทยแล้ว เผยต่อไปให้ทูตไทยประจำกรุงปักกิ่งเยี่ยมกลุ่มคนที่เหลือให้เกิดความมั่นใจ