ศก.ไทยต้องพึ่งปาฏิหาริย! วิปรบ.ไฟเขียวตัดงบ69ได้

ประธานวิปรัฐบาลยันถกงบ 69 อะไรไม่จำเป็นรัฐบาลก็ตัดได้ ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายค้าน จ่อแบ่งเวลาฝ่ายละ 20 ชั่วโมงในกรอบ 3 วัน รองโฆษกรัฐบาลยันเศรษฐกิจไทยยังเติบโต คลังรายงานจัดเก็บรายได้ครึ่งแรกปีงบ 68 ทะลุกว่า 1.2 ล้านล้านบาท ด้านนักวิชาการเผยเศรษฐกิจไทยต้องพึ่งปาฏิหาริย์ที่จะเติบโตได้ระดับ 2.2% แจกเงินซ้ำๆ ไม่ได้การันตีว่าจะฟื้น เหมือนตายแล้วยังไม่รู้ตัว

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2568 นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเตรียมความพร้อมในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ว่า น่าจะเหมือนเดิมคือแบ่งเวลาให้ฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลฝ่ายละ 20 ชั่วโมง ประธานในที่ประชุม 1 ชั่วโมง ครั้งนี้ไม่ใช่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทุกฝ่ายสามารถอภิปรายได้หมด โดยคาดว่าน่าจะใช้เวลาในการพิจารณาภายใน 3 วัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ต้องรอให้ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ  ถึงสภาผู้แทนราษฎรก่อนใช่หรือไม่ จึงจะมีการเรียกคุยกับวิปฝ่ายค้าน นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ต้องให้คนประสานคุยกันก่อน ซึ่งเมื่อร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ มาถึงเราก็จะเร่งส่งให้ สส.แบบเป็นไฟล์ไปพิจารณาก่อน

เมื่อถามว่า วันที่ 13 พ.ค.ที่จะมีการประชุม สส.ของพรรค พท. จะมีการพูดคุยถึงเรื่องการตัดงบประมาณในส่วนใดด้วยหรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ต้องพูด เราต้องดูว่าอะไรที่ไม่จำเป็นหรืออะไรที่จำเป็นบ้าง สิ่งที่รัฐบาลเขียนมามีอะไรบ้าง เราต้องตรวจสอบดูด้วย

ถามถึงกรณีที่พรรคประชาชน (ปชน.) เตรียมที่จะตัดงบประมาณในการปรับปรุงอาคารรัฐสภา นายวิสุทธิ์ กล่าวว่า อะไรที่จำเป็นก็ต้องทำ อะไรไม่จำเป็นก็ไม่ควรทำ ขณะนี้ควรกระตุ้นเศรษฐกิจในส่วนที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชนก็ควรทำ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะฝ่ายค้านอย่างเดียว แต่ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องตรวจสอบด้วยว่าอะไรที่เสนอโดยหน่วยงานต่างๆ มาแล้วไม่เป็นประโยชน์ ไม่สร้างกระตุ้นเศรษฐกิจ เราต้องช่วยกันตัด ไม่ใช่เฉพาะฝ่ายค้านที่ต้องตัดเท่านั้น เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์คือภาษีของพี่น้องประชาชน ต้องตกถึงมือพี่น้องประชาชน ไม่ใช่หน่วยงานต่างๆ จะได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว

ซักว่า นอกจากเรื่องเตรียมความพร้อมการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ แล้ว การประชุม สส.ของพรรค พท.ในวันที่ 13 พ.ค.จะมีการพูดคุยเรื่องอะไรอีกหรือไม่ เพื่อนำเสนอให้ฝ่ายบริหารแก้ไขปัญหา นายวิสุทธิ์กล่าวว่า  เป็นเรื่องปกติที่เมื่อปิดสมัยประชุมสภา สส.จะลงพื้นที่ไปพบปะพี่น้องประชาชน และนำปัญหามาสะท้อนให้ฝ่ายบริหารเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา

เมื่อถามว่า จะมีการพูดคุยเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ นายวิสุทธิ์กล่าวว่า ไม่มี เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรีคนเดียว พวกตนไม่ทราบจริงๆ

ด้าน น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567-มีนาคม 2568) จากกระทรวงการคลังสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิรวม 1,195,662 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 1,807 ล้านบาท หรือ 0.2% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26,503 ล้านบาท หรือ 2.3% ส่วนใหญ่เป็นผลจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคภายในประเทศและการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ อย่างไรตามรายได้จากภาษีรถยนต์ยังคงต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากการดำเนินมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้า ส่งผลให้อัตราภาษีเฉลี่ยลดลงตามโครงสร้างภาษีใหม่

สำหรับการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากร ในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2568 สามารถจัดเก็บรวมทั้งสิ้น 1,288,536 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 38,263 ล้านบาท หรือ 3.1% โดยมีรายละเอียดดังนี้ กรมสรรพากรจัดเก็บได้ 966,200 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 36,212 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 10,157 ล้านบาท หรือ 1.1%

กรมสรรพสามิตจัดเก็บได้ 264,971 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 4,160 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 21,321 ล้านบาท หรือ 7.4% และกรมศุลกากรจัดเก็บได้ 57,365 ล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2,109 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 4,235 ล้านบาท หรือ 6.9%

แม้ว่ารายได้จากบางแหล่งจะต่ำกว่าประมาณการ แต่ภาพรวมการจัดเก็บรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกยังคงเป็นไปตามที่กระทรวงการคลังประเมินไว้ โดยจะมีการติดตามและบริหารการจัดเก็บรายได้ในช่วงที่เหลือของปีงบประมาณอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายและสนับสนุนความมั่นคงทางการคลังของประเทศ

