แห่ชูกลยุทธ์ปรับทัพสู้เลือกตั้ง

ประชุมใหญ่คึกคัก! "ปชน." กางกลยุทธ์เลือกตั้งครั้งหน้า ชูแก้ปากท้อง-ไม่คอร์รัปชัน อาสาเป็นรัฐบาลที่ดีสุด “เท้ง” ไม่ปิดประตูจับมือเพื่อไทย กั๊กเงื่อนไขอ้างสถานการณ์เปลี่ยนได้ตลอด "ทักษิณ" สวนแรง "สึ่งตึง" ใครจะร่วมด้วย ​“พปชร.” เปลี่ยนโลโก้ใหม่ เพิ่มสีเขียวความทันสมัย ตั้ง “ธีระชัย” รองหัวหน้าเศรษฐกิจ  “สุรเดช” คุมภาคเหนือ "หมอวรงค์" ชูยาแรงโทษประหารปราบโกง “หญิงหน่อย” รีฟอร์ม ทสท.  สร้างการเมืองสุจริต

ที่ดิ ไอเดิล โฮเทล แอนด์ เรสซิเดนซ์ จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 27 เมษายน เวลา 09.00 น.  พรรคประชาชน (ปชน.) จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 ซึ่งมีกรรมการบริหารพรรค สส. และสมาชิกพรรคร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง  โดยมีนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชน เป็นประธาน

ภายหลังการประชุมใหญ่ นายศรายุทธิ์ ใจหลัก เลขาธิการพรรค แถลงว่า มีการปรับปรุงข้อบังคับพรรคให้การทำงานของพรรคสะดวกมากขึ้น รวมถึงการเตรียมความพร้อมถึงการเลือกตั้งในอนาคต โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.นโยบาย ที่จะต้องสร้างขึ้นให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชน ในปี 2570 และ 2.การเตรียมผู้สมัครซึ่งพรรคมีกระบวนการให้ผู้ประสงค์จะลงเลือกตั้งสามารถเข้ารับการคัดสรรได้ และได้เปิดการอบรมนักการเมืองของพรรคไปแล้วช่วงต้นเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา และยังคงเปิดต่อไปจนถึง 13 มิ.ย. จึงขอเชิญชวนทุกคนที่อยากเห็นความเปลี่ยนแปลง

ด้านนายณัฐพงษ์กล่าวว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หากเรามองโจทย์ของประเทศ ไม่ได้หมายถึงว่าเราต้องการชนะการเลือกตั้งอย่างเดียว แต่ต้องการสร้างรัฐบาลที่ดีที่สุด ตามที่ได้ประกาศไว้ตั้งแต่วันก่อตั้งพรรคประชาชน หากดูจากสถานการณ์ทั้งภายในและภายนอกประเทศ  มีการทุจริตคอร์รัปชัน มีรัฐบาลที่บริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ทางออกสำหรับประเทศคือการเสนอรัฐบาลที่ดีที่สุด และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน ในอดีต เราชนะการเลือกตั้ง แต่โจทย์ต่อไปได้เตรียมนำเสนอนโยบายในอนาคต  ประกอบด้วย 3 เสา คือ การเมือง ปฏิรูประบบราชการ และเศรษฐกิจ  

"สิ่งสุดท้ายที่เชื่อว่าจะเป็นความหวังให้กับประชาชนได้คือนโยบายเศรษฐกิจ ซึ่งเคยเป็นจุดแข็งของพรรคเพื่อไทย แต่ก็พิสูจน์แล้วว่าไม่สามารถสร้างทางออกให้กับประชาชนได้ ดังนั้นก็พร้อมที่จะเสนอตัวอาสามาทำงานในจุดนี้ และเตรียมสื่อสารนโยบายด้านเศรษฐกิจต่อประชาชนต่อไป" นายณัฐพงษ์ระบุ

