‘4วันอันตราย’สังเวย138ศพคุมเข้มขากลับ

4 วันอันตรายสงกรานต์ ดับ 138   ราย รัฐบาลชี้สถิติอุบัติเหตุลดลงกว่าปีที่แล้ว   20% หลังกวดขันบังคับใช้กฎหมายเข้มข้น ขณะที่ “ขับรถเร็ว-เมาขับ” ยังครองสองอันดับเกิดอุบัติเหตุสูงสุด ประชาชนเริ่มทยอยกลับ กทม. ส่งผลขนส่งแน่น ตร.ย้ำมาตรการขับขี่ปลอดภัย  เตือนพายุฝนฟ้าคะนองระหว่างเดินทาง

วันที่ 15 เม.ย. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้รับรายงานถึงสถิติการรณรงค์ป้องกันอุบัติเหตุในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิตลดลงมากกว่า 20% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่ดูแลพี่น้องประชาชนในทุกมิติ เห็นผลได้ถึงการกวดขันและรณรงค์อย่างเป็นรูปธรรมจนทำให้สถิติลดลง  และขอให้ดูแลพี่น้องประชาชนจนกว่าจะจบเทศกาลสงกรานต์ในแต่ละพื้นที่

 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ในฐานะ ผอ.ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) ห่วงใยประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ซึ่งบางส่วนจะทยอยเดินทางกลับเข้าสู่กรุงเทพมหานครและจังหวัดเขตเศรษฐกิจในภาคต่างๆ ทำให้ถนนทั้งเส้นทางหลักและเส้นทางสายรองที่เชื่อมต่อระหว่างจังหวัด อาจมีปริมาณรถหนาแน่น และจะหนาแน่นเพิ่มขึ้นอีกในวันที่ 16 เม.ย.68 จึงสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในฐานะ ผอ.ศปถ.จังหวัด เตรียมความพร้อมด่านตรวจ จุดตรวจ จุดสกัด จุดบริการ เพื่อรองรับการเดินทางสัญจรของประชาชนในการเดินทางกลับ

ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2568 แถลงข้อมูลอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2568 ประจำวันที่ 14 เม.ย.2568 ซึ่งเป็นวันที่สี่ของการรณรงค์ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ” ว่า เกิดอุบัติเหตุ 241 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 249 คน ผู้เสียชีวิต 34 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 44.40 ดื่มแล้วขับ 24.90 และทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 14.52 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 77.20

ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 85.89, ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 41.91, ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 29.05, ถนนในเมือง (เทศบาล) ร้อยละ 13.69 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 15.01-18.00 น. ร้อยละ 22.41, เวลา 18.01-21.00 น. ร้อยละ 19.50 และเวลา 12.01-15.00 น. ร้อยละ 16.60 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 30-39 ปี ร้อยละ 20.14 โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (11 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (13 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ สระแก้ว (6 ราย)

 สรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 4 วันของการรณรงค์ (11 เม.ย.-14 เม.ย. 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,000 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,002 คน ผู้เสียชีวิตรวม 138 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 24 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พัทลุง (36 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ ลำปาง (40 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (13 ราย)

ทางด้านนายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานการประชุมฯ เปิดเผยว่า จากสถิติในภาพรวมดีกว่าปีที่ผ่านมา สำหรับวันนี้ ศปถ.ขอให้จังหวัดกวดขันพฤติกรรมเสี่ยงโดยใช้ด่านชุมชนและด่านครอบครัวในการเฝ้าระวัง ตรวจตรา ป้องปราม และตักเตือนผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยงไม่ให้เดินทางออกนอกพื้นที่ ตลอดจนบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำผิดกฎหมายจราจร อย่างการใช้ความเร็วเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด และการฝ่าฝืนสัญญาณจราจร รวมถึงการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกเวลาและจำหน่ายให้แก่เด็กและเยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี

นายสหรัฐ วงศ์สกุลวิวัฒน์ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะอนุกรรมการเฉพาะกิจศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนตลอดทั้งปี พ.ศ.2568 กล่าวว่า วันที่ 15 เม.ย.เป็นวันขึ้นปีใหม่ไทย และเป็นวันสุดท้ายของเทศกาลสงกรานต์ บางส่วนอาจเริ่มทยอยเดินทางกลับมายังกรุงเทพฯ และพื้นที่เศรษฐกิจอื่นๆ ขอให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ผ่านทุกช่องทาง เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้ผู้ขับขี่เตรียมความพร้อมของยานพาหนะให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน วางแผนการเดินทางโดยเลือกใช้เส้นทางที่เหมาะสม พร้อมทั้งเน้นย้ำให้ผู้ขับขี่พักผ่อนให้เพียงพอก่อนออกเดินทาง และควรหยุดพักการขับขี่ทุก 4 ชั่วโมง อย่างน้อย 30 นาที

และจากข้อมูลการพยากรณ์อากาศในช่วง 24 ชั่วโมงข้างหน้า บางพื้นที่ในบริเวณภาคเหนือ  ภาคตะวันออกภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะยังคงมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมถึงอาจเกิดฟ้าผ่าในบางพื้นที่  จึงขอให้จังหวัดแจ้งเตือนประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนให้ขับขี่อย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการเดินทางผ่านบริเวณที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง หรืออยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างและป้ายโฆษณาที่ไม่แข็งแรง

จับเมาแล้วขับ 1.5 หมื่น

พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล อธิบดีกรมคุมประพฤติ เปิดเผยว่า จากมาตรการควบคุมเข้มข้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 14 เม.ย.2568 ศาลมีคำสั่งคุมความประพฤติ 1,718 คดี แบ่งเป็น ขับรถขณะเมาสุรา 1,674 คดี (ร้อยละ 97.44) ติด EM 15 ราย ขับรถประมาท-คดี (ร้อยละ 0.00) ขับซิ่ง 1 คดี (ร้อยละ 0.06) และขับเสพ 43 คดี (ร้อยละ 2.50) ติด EM 1 ราย โดยยอดคดีสะสมช่วงควบคุมเข้มข้น 11-14 เม.ย.2568 รวม 3,297 คดี ติดอุปกรณ์ EM รวม 25 ราย ซึ่งจังหวัดที่มีคดีเมาขับสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร 295 คดี, นนทบุรี 242 คดี และสมุทรปราการ 226 คดี ทั้งนี้ เมื่อเปรียบเทียบสถิติคดีเข้าสู่การคุมความประพฤติวันที่ 4 ของปี 2567 พบว่า มีคดีขับรถขณะเมาสุรา จำนวน 2,106 คดี และปี 2568 มีจำนวน 1,674 คดี ลดลง 432 คดี

พล.ต.ท.ชัช สุกแก้วณรงค์ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  เป็นประธานการประชุมศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ประจำปี พ.ศ.2568 โดยมีผู้บังคับบัญชาของผู้แทนหน่วยต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม และประชุมผ่านระบบวิดีโอทางไกลโดยพร้อมเพรียงกัน โดยระบุว่า ให้ดำเนินการสำรวจจุดเสี่ยง จุดเกิดเหตุซ้ำซาก ทางร่วมทางแยก และจุดกลับรถ เพื่อปรับปรุงและแก้ไขสภาพทางกายภาพ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เพื่อความปลอดภัยในการใช้เส้นทางสัญจรของประชาชน

สำหรับสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เกิดจำนวน 241 ครั้ง ลดลงกว่าวันเดียวกันของสงกรานต์ปี 2567 จำนวน 76 ครั้ง (ลดลง 23.97%) รวม 4 วันลดลงจากช่วงเวลาเดียวกัน 274 ครั้ง (ลดลง 21.51%) สถิติผู้เสียชีวิต จำนวน 34 ราย ลดลงกว่าวันเดียวกันของสงกรานต์ปี 2567 จำนวน 6 ราย (15%) รวม 4 วันลดลงจากช่วงเวลาเดียวกัน 50 ราย (ลดลง 26.60%) สถิติผู้บาดเจ็บ จำนวน 249 คน ลดลงกว่าวันเดียวของสงกรานต์ปี 2567 จำนวน 70 คน (21.94%)  รวม 4 วันลดลงจากช่วงเวลาเดียวกัน 279 คน (ลดลง 21.78%)

