"กมธ.กาสิโน" สภาสูงถกนัดแรก 23 เม.ย. แนะ สส.รอผลการศึกษาชุดนี้ให้เสร็จก่อน เตือนดึงดันไม่ผ่านแน่ "เท้ง" ชี้ต้องทำความเข้าใจให้สังคมตกผลึก หนุนทำประชามติให้ทุกคนยอมรับ ยังเชื่อ “เพื่อไทย-ภูมิใจไทย” จับมือตลอดรอดฝั่งแน่ ยกเว้นยุบสภา พัทลุงฮือต้าน ขู่ขืนเดินหน้าต่อปิดศาลากลางจังหวัด พร้อมขับไล่รัฐบาล
ที่รัฐสภา เมื่อวันที่ 17 เมษายน นายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานะผู้เสนอญัตติขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญเพื่อศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร วุฒิสภา เปิดเผยว่า กมธ.วิสามัญฯ จะนัดประชุมนัดแรกในวันที่ 23 เม.ย.นี้ เพื่อเลือกประธานและตำแหน่งต่างๆ โดยจะต้องศึกษาให้รอบด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สังคม และความคุ้มค่า รวมถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังกฎหมายผ่านในระยะยาว ซึ่งจะต้องนำผลการศึกษาของ สส.มาดูด้วย แต่ไม่คิดว่าผลศึกษาของ สส.จะรอบด้าน ตนมองว่าเป็นการศึกษาเพื่อมาสนับสนุนกฎหมายของตัวเอง ดังนั้น สว.จึงต้องศึกษาซ้ำ เพื่อเอาคำตอบให้สังคม ไม่ถือว่าเป็นการทำงานซ้ำซ้อน ซึ่งกรอบเวลา 180 วัน สามารถขอขยายเพิ่มเติมได้
“หาก สส.จะนำร่างที่เสนอกลับมาพิจารณาในที่ประชุม คงจะต้องรอผลการศึกษาของ สว. ให้ได้ข้อสรุปออกมาก่อน แล้วค่อยนำเข้ามาพิจารณาในสภา และหาก สส.เร่งพิจารณาโดยไม่รอ สว. ผมเชื่อว่า สว.คงไม่เห็นชอบแน่ ต้องรอผลการศึกษาก่อน นอกจากเขาเอาร่างใหม่เข้ามา ซึ่งเป็นร่างที่คุยกันและมีการปรับแก้ ถ้าไม่แก้ สว.ไม่ให้ผ่านแน่ๆ และเห็นว่าในพรรคร่วมรัฐบาลควรต้องคุยกันให้ได้ข้อสรุปก่อน เพราะหากยังเห็นไม่ตรงกันก็เชื่อว่าไม่ผ่าน ผมยังมองไม่ออกว่าจะออกมาอย่างไร ตอนนี้คงคุยต่อรองกันอยู่” นายสรชาติระบุ
เมื่อถามว่า มองว่าจะเป็นรอยร้าวในรัฐบาลหรือไม่ นายสรชาติกล่าวว่า เรื่องนี้วิเคราะห์กันได้ แต่ สว.คงไม่ก้าวก่าย ให้เป็นหน้าที่ของฝ่ายรัฐบาลคุยกันเอง เพราะ สว.มีหน้าที่ในการกลั่นกรองและศึกษาผลกระทบ หากผลออกมาแล้วก็อยู่ที่รัฐบาลตัดสินใจ ตนคิดว่าประชาชนรอฟังอยู่
ทางด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวถึงกรณี สส.ควรต้องรอผลการศึกษาของวุฒิสภาก่อนผลักดันร่างพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรหรือไม่ ว่าเรื่องระยะเวลาคงไม่มีตัวเลขเฉพาะเจาะจง ซึ่งผลการศึกษาของวุฒิสภาเป็นส่วนหนึ่งช่วยประกอบการพิจารณา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำให้สังคมตกผลึกในเรื่องนี้กับการลงรายละเอียดและศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ รวมถึงความชัดเจนในมาตรการการฟอกเงินและการป้องกันการทุจริตคอร์รัปชัน หากเรื่องต่างๆ เหล่านี้มีความชัดเจนและสังคมให้การยอมรับมากยิ่งขึ้นโดยไม่ต่อต้านในเรื่องนี้ จังหวะนั้นเป็นจังหวะที่รัฐบาลจะมีความชอบธรรมในการเดินหน้าเรื่องนี้ต่อ แต่สิ่งที่ขาดความชอบธรรม โดยเฉพาะในส่วนของพรรคเพื่อไทยที่อาจจะมีความเร่งรีบในการดำเนินการเรื่องนี้มากเกินไป
“ผมคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่กฎหมายฉบับนี้จะต้องผ่านในรัฐบาลชุดนี้หรือรัฐบาลชุดหน้า ถ้าเราไม่ได้มองในเรื่องผลประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจรัฐเป็นหลัก ถ้าเรามองเรื่องของการแก้ไขปัญหาในสังคมเป็นหลัก การเปิดพื้นที่อย่างกว้างขวาง ทำความเข้าใจเต็มที่ ก่อนที่จะมีการออกเสียงประชามติ ซึ่งเป็นทางเลือกหนึ่ง และมีความเป็นไปได้ที่ผมคิดว่าจะเป็นทางออกของสังคมที่จะทำให้ทุกคนยอมรับ” นายณัฐพงษ์กล่าว