ส่วนข้อสังเกตว่าคะแนนของอดีตพรรคก้าวไกลในการเลือกตั้งคราวที่แล้ว อาจเป็นคะแนนจากกลุ่มประชาชนที่ “เบื่อลุง” นั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นคนที่เบื่อลุงหรือคนที่ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย หรือคนที่อยากเห็นการเมืองโปร่งใสปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน เชื่อว่าตอนนี้เห็นอยู่แล้วว่ารัฐบาลที่มัดรวมจัดตั้งรัฐบาลด้วยดีลแลกประเทศแบบนี้ ไม่ใช่ทางออก แต่ทางออกของประชาชนทุกกลุ่ม คือนโยบายเศรษฐกิจที่แก้ไขปัญหาปากท้อง ปราศจากการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งพรรคประชาชนพร้อมผลักดันและเสนอเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดให้กับประชาชน

ขณะที่บางกลุ่มคาดหมายว่าการเลือกตั้งรอบหน้าพรรคสีแดงจะมาจับมือกับพรรคสีส้มนั้น  นายณัฐพงษ์ย้ำว่า ได้พูดไว้ชัดเจนแล้วว่า การจัดตั้งรัฐบาลแบบที่เป็นอยู่ พรรคประชาชนไม่สามารถเข้าร่วมได้ เพราะไม่ได้นำประชาชนมาเป็นศูนย์กลางในสมการการตัดสินใจ และไม่สามารถแก้ไขปัญหาใดๆ ได้เลย

ไม่ปิดประตูจับมือแดง

เมื่อถามว่า การเลือกตั้งรอบหน้าจะไม่รวมกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์ตอบว่า สิ่งที่เราสื่อสารมาโดยตลอดว่า ถ้าพรรคเพื่อไทยจะสามารถรวมกับพวกเราได้ อาจจะต้องมีเงื่อนไขบางอย่าง ยกตัวอย่างว่าอาจจะต้องมีการสื่อสารว่าการกระทำที่ผ่านมา เขาทำผิดต่อประชาชนจริงๆ และมีการสื่อสารเรื่องนี้อย่างชัดเจน ไม่อยากให้มองว่าเงื่อนไขการจับกับไม่จับมือกับพรรคใด อย่างไรก็ตาม จุดยืนของพรรคคือเราเสนอกับพี่น้องประชาชนว่าอย่างไรก่อนเลือกตั้ง หลังเลือกตั้งเราจะยืนยันแบบเดิม ไม่กลับไปกลับมา

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หมายถึงพรรคประชาชนไม่ได้ปิดประตูตายในการจับมือกับพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ นายณัฐพงษ์กล่าวว่า เป้าหมายที่เราต้องการไม่ใช่แค่ชนะการเลือกตั้ง แต่คือหาทางออกให้กับประเทศ หากวันนี้ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชนสื่อสารไปแล้วว่ามีเงื่อนไขใดที่ทำให้จัดตั้งรัฐบาลกับพรรคใดไม่ได้ ซึ่งสถานการณ์มีการเปลี่ยนแปลงตลอด อย่างเรื่องของกำแพงภาษีสหรัฐก็เพิ่งเกิดขึ้นสดๆ  ร้อนๆ

"เมื่อถึงเวลาที่เงื่อนไขของโลกเปลี่ยน แต่เงื่อนไขที่ผมตั้งไว้ล่วงหน้า อาจจะยังถูกตั้งคำถามได้ในอนาคต อาจจะกลายเป็นว่าอาจเป็นการปิดประตูให้กับประเทศหรือเปล่า ดังนั้น สิ่งที่เราสื่อสารมาตลอดว่า เราต้องการหาทางออกให้กับประเทศ เงื่อนไขในการจับหรือไม่จับมือกับพรรคใด ควรจะต้องไปหารือในช่วงใกล้ๆ การเลือกตั้ง แล้วก็อาจจะไม่ยุติธรรมที่จะมาถามพรรคประชาชนฝ่ายเดียว จริงๆ คนที่ตั้งเงื่อนไขกับพวกเราก็อาจจะเป็นพรรคอื่นๆ ด้วย จึงอยากให้ตั้งคำถามกับพวกเขาด้วยเช่นเดียวกัน" หัวหน้าพรรคประชาชนระบุ

เมื่อถามถึงความมั่นใจในคดี 44 สส.อดีตพรรคก้าวไกลนั้น นายณัฐพงษ์กล่าวว่า ทีมกฎหมายทำงานกันอย่างเต็มที่ สส.แต่ละคนที่ถูกดำเนินคดีมีทีมกฎหมายเฉพาะแต่ละบุคคล และคดีไม่ได้ส่งผลกระทบถึงสมาธิในการทำงาน ยังคงตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่โดยไม่ได้ประมาท

ที่อาคารรัชดาวัน พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุม กล่าวเปิดประชุมว่า ขอประกาศจุดยืนทางการเมืองในการเป็นพรรคอนุรักษนิยมทันสมัยที่มีเจตจำนงอันแน่วแน่ที่จะยึดมั่นและปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อนุรักษ์และสืบสาน วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม จารีต ประเพณี และค่านิยมอันดีงามของชาติ

จากนั้นที่ประชุมได้ให้ความเห็นชอบการดำเนินกิจการของพรรคการเมืองและงบการเงินปี 2567 รวมทั้งได้เห็นชอบตราสัญลักษณ์พรรคและความหมายของพรรคพลังประชารัฐตราใหม่ นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เลือกกรรมการบริหารพรรคเพิ่มเติมตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค 2 ตำแหน่ง ได้แก่ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล และนายสุรเดช ยะสวัสดิ์ ด้วยคะแนน 339 ทั้งสองคน ทั้งนี้ พรรคได้มอบหมายให้นายสุรเดชเป็นรองหัวหน้าดูแลภาคเหนือตอนบน และนายธีระชัยเป็นรองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรรมการบริหารชุดใหม่ได้มีการปรับเปลี่ยนจากชุดเดิมหนึ่งตำแหน่ง โดยปลด น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ ออกจะกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากไปร่วมกิจกรรมกับพรรคกล้าธรรม

เปิดโลโก้ใหม่ 'พปชร.'

นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค แถลงว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบให้แก้ไขโลโก้เดิม โดยมีคำว่า "พรรค" อยู่บนกึ่งกลางด้านในของเครื่องหมายพรรคการเมือง เหนือตัวอักษรคำว่า "พลังประชารัฐ" โดยมี คำว่า "พลัง" เป็นสีเขียว คำว่า "ประชา" เป็นสีน้ำเงิน คำว่า "รัฐ" เป็นสีแดง อยู่ภายในวงล้อพลวัต ที่มี 3 แถบสี เป็นสีแดง สีน้ำเงิน สีเขียว บนพื้นสีขาว โดยสีแดง หมายถึงความสามัคคีร่วมมือร่วมใจของประชาชน เพื่อพัฒนาประเทศชาติให้เจริญก้าวหน้ายั่งยืน ปราศจากความขัดแย้งในชาติ โดยจะสร้างพลังแห่งความเชื่อมั่น และความสุขของประชาชน ความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ สีขาว หมายถึง ความดีงามอภิบาล และการจัดการบ้านเมืองที่ดี และสีน้ำเงิน หมายถึง จุดยืนและการเมืองเชิงอนุรักษนิยมที่เป็นศูนย์รวมแห่งความสามัคคีของคนในชาติ ปราศจากความขัดแย้ง ส่วนสีเขียว หมายความถึง ความทันสมัย และอนุรักษ์ทรัพยากร และปกป้องผลประโยชน์ชาติและของประชาชนเป็นสำคัญ 