ส่วนสถิติการบังคับใช้กฎหมาย 10 ข้อหาหลักด้านความปลอดภัยทางถนน จากระบบ PTM และ CRIMES รวม 4 วัน (วันที่ 11-14 เม.ย.) รวมทั้งสิ้น 361,342 ราย โดยข้อหาสำคัญ ได้แก่ เมาแล้วขับ 15,514 ราย, ขับรถเร็ว 91,257 ราย, ไม่สวมหมวกนิรภัย 88,205 ราย, ไม่รัดเข็มขัดนิรภัย 19,623 ราย และย้อนศร 8,688 ราย ทั้งนี้ จำนวนการตั้งจุดตรวจงานจราจร ประจำวันที่ 14 เม.ย.68 จุดตรวจกวดขันวินัยจราจร 1,649 จุด, จุดตรวจวัดแอลกอฮอล์ 865 จุด รวม 2,514 จุดตรวจ จำนวนรถที่เรียกตรวจ ณ จุดตรวจ รวม 4 วัน (11 -14 เม.ย.) 407,351 คัน จำนวนรถที่กระทำความผิดรวม 88,891 คัน คิดเป็น 21.82%

ปชช.เริ่มแห่กลับกรุง

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้กำชับให้บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกรองรับประชาชนที่จะเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ ช่วงวันที่ 15-17 เม.ย.นี้ หลังจากวันหยุดช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2568 โดยเน้นย้ำในเรื่องมาตรการด้านความปลอดภัยของรถโดยสารและพนักงานขับรถของ บขส. รถร่วมบริการ และจัดรถโดยสารให้บริการเพียงพอต่อความต้องการของประชาชนให้เป็นไปตามนโยบายกระทรวงคมนาคม

ด้านนายชัชวาล พรอมรธรรม กรรมการฯ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า ข้อมูลการเดินรถวันที่ 14 เม.ย.2568 มีผู้โดยสารเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เที่ยวไป  จำนวน 33,170 คน เที่ยวกลับ จำนวน 56,362 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 89,532 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส. และรถร่วมฯ) เที่ยวไป จำนวน 2,789 เที่ยว เที่ยวกลับ จำนวน 3,107 เที่ยว รวมทั้งสิ้น จำนวน 5,896 เที่ยว ส่วนเที่ยวกลับเข้ากรุงเทพฯ วันที่ 15-17 เม.ย.2568 คาดการณ์ว่าจะมีผู้โดยสารเดินทางเฉลี่ยวันละ 100,000 คน ใช้รถโดยสาร (รถ บขส. และรถร่วมฯ) ประมาณวันละ 4,800 เที่ยว ทั้งนี้ ได้กำชับให้นายสถานีเดินรถทั่วประเทศ เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางในเที่ยวกลับเข้ากรุงเทพฯ จัดรถโดยสารและพนักงานขับรถให้เพียงพอพร้อมบริการประชาชน โดยเน้นย้ำพนักงานขับรถของ บขส.และรถร่วมฯ ต้องมีความพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ

สำหรับการเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ รถโดยสารของ บขส. ที่จะเข้าส่งผู้โดยสารที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (จตุจักร) หรือหมอชิต 2 ทุกคัน จะจอดส่งผู้โดยสารที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ประตู 3 ผู้โดยสารสามารถเดินทางเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน รถไฟฟ้าสายสีแดง รถเมล์ รถแท็กซี่ได้สะดวกยิ่งขึ้น รวมทั้งได้ร่วมมือกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จัดจุดจอดรถเมล์ ขสมก. บริการรับ-ส่งประชาชนภายในสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2 จำนวน 15 เส้นทาง และ ขสมก.ได้จัดรถ Shuttle Bus บริการเชื่อมต่อระหว่างสถานีขนส่งฯ หมอชิต 2, สถานีรถไฟฟ้า BTS หมอชิต และ MRT สวนจตุจักร ช่วงเวลา 04.00-22.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า สภาพการจราจรบนถนนพระราม 2 ขาเข้า กทม. เวลา 15.40 น. การจราจรหนาแน่นมาก รถติดสะสมหลายกิโลเมตร เคลื่อนตัวได้อย่างๆ ช้า ปริมาณรถมากขึ้นเรื่อยๆ  ประชาชนเริ่มทยอยกันกลับเข้ากรุงเทพมหานคร ทำให้การจราจรติดขัดหนักบนถนนพระราม 2 ในช่วงที่ผ่านตัวเมืองมหาชัย มุ่งหน้าสู่กรุงเทพมหานคร ซึ่งช่วงค่ำคืนนี้คาดว่าจะมีรถกลับเข้ากรุงเทพมหานครอีกเป็นจำนวนมาก

ขณะที่สภาพการจราจรบนถนนทางหลวงหมายเลข 32 หรือถนนเอเชีย ฝั่งขาล่องเข้ากรุงเทพฯ ช่วงผ่าน จ.ชัยนาท มีปริมาณรถหนาแน่นต่อเนื่อง โดยเมื่อเวลา 14.30 น. ตั้งแต่แยกหางน้ำสาคร อ.มโนรมย์ ถึงทางต่างระดับ อ.เมืองชัยนาท มีปริมาณรถไหลผ่านประมาณ 4,200 คันต่อชั่วโมง ใช้ความเร็วได้เฉลี่ย 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ยังสามารถเคลื่อนตัวได้ มีชะลอตัวช่วงกิโลเมตรที่ 139 ก่อนเข้าสี่แยกหางน้ำสาคร อ.มโนรมย์ เพื่อหยุดรอสัญญาณไฟจราจร และช่วงทางโค้งกิโลเมตรที่ 130-133 อ.เมืองชัยนาท ทำให้รถหนาแน่นเต็มทุกช่องจราจร แต่ยังเคลื่อนตัวได้ดีไม่มีติดขัด 

สำหรับบรรยากาศที่สถานีขนส่งนครราชสีมา แห่งที่ 2 อ.เมืองฯ จ.นครราชสีมา มีประชาชนที่เดินทางมาจากอำเภอต่างๆ ของ จ.นครราชสีมา และจังหวัดใกล้เคียงทยอยเดินทางไปซื้อตั๋วรถทัวร์โดยสารสายนครราชสีมา-กรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะจุดขายตั๋วรถปรับอากาศชั้น 1 สายนครราชสีมา-กรุงเทพฯ ที่จะเดินทางไปยังกรุงเทพฯ ประชาชนยืนรอต่อคิวซื้อตัวแน่นกันหลายบริษัท ซึ่งประชาชนบางส่วนที่เลือกเดินทางในวันนี้บอกเหมือนกันว่ากลัวไม่มีตั๋ว จึงต้องรีบเดินทางกลับล่วงหน้า 1 วัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ผิดคิว! 'มอสหลง' เกิดอุบัติเหตุขณะถ่ายหนัง 'ตาโขน'

ด้วยความทุ่มเทกับการแสดงสุดตัว ทำเอาพระเอกหนุ่ม “มอสหลง-ภาณุวัฒน์ โสประดิษฐ” นักแสดงสังกัด STAR HUNTER ENTERTAINMENT จาก ซีรีส์ “มังกรกินใหญ่” (Big Dragon The Series) เกิดอุบัติเหตุหน้าไปไถลกับพื้น หัวเข่ากระแทก จนได้รับบาดเจ็บ ปากแตก เกิดเป็นรอยแผลถลอกที่ใบหน้าและหัวเข่า

เลือกตั้งเทศบาลซื้อเสียงกันเดือด

โกงกันเดือด! ประธาน กกต.ลงพื้นที่ประจวบฯ-เพชรบุรี ตรวจความพร้อมก่อนเลือกตั้งเทศบาล ล่าสุดมีคำร้องทั่วประเทศ 338 เรื่อง เป็นเรื่องซื้อเสียง-ให้เงิน

มันกลับมาแล้ว โควิดระบาดซํ้า ห่วง‘เปิดเทอม’

กลับมาแล้ว! รัฐบาลเตือนโควิดพุ่ง 8 พันรายภายในหนึ่งสัปดาห์ ห่วงใกล้เปิดเทอม ระบาดหนักกว่าไข้หวัดใหญ่ 2 เท่า เปิด 4 ข้อปฏิบัติหยุดเชื้อกระจาย