เมื่อถามว่า มองท่าทีอย่างไรระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคภูมิใจไทย เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องไตร่ตรองดูให้ดีก่อนที่จะเร่งผลักดันอะไร เพราะเห็นได้ชัดว่าพรรคร่วมรัฐบาลอาจจะไม่เห็นด้วยกับความรีบเร่งในการผลักดันร่างกฎหมายดังกล่าว เรื่องนี้จึงกลับมาที่จุดยืนเดิม คือการสื่อสารทำความเข้าใจกับสังคมให้เป็นที่ยอมรับมากที่สุดก่อน
เมื่อถามย้ำว่า หากเป็นเช่นนี้มองว่าพรรคภูมิใจไทยกับเพื่อไทยยังไปด้วยกันตลอดรอดฝั่งหรือไม่ เพราะสภายังเหลือเวลาอีก 2 ปี ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า ถ้าดูจากสมการทางการเมืองปัจจุบัน จำนวน สส.ของแต่ละพรรค ปฏิเสธไม่ได้ว่าอย่างไรทางพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทยยังจำเป็นต้องไปต่อด้วยกัน เว้นแต่ว่าอาจจะมีการตัดสินใจจากพรรคเพื่อไทยคือนายกฯ ในการยุบสภา
ที่หน้าศาลากลางจังหวัดพัทลุง เมื่อเวลา 10.30 น. แกนนำกลุ่มประชาชนชาวจังหวัดพัทลุง ประมาณ 100 คน ภายใต้การนำของนายประหยัด อินทองปาน ประธานประชาชนชาวจังหวัดพัทลุง อดีตแกนนำ กปปส.พัทลุง ได้เข้ายื่นหนังสือขอคัดค้านร่าง พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายธราวุธ ช่วยเกิด รองผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เป็นผู้รับหนังสือการคัดค้าน
นายประหยัดกล่าวว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มมีการประชุมสอบถามความคิดเห็นของประชาชนในทุกภาคส่วน ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาลที่นำร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวเข้าสภา จึงขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีถอนและยกเลิกร่างดังกล่าวออกไป หากนายกฯ ไม่ฟังเสียงข้อเรียกร้อง จะนำประชาชนมาปิดล้อมศาลากลางจังหวัดพัทลุงโดยทันทีในวันที่ พ.ร.บ.เข้าสู่การพิจารณาในสภา
นายโอภาส ขุนชิต ตัวแทนผู้ร่วมชุมนุมและตัวแทนประชาชนชาวจังหวัดพัทลุง กล่าวว่า หากไม่หยุดหรือยับยั้ง ชาวจังหวัดพัทลุงจะออกมาเคลื่อนไหวเป็นจำนวนมากร่วมกับคนทั้งประเทศ เพื่อจะขับไล่รัฐบาลชุดนี้ และขับไล่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกฯ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
22มิ.ย.เลือกใหม่ ‘11เขตเทศบาล’ คุ้ยวุฒิสจ.กอล์ฟ
กกต.สรุปข้อมูลเลือกตั้งเทศบาลทั่วประเทศ “พัทลุง” ครองแชมป์ใช้สิทธิ ประกาศเลือกตั้งนายกฯ ใหม่ 2 แห่งในนครปฐม-อุตรดิตถ์
ฟุ้งถกเวียดนาม ‘19พ.ค.’ต้อนรับ ผู้นำแดนอิเหนา
“แพทองธาร” ปฏิบัติภารกิจในฮานอยวันสุดท้าย ช่วงเช้าร่วมพิธีวางพวงมาลาอนุสาวรีย์วีรชนและผู้เสียสละบั๊กเซิน
ฟ้องกันนัวช็อปซื้องูเห่า ปปช.ยันเรียกพีระพันธุ์
“พท.” ปัด “กล้าธรรม” เป็นพรรคสาขาสอง “ไผ่” ยื่นสภาฟันจริยธรรม “ยอดชาย” ปูดซื้อ สส. 55 ล้านมั่ว สัปดาห์หน้า
‘เปรมชัย’สู้ข้อหาสตง.ถล่ม
เท่าเทียม ตร.อุ้ม “เปรมชัย” ขึ้นรถตราโล่ พร้อมผู้ต้องหาเอี่ยวตึก สตง.ถล่ม
‘คลัง’ชงรื้องบแจกหมื่น บรรเทาผลกำแพงภาษี!
จับตา! “ปลัดคลัง” ชงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ รื้อแผนการใช้เงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1.57 แสนล้านบาท
‘สมศักดิ์’พึ่ง10อรหันต์
มติแพทยสภาพักใช้ใบอนุญาต 2 หมอ 3 เดือนกับ 6 เดือน “สมศักดิ์” หาหลังพิงตั้ง 10 อรหันต์ช่วยกรองก่อนส่งความเห็นกลับ