ที่โรงแรมเอส ดี อเวนิว พรรคไทยภักดีจัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2568 โดย นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี ประกาศแถลงการณ์จุดยืนพรรคว่า การเมืองในทำเนียบรัฐบาลและรัฐสภาล้วนยึดโยงกับผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม โจรปล้นชาติกลับมา ระบอบทักษิณฟื้นคืนชีพ กระบวนการยุติธรรมถูกทำลาย การคอร์รัปชันเชิงนโยบายกลับมาเฟื่องฟู เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ประเทศชาติต้องมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ปราบโกงให้สิ้นซาก คดีทุจริตต้องไม่มีการลดโทษ และต้องเพิ่มโทษสูงสุดคือประหารชีวิต คดีทุจริตประชาชนสามารถฟ้องเองได้ กาสิโนและพนันออนไลน์ต้องยุติ MOU 44 ต้องยกเลิก นักโทษชั้น 14 ต้องติดคุก พรรคไทยภักดีพร้อมเป็นหัวหอกชูธงนำประชาชน เพื่อต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้

ที่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี โดยคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้ประกาศจุดยืนของพรรคในการสร้างการเมืองสุจริต เพื่อขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชันที่บ่อนทำลายการพัฒนาประเทศ และทำให้เศรษฐกิจไทยตกต่ำ โดยการเมืองไทยในวันนี้ไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตยอีกต่อไป แต่เป็นการต่อสู้ระหว่าง "การเมืองสุจริต" กับ "การเมืองทุจริต" ที่เริ่มตั้งแต่การซื้อเสียงเพื่อเข้าสู่อำนาจ และใช้ตำแหน่งในการถอนทุนผ่านการทุจริต สะสมเงินทุนเพื่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป โดยไทยสร้างไทยจะยังเดินหน้าทำหน้าที่พรรคฝ่ายค้าน แม้จะมีสมาชิกที่ทรยศประชาชนทรยศพรรค สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นโอกาสสำคัญในการเริ่มต้น "รีฟอร์มพรรค" เพื่อคัดกรองงทีมงานที่มีศักยภาพ ดึงคนทุกรุ่นที่เป็นบุคลากรคุณภาพเข้าสู่พรรค เพื่อร่วมกันสร้างการเมืองสุจริต ล้างโกง เพื่อให้คนไทยออกจากปัญหาร่วมกัน

ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส จ.เชียงใหม่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งบนเวทีปราศรัยช่วยนายอัศนี บูรณุปกรณ์ ผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ว่า เมื่อสักครู่ตนนั่งรถมาก็เห็นป้ายของพรรคประชาชนที่หัวหน้าคือเท้ง หรือหนุ่มซินตึ้ง  ซึ่งเขาบอกว่าพรรคประชาชนจะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยได้ ก็ต่อเมื่อพรรคเพื่อไทยออกมาขอโทษประชาชนที่เคยทำผิดกับประชาชน เขาเอาอะไรมาพูด ตอนนี้พรรคประชาชนหรือพรรคก้าวไกลติดหล่มอยู่กับการตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ แต่ที่ตั้งไม่ได้ โทษใครไม่ได้ต้องโทษตัวเอง เพราะเขาจะเอา 112 อยู่นั่น

"พอเขาชนะเป็นพรรคลำดับหนึ่ง พท. ให้โอกาส แต่รวมเสียงยังไงก็รวมไม่ได้ สว.ไม่เอา ใครก็ไม่เอา เป็นคนไม่มีเพื่อน แล้วมาโทษคนอื่น  แบบนี้แหละเขายังเป็นละอ่อน ก็คิดแบบละอ่อน บอกว่าจะมารวมกับพรรค พท. ตั้งรัฐบาลถามแล้วหรือยังว่าเราจะเอาหรือไม่ ยังไม่ได้บอกว่าเราจะเอามารวม แต่บอกว่าให้เราไปขอโทษประชาชน มันสึ่งตึง (ซื่อบื้อ)" นายทักษิณระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘สมศักดิ์’พึ่ง10อรหันต์

มติแพทยสภาพักใช้ใบอนุญาต 2  หมอ 3 เดือนกับ 6 เดือน “สมศักดิ์” หาหลังพิงตั้ง 10 อรหันต์ช่วยกรองก่อนส่งความเห็นกลับ