ใครเตือนไม่ฟัง! "สามีอิ๊งค์" โพสต์ภาพนายกฯ ป่วยแอดมิต รพ. "โฆษกรัฐบาล" แจงพบไข้ขึ้นสูงหลังกลับจากเยือนกัมพูชา งดภารกิจตลอดวันศุกร์ "จิราพร” ส่งกำลังใจให้ บอก “นายกฯ อิ๊งค์” โหมงานหนัก "ธรรมนัส" การันตีในฐานะคนในยังไม่มีสัญญาณปรับ ครม. แย้มสัปดาห์หน้า สส.ฝ่ายค้านยกขบวนซบ "กล้าธรรม" ปัดไม่ใช่ "ทสท." ระบุไม่ขัดหาก พท.ดึง "พปชร." ร่วมรัฐบาล "ชัยวุฒิ" เปรียบรัฐบาลเหมือนเรือใกล้ล่ม ใครคิดจะไปลงก็บ้าแล้ว "สมชาย-ชาญชัย-เจษฎ์" ยื่น ป.ป.ช.ให้ส่งศาล รธน. ถอดถอน "ครม.เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง" พ่วง "สส.-สว" ชุดปัจจุบัน ผิดปรับงบฯ 68 สวนใช้หนี้มาแจกเงินหมื่น
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์สตอรีไอจีส่วนตัวเป็นภาพ น.ส.แพทองธาร สวมแว่นตานอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล จากอาการป่วยไข้สูงอยู่บนเตียงพร้อมสายน้ำเกลือที่โรงพยาบาล พร้อมแคปชันระบุว่า “ใครเตือนไม่ฟัง ร่างกายเตือนแล้วไม่ไหว” พร้อมอิโมจิใบหน้าเศร้ามีน้ำตาไหลออกมาข้างเดียว
ต่อมา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังจากนายกรัฐมนตรีเดินทางกลับจากเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการ เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 24 เม.ย. นายกฯ รู้สึกมีไข้เล็กน้อย จากนั้นเดินทางกลับบ้านพบว่าไข้ขึ้นสูง จึงได้เดินทางไปพบแพทย์เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. เมื่อคืนวันที่ 24 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยแพทย์ขอให้นายกฯ แอดมิตเข้าพักรักษาตัวเพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด และวันที่ 25 เม.ย. แพทย์จะตรวจร่างกายในตอนเช้าอีกครั้ง
“กำหนดการของนายกฯ ณ วันที่ 25 เม.ย.ในการให้การต้อนรับผู้ที่เข้ามาพบหารือ ณ ทำเนียบรัฐบาล ในส่วนของนายกฯ นั้น ได้ขอเลื่อนไปก่อน แต่ในส่วนอื่นๆ ได้มอบหมายให้รองนายกฯ และเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ดำเนินการแทน” โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ
น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า ขอส่งกำลังใจให้กับ น.ส.แพทองธาร เพราะนายกฯ ได้ทำงานหนักมาก ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งระยะเวลาไม่ถึงปี แต่เจอวิกฤตปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องน้ำท่วม ไฟไหม้รถบัส ทำให้นักเรียนเสียชีวิตจำนวนมาก เหตุการณ์แผ่นดินไหว รวมถึงมาตรการภาษีการค้าของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นเรื่องหนักแต่นายกฯ ก็รับมือได้เป็นอย่างดี แต่สุดท้ายร่างกายต้องได้รับการพักผ่อน
"อยากให้นายกฯ สุขภาพร่างกายแข็งแรงและมีกำลังใจที่จะทำงานให้กับประชาชน ยอมรับว่าเมื่อวันที่ 24 เม.ย. ได้พบกับนายกฯ หลังจากเดินทางกลับมาจากการเยือนกัมพูชา นายกฯ ก็มีอาการอิดโรยบ้าง แต่นายกฯ เป็นคนที่กำลังใจดี มีพลังพร้อมที่จะทำงานตลอดเวลา นานๆ จะเห็นนายกฯ มีความเหนื่อยบ้าง" น.ส.จิราพรกล่าว
ขณะที่ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวมีรายชื่อถูกปรับพ้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยน.ส.ธีรรัตน์ปล่อยมุก ระบุว่า ไม่สะดวกเจ็บคอ และกระแอมไอโชว์ผู้สื่อข่าว ก่อนจะบอกว่า มีประชุมต่อและเดินออกไปทันที
ยังไม่มีสัญญาณปรับ ครม.
ส่วนที่โรงเรียนบ้านทอนวังปราง ต.ละอาย อ.ฉวาง จ.นครศรีธรรมราช ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม กล่าวถึงกระแสข่าวปรับ ครม.ว่า ขอพูดในฐานะที่เป็นคนในไม่มีการกรอกประวัติหรอก พูดกันไปเรื่อย และขณะนี้ยังไม่ใช่เวลาปรับ ครม. ตอนนี้เป็นเวลาแก้ปัญหาให้กับประชาชน เศรษฐกิจก็ยังมีปัญหาเยอะอยู่ เชื่อว่าเรื่องนี้นายกฯ ตระหนักดี ตลอดจนพรรคร่วมรัฐบาลขณะนี้ก็คุยกันอยู่
ถามถึงกระแสข่าวมาจากพรรคเพื่อไทย (พท.) พรรคเดียวที่ต้องการขยับ มองว่าเป็นการปล่อยข่าวเพื่อทำลายกันหรือเป็นเรื่องจริง ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ขอวิจารณ์พรรค พท. แต่ถ้าเกิดเป็นพรรคกล้าธรรมยืนยันว่าเราไม่มี ที่ผ่านมาเราคุยกันตลอดเวลา โดยเฉพาะกับหัวหน้าพรรค ไม่มีชั่วโมงไหนที่แทบไม่คุยกัน ไม่เห็นหน้าก็คุยทางโทรศัพท์
ซักว่า พรรคกล้าธรรมไม่มีการขยับใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า จะขยับไปไหนล่ะ ยกเว้นนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา และนายทะเบียนพรรคกล้าธรรม อาจจะขยับพ่อไปพักผ่อนเท่านั้น ส่วนคนอื่นจะขยับไปอยู่ไหน ตนคงไม่ทำลูกน้องของตนหรอก
“ยืนยันพรรคกล้าธรรมนอกจากนายอรรถกร และนายอิทธิ ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรและสหกรณ์ ก็จะไม่มีการปรับ ส่วนนายไผ่ ลิกค์ สส.กําแพงเพชรและเลขาธิการพรรคกล้าธรรม ถ้าคุณสมบัติผ่าน นายไผ่ก็มีสิทธิ์เป็นรัฐมนตรีของพรรค ตรรกะมีเท่านี้เอง” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรมกล่าวด้วยว่า ในสัปดาห์หน้าพรรคจะมีสมาชิกมาเพิ่มอีก จะมีคนจากพรรคฝ่ายค้านประกาศอยากจะเข้ามาอยู่กับเรา โดยประกาศจุดยืนและมาร่วมกับพรรค ซึ่งตนก็บอกไปว่าอย่ามาเป็นชนวนให้ทะเลาะกัน เพราะเราไม่ชอบทะเลาะกับใคร ซึ่งจะมากันเป็นกลุ่ม
ถามว่า ใช่ สส.พรรคไทยสร้างไทย 5 คนที่เคยเป็นข่าวใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ไม่ใช่พรรคนั้น แต่เป็นพรรคอื่น เมื่อถามว่า หากจำนวน สส.เพิ่ม โควตารัฐมนตรีจะเพิ่มหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ตนคุยกับหัวหน้าพรรคตลอดเวลาว่าเราต้องการทำพรรคให้ใหญ่แค่นั้น ไม่คิดไปต่อรองกับใคร และยืนยันว่าพรรคกล้าธรรมไม่ใช่พรรคสำรองของใคร เราต้องการสร้างครอบครัวให้มีความมั่นคงและยิ่งใหญ่ ขยายไปเรื่อยๆ และหากวันอาทิตย์นี้ได้เพิ่มอีกคนก็จะเพิ่มอีก
ซักว่ามีข่าวรัฐบาลจะดึงพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาร่วมรัฐบาล หากเป็นจริงจะร่วมงานกันได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ตนคือกล้าธรรม และกล้าธรรมก็มีครอบครัวของเราที่อบอุ่นอยู่กันแบบพี่น้อง ไม่มีนายมีบ่าวหรือลูกน้อง ดังนั้นพรรคไหนจะมาหรือไม่ เราไม่สนและไม่เกี่ยว อย่ามายุ่งกับพรรคเราก็แล้วกัน
ยํ้าว่าสามารถทำงานร่วมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค พปชร.ได้หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า เราทำงานให้กับทุกคน แต่ต้องยึดผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง ที่สำคัญพรรคเราเชิดชูสถาบันฯ เราชัดเจนไม่ต้องเป็นอีแอบ
ด้านนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค พปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวพรรค พปชร.จะไปร่วมรัฐบาลว่า เรื่องนี้พรรคไม่คิดที่จะร่วมรัฐบาล เพราะเรามีจุดยืนที่ชัดเจนไม่เห็นด้วยกับกาสิโน วันนี้รัฐบาลไม่มีความพร้อมในการบริหารประเทศแล้ว
"เรือใกล้จะล่ม เราเห็นแบบนี้จะไปขึ้นเรือทำไม ขึ้นไปก็บ้าแล้ว ผมมองว่ากาสิโนจะเป็นจุดที่ทำให้รัฐบาลแตกหัก พรรค พท.วันนี้ไม่ได้คำนึงถึงผลลบหรือผลบวกกับสังคม แต่คำนึงถึงผลประโยชน์เป็นแสนล้านที่จะได้มา ภาพความขัดแย้งระหว่างพรรคแดงกับพรรคน้ำเงินที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง การประกาศไม่เอากาสิโนของนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทยกลางที่ประชุมสภาฯ ทั้งๆ ที่กาสิโนเป็นเรื่องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่มีสถานะเป็นนายใหญ่ของพรรค พท. ถือว่าเป็นเรื่องที่แรงมาก" นายชัยวุฒิกล่าว
ถามว่า ข่าวพรรค พท.จะเขี่ยทิ้งพรรค ภท.มีความเป็นไปได้หรือไม่ รองหัวหน้าพรรค พปชร.กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้นายทักษิณรู้แล้วว่าพรรคภูมิใจไทยไม่ใช่มิตรทางการเมือง แต่ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถปล่อยให้พรรค ภท.ไปเป็นฝ่ายค้านได้ เพราะหากปล่อยไป รัฐบาลนับวันถอยหลังได้เลย ซึ่งตนเชื่อว่า พรรค พท.ไม่ได้กลัวตัวเลข สส.ที่ปริ่มน้ำ แต่กลัวการยื่นตรวจสอบคุณสมบัติของ น.ส.แพทองธารจากพรรค ภท.
”หากสถานการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ การเลือกตั้งในปี 70 เป็นไปได้อย่างมากว่า เราจะเห็นพรรคส้มกับพรรคแดงหวนกลับมาจับมือกันจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง“ รองหัวหน้าพรรค พปชร.ระบุ
ยื่น ปปช.ถอด ครม.เศรษฐา-อิ๊งค์
ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายสมชาย แสวงการ อดีต สว. นายเจษฎ์ โทณะวณิก อดีตที่ปรึกษากรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ และนายนิติธร ล้ำเหลือ ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าด้วยการกระทำผิดฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 144
นายชาญชัยกล่าวว่า เราพบการกระทำความผิดของ ครม.และกรรมาธิการงบประมาณของ สส.และ สว.มีการกระทำความผิดในรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ซึ่งต้องห้ามไม่ให้ไปตัดงบประมาณเกี่ยวกับเรื่องของการให้เงินกู้ที่กฎหมายมีการบังคับเอาไว้ ประเด็นแรกปรากฏว่าได้ผ่านวาระ 1 เข้าไปแล้ว แต่ ครม.ได้มีมติตัดงบประมาณ 35,000 ล้านบาท ที่มีการให้ไปกู้ตามมาตรา 28 ซึ่งเอามาใช้ในกิจกรรมและต้องชดใช้ดอกเบี้ยพร้อมเงินกู้ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ว่าห้ามมิให้แตะต้องเงินงบประมาณดังกล่าว
ประเด็นที่ 2 กรรมาธิการงบฯ ก็รู้ มีการพูดกันอยู่ในการประชุมครั้งที่ 38 มีการถกเถียงกันถึงมาตรา 144 แต่ต่อมาก็ให้ผ่านงบฯ ซึ่งในรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า ให้ สส.และ สว.ถอดถอนงบประมาณนี้ และยังเป็นครั้งแรกในรัฐธรรมนูญปี 60 ระบุไว้ว่า แม้แต่ ครม.รู้ว่ามีการกระทำ แต่ไม่ยับยั้งก็ให้ถอดถอน ครม.ทั้งคณะ และยังเป็นครั้งแรกที่ให้อำนาจ ป.ป.ช.ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อถอดถอน ครม. สส.และ สว. หากเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีมูล อีกทั้งให้เรียกเก็บเงินทั้งหมดที่เอาไปทำเสียหายคืนแก่แผ่นดินภายใน 20 ปี ทั้งหมดนี้จึงมายื่นให้ ป.ป.ช.เพื่อดำเนินการต่อไป
นายเจษฎ์เสริมว่า เรื่องนี้ถ้า ป.ป.ช.เห็นว่ามีมูลก็ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญได้ แล้วศาลก็จะเป็นผู้วินิจฉัย ซึ่งคาดว่าไม่เกิน 2 เดือน ส่วนถ้าส่งศาลรัฐธรรมนูญแล้วศาลมีเวลา 15 วัน ความผิดนี้จะครอบคลุมตั้งแต่ ครม.ชุดของนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อเนื่องถึงรัฐบาลของ น.ส.แพทองธาร แยกเป็น 2 ประเด็น 1.การใช้งบประมาณที่ผิด 2.ได้มีโอกาสเข้าไปใช้งบประมาณ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ส่วน สส.ก็จะเป็น สส.ชุดปัจจุบัน รวมถึง สว.ก็เป็นชุดปัจจุบันด้วยเช่นกัน
มีรายงานว่า ในวันที่ 30 เม.ย. เวลา 13.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้นัดนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ฟังคำสั่งในคำร้อง ที่ได้ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์อนุญาตให้นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งถูกตัดสินจำคุก 8 ปี แต่ได้รับการลดโทษเหลือ 1 ปี ได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ได้รับอนุญาตจากศาล
ก่อนหน้านี้นายชาญชัยเคยยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ นักการเมือง เมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2566 และเมื่อวันที่ 15 ก.พ.2567 ที่ผ่านมา ศาลมีคำสั่งยกคำร้องทั้ง 2 เรื่อง โดยไม่ต้องไต่สวน โดยให้เหตุว่าเมื่อศาลออกหมายจำคุก เมื่อคดีถึงที่สิ้นสุดไปแล้ว การบังคับโทษและอนุญาตให้ส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ เป็นอำนาจหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ ปัญหาว่าเจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ปฏิบัติชอบด้วยกฎหมายหรือไม่นั้น ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาล จึงไม่ต้องไต่สวนให้ยกคำร้อง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'หญิงหน่อย' กระทุ้งรัฐบาลปรับงบ 69 รัดเข็มขัดรับมือวิกฤตศก. บี้อิ๊งค์โชว์ปราบโกง
'สุดารัตน์' ห่วงเศรษฐกิจทรุดหนัก แนะรัฐทบทวนการใช้งบปี 69 รับมือวิกฤตเศรษฐกิจ จี้ลดรายจ่ายภาครัฐที่ฟุ่มเฟือย กระทุ้งนายกฯ ปราบโกงจริงจัง กล้าสร้างการเมืองสุจริต
‘กทม.’ปิดจ๊อบ รื้อซากตึกสตง. ‘13พ.ค.’ทำบุญ
กทม.เร่งเคลียร์เศษปูนตึก สตง. ก่อนปิดจ๊อบในวันที่ 15 พ.ค. หลังค้นหามา 48 วัน
โพลประจานชัด 76%ชี้รบ.เหลว ต่อสู้ภาษีทรัมป์
ผลโพลประจานฝีมือแก้เศรษฐกิจของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
บ้านใหญ่กวาดเรียบ เลือกตั้ง‘นายกเล็ก-สท.’ ปชน.หมดสภาพพ่ายยับ
ประธาน กกต.ตั้งเป้าใช้สิทธิ 70% เผยมีคดีร้องเรียนแล้ว 352 เรื่อง “ระพีพงษ์”
นายกฯเตรียมบินเวียดนาม ยกระดับความสัมพันธ์ทางการค้า
นายกฯเตรียมบิน ฮานอยประชุมร่วม ไทย–เวียดนาม พร้อมแถลงการณ์ร่วมยกระดับความสัมพันธ์สู่หุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ ทั้งการเมือง–เศรษฐกิจ–นวัตกรรมในภูมิภาค
เลือกตั้งเทศบาลซื้อเสียงกันเดือด
โกงกันเดือด! ประธาน กกต.ลงพื้นที่ประจวบฯ-เพชรบุรี ตรวจความพร้อมก่อนเลือกตั้งเทศบาล ล่าสุดมีคำร้องทั่วประเทศ 338 เรื่อง เป็นเรื่องซื้อเสียง-ให้เงิน