รองโฆษกรัฐบาลยังเผยว่า สำหรับฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567-มีนาคม 2568) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้นจำนวน 1,189,432 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วจำนวน 25,558 ล้านบาท (คิดเป็นร้อยละ 2.2) โดยหน่วยงานที่นำส่งรายได้สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วเป็นหลัก ได้แก่ (1) กรมสรรพากร จากภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และภาษีเงินได้นิติบุคคล ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ และ (2) ส่วนราชการอื่น จากการนำส่งเงินส่วนเกินจากการจำหน่ายพันธบัตรจากการกู้เงินเพื่อชดเชยการขาดดุลเป็นหลัก

ผศ. ดร.เกียรติอนันต์ ล้วนแก้ว ผู้อำนวยการคณะทำงานจัดการองค์ความรู้และสื่อสารสาธารณะ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยกับ “ไทยโพสต์” ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของไทยในปี 2568 มองว่าจะมีการเติบโตเต็มที่ 2% แต่หากมีปาฏิหาริย์ก็อาจจะไปที่ระดับ 2.2% ซึ่งเป็นคาดการณ์ที่รวมเรื่องของตัวเลขนักท่องเที่ยว และการขนส่งที่ไม่แย่ และหากรัฐบาลออกมาตรการที่มีความเหมาะสมมากพอ และสอดคล้องกับสถานการณ์ก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจสามารถไปสู่ระดับดังกล่าวได้

ทั้งนี้ หากถามว่าการแจกเงินหมื่นในเฟสถัดไปยังมีความจำเป็นหรือไม่ ก็ต้องบอกว่าตอนนี้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นและมีปัญหาหนี้ครัวเรือน แต่การแจกเงินหมื่นดังกล่าวก็จะทำให้ประชาชนไม่ใช้เงินหมื่นของตัวเอง ซึ่งการแจกเงินซ้ำๆ ไม่ได้การันตีว่าเศรษฐกิจจะฟื้น เปรียบเทียบให้เห็นภาพก็คือคนใกล้ตายแล้วไปกระตุ้นเรื่อยๆ หัวใจทนแรงไม่ได้ก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นมาตรการทางเศรษฐกิจคงไม่ใช่แค่เรื่องกระตุ้น แต่เป็นการฟื้นฟูเรื่องปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ให้ผู้คนมีรายได้ที่เพียงพอต่อการดำเนินชีวิต รวมถึงการส่งเสริมและพัฒนาทักษะแรงงานให้มีความพร้อมมากขึ้น เนื่องจากการลงทุนของนักลงทุนจะเลือกหาคนที่มีสกิลสอดคล้องกับโลกอนาคต จึงจำเป็นต้องพัฒนาทักษะแรงงานของคนไทยให้มีความพร้อมมากขึ้น

 “ตอนนี้เศรษฐกิจไม่ได้เผาจริงเผาหลอกแบบนั้นแล้ว  แต่เป็นในช่วงที่เรียกว่าตายแล้วยังไม่รู้ตัว เศรษฐกิจประเทศไทยได้มาถึงจุดนั้นแล้ว ถ้าจะฟื้นไทยต้องมีการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ ตัวเลขจีดีพีก็ต้องหวังพึ่งว่าปาฏิหาริย์ในการจะทำการเติบโตให้ถึงระดับ 2.2%”

ส่วนกรณีนโยบายด้านการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มองว่าเขาก็ชนะในแบบของเขา แบบที่คนอื่นอาจจะบอกว่าแพ้ แต่ก็เป็นช่วงที่ได้ทดลองกำลังกับจีน ว่าเขาจะทำได้แค่ไหนสำหรับทั้งสองประเทศ สุดท้ายก็อาจจะมีการเจรจาและอ่อนข้อลง แต่ในขณะเดียวกันก็จะหาดีลกับประเทศอื่นๆ ที่ต้องดูว่าจะได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน แม้ว่าจะเสียหน้าแต่เงินในกระเป๋าอาจจะเพิ่มมากขึ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทบ.เดือดจัด ซัด‘เฮงรัตนา’ จอมลวงโลก

โฆษก ทบ.จี้นานาชาติจับตา “เฮง รัตนา” ผอ. CMAC กัมพูชา เผยแพร่ข้อมูลเท็จ บ่อนทำลายความไว้วางใจและสันติภาพในภูมิภาค ใช้จินตนาการปั้นแต่งเรื่องราวเพื่อหลอกลวงสังคมโลก

‘ราชินี’แรงบันดาลใจคนรุ่นใหม่

ในหลวงพระราชทานถ้วยรางวัลนักกีฬาเรือใบ “ภูเก็ตคิงส์คัพรีกัตต้า” ครั้งที่ 37 พระราชินีทรงแข่งเรือใบรอบชิงชนะเลิศ ทำให้เรือวายุมีคะแนนดีที่สุดในการแข่งขัน

‘อนุทิน’ล่องลงใต้ ขออภัยผมผิดเอง

"อนุทิน" นำคณะ ครม.ลงใต้อีกรอบ เตรียมตั้งกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติส่วนหน้า ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 12

พท.ขึงขังซักฟอก อ้างเหตุเพราะมีคนตายปากกล้าขาสั่นท้าไม่กลัวยุบสภา

พรรคเพื่อไทยจะเอาทุกอย่าง ซักฟอกดิสเครดิตรัฐบาลก่อนเลือกตั้ง บีบพรรคส้มตัดสินใจ เชื่อ "อนุทิน" ไม่ยุบสภา ไม่กระทบรัฐธรรมนูญ "สรวงศ์" ลั่น

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี