DSIแฉเส้นเงินฮั้วสว.1.2พันคน

“ทวี” เหน็บ สว.คนมีเกียรติ ต้องให้เกียรติคนอื่นก่อน ยันทำคดีฮั้ว สว.ไม่กระทบสัมพันธ์ รมต. แค่ทำตาม กม. โยนเป็นเรื่อง กกต.เรียก สว.รับทราบข้อหาเพิ่มหรือไม่ "พล.ท.ยอดชัย" ร้องดีเอสไอสอบปมเงินค่าสมัคร สว. 2,500 บาทที่หาดใหญ่ หวั่นไม่เข้าคลัง-ฮั้วเลือกตั้งจัดตั้งผิดปกติขาดคุณสมบัติผู้สมัคร จี้่สอบวงจรปิดส่งซิกให้กันในห้อง "ดีเอสไอ" พบเอี่ยวเส้นทางเงินฮั้ว สว. 1,200 ราย แจงส่งหนังสือถึง "มท.-ตร."  แค่บอกสิ่งที่จะทำ-อำนาจหน้าที่ "ปลัด มท." ยัน  "มหาดไทย-ยุติธรรม" พี่น้องพร้อมร่วมมือทำงาน  ปัดทำสงครามตัวแทนพรรคการเมือง

 ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 13 พฤษภาคม  พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จะแจ้งข้อหากลับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จากการทำคดีฮั้วเลือก สว.ว่า ส่วนนี้เป็นเรื่องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีข้าราชการของดีเอสไอเป็นอนุกรรมการด้วย ยืนยันว่าเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนตามปกติของ กกต. ซึ่งระเบียบการพิจารณาของคณะอนุกรรมการอาจจะต่างกับวิธีพิจารณาความอาญาของ กกต. เป็นเรื่องที่ กกต.ต้องดำเนินการตามอำนาจหน้าที่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มี สว.บางคนจะไม่ไปให้ปากคำกับดีเอสไอ จะมีผลอะไรหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ต้องดูวิธีการสอบสวนของ กกต. ดีเอสไอจะไม่เกี่ยวข้อง เพราะเราเป็นเพียงหน่วยงานที่ กกต.ตั้งให้ไปร่วมสอบสวน ถือว่าเป็นอนุฯ ของ กกต.

เมื่อถามว่า เป็นอนุฯ ของ กกต. แต่ สว.บอกว่ามีฐานะที่ตํ่ากว่าจึงไม่ไปตามหมายเรียก  พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า เชื่อว่า สว.มีวุฒิภาวะ คงไม่พูดลักษณะนั้น เพราะว่าศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสิทธิเสรีภาพ รัฐธรรมนูญคุ้มครองอยู่แล้ว ปกติคนที่มีเกียรติจะต้องให้เกียรติคนอื่นก่อน ทั้งนี้ ตนไม่ได้ยินกับตัวเอง ต้องขอโทษด้วย

ถามว่าเรื่องนี้เป็นเกมการเมืองหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ยืนยันว่าทำแค่ตามกฎหมาย เราไม่มีอำนาจหน้าที่อื่น แม้แต่การกำหนดนโยบาย ยังกำหนดทิศทางของกฎหมายไม่ได้ โดยเฉพาะเรามีกรอบที่กำหนดไว้ เช่น การสอบสวนต้องเป็นไปตามพยานหลักฐานและยึดหลักนิติธรรม บังคับใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียมกันทุกคน อิทธิพลจะยิ่งใหญ่เหนือกว่ากฎหมายไม่ได้ การสอบสวนต้องยึดหลักวิชาการ เราจะแค่ไปยืมหูยืมตาพยานบุคคลไม่ได้ เราสามารถใช้เทคโนโลยีได้ ซึ่งในคดีนี้อาจนำมาใช้มากที่สุด

เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์การทำงานของดีเอสไอ โดยเฉพาะการนำหมายไปติดที่บ้าน สว. และมีการนำสื่อมวลชนไปด้วย เหมือนเป็นการประจาน รมว.ยุติธรรมกล่าวว่า ต้องถาม กกต. เพราะดีเอสไอทำภายใต้ กกต. เราถูกเรียกให้ไปช่วยเท่านั้น แล้ว กกต.ไปดำเนินการ เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะทำให้รัฐบาลล้มหรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า คงไม่หรอก เพราะรัฐมนตรีมีความสัมพันธ์อันดี และรัฐบาลประกาศว่าจะสร้างหลักนิติธรรมให้เกิดขึ้นและเข้มแข็ง จึงคิดว่าสิ่งที่ทำไปไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ยืนยันว่าทำตามกฎหมาย ทุกอย่างอยู่ที่พยานหลักฐาน

ถามอีกว่า สว.ต้องไปรับทราบข้อกล่าวหาทั้งกับ กกต.และดีเอสไอใช่หรือไม่ พ.ต.อ.ทวีกล่าวว่า ดีเอสไอทำในลักษณะการสอบสวน เพราะเป็นคดีพิเศษ เราต้องทำให้เสร็จสิ้น ผลจะเป็นอย่างไรอยู่ที่พยานหลักฐาน

 ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ พล.ท.ยอดชัย ยั่งยืน อดีตรอง ผอ.รมน.ภาค 4 ในฐานะอดีตผู้สมัคร สว. อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เข้ายื่นเอกสารหลักฐานต่อ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้สืบสวนสอบสวนความผิดปกติในการเลือก สว.ระดับอำเภอหาดใหญ่ โดยมี พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผอ.กองคดีคุ้มครองผู้บริโภค และในฐานะโฆษกดีเอสไอ เป็นผู้แทนรับเรื่อง โดย พล.ท.ยอดชัยกล่าวว่า มายื่นเรื่องเกี่ยวกับการสมรู้ร่วมคิดไม่นำเงินค่าสมัคร สว.เข้าเป็นรายได้แผ่นดิน จำนวน 2,500 บาท เนื่องจากตามระเบียบของ กกต.แล้วจะต้องนำเข้าเป็นรายได้แผ่นดิน แต่เท่าที่สอบถามไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตนยังไม่ได้รับคำตอบกลับมา จึงมีข้อสงสัยว่าเงิน 2,500 บาทนี้ ตามระเบียบแล้วจะต้องนำเข้าคลังจังหวัดภายในเวลา 3 วัน จากนั้นทางคลังจังหวัดจึงจะส่งไปยังกระทรวงการคลัง แต่พบว่ายอดเงินนี้ไม่มีเข้าในบัญชีงบประมาณกระทรวงการคลัง           

จี้สอบวงจรปิดส่งซิกให้กัน

พล.ท.ยอดชัยกล่าวว่า ได้ยื่นเรื่องตั้งแต่มีการติดรายชื่อผู้สมัคร สว.ระดับอำเภอบนป้ายบอร์ด ให้เกิดการตรวจสอบว่ารายชื่อทั้งหมดนั้นถูกต้องตามรัฐธรรมนูญมาตรา 107 หรือไม่ ซึ่งตนได้ทำเรื่องท้วงติงไปยังอำเภอ จนได้ดำเนินการส่งเรื่องคัดค้านไปยัง กกต. ว่าการเลือก สว.นี้เป็นโมฆะ เพราะเจ้าหน้าที่ กกต.ไม่ตรวจสอบหลักฐาน  สว.4 ซึ่งเป็นหลักฐานเอกสารเกี่ยวกับคุณสมบัติผู้เชี่ยวชาญ และยังได้ตีความรัฐธรรมนูญมาตรา 108 ไม่ถูกต้อง ที่ระบุว่า ผู้ที่สมัคร สว.จะต้องเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ หรือทำงาน 10 ปี แต่มันต้องไม่ใช่เป็นการเอาลูกจ้างเข้ามา โดยเฉพาะในกลุ่มอาชีพที่ 1 ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับตน หลายคนมีคุณสมบัติไม่ตรงตามที่กำหนด

"ในวันที่มีการเลือก สว.สภาระดับอำเภอหาดใหญ่ ที่มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ พบความผิดปกติ การดำเนินการหละหลวม อาทิ มีการส่งซิกในห้องกันอย่างเปิดเผย ซึ่งถึงแม้จะมีกล้องวงจรปิดก็ควรมีการตรวจสอบ เพราะหากไปย้อนดูในการประชาสัมพันธ์ จะมีการเข้มงวดมาก แต่พอในการปฏิบัติจริง ผู้สมัครกลับมีการชี้นิ้วให้ลงคะแนนให้แก่กัน ส่งซิกให้กันอย่างน่าเกลียด ดังนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดนี้ด้วย" พล.ท.ยอดชัยกล่าว

ด้าน พ.ต.ต.วรณันกล่าวว่า หลังจากที่รับเอกสารของผู้ร้องแล้ว ก็จะนำเข้าสู่ขั้นตอนการประมวลเรื่องโดยกองบริหารคดีพิเศษ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดก่อนนำเสนอไปยังอธิบดีดีเอสไอ เนื่องจากเรื่องที่ผู้ร้องนั้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับคดีฮั้ว สว.ที่ดีเอสไออยู่ระหว่างดำเนินการ แต่เป็นประเด็นเกี่ยวกับเรื่องเงินค่าสมัคร สว. 2,500 บาท ที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าเงินจำนวนดังกล่าวถูกนำเข้าเป็นรายได้แผ่นดินหรือไม่

พ.ต.ต.วรณันกล่าวด้วยว่า รอบสัปดาห์ที่ผ่านมาสำนักงาน กกต.ร่วมกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ออกหมายเรียก สว.จำนวน 55 ราย มารับทราบข้อกล่าวหาพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. พ.ศ.2561 ตามมาตรา 32 มาตรา 36 มาตรา 62 มาตรา 70 และมาตรา 77 ซึ่งเป็นการปฏิบัติภารกิจภายใต้ กกต.และดีเอสไอ ร่วมส่งหนังสือด้วยเฉพาะในกรุงเทพฯ ส่วนต่างจังหวัดเป็นเจ้าหน้าที่ กกต.และตำรวจ ในคณะอนุกรรมการสืบสวนและไต่สวนมีเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ 3 รายร่วมด้วย หากมีส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อในรูปคดีการฟอกเงิน-อั้งยี่ของดีเอสไอ ก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์ร่วมกันได้

"ในคดีอั้งยี่ เป็นพฤติการณ์ของกลุ่มบุคคลที่กระทำการผิดกฎหมายอย่างใดอย่างหนึ่ง และพัวพันกับภารกิจของ กกต. เป็นการได้มาซึ่ง สว. โดยไม่บริสุทธิ์หรือเที่ยงธรรมหรือไม่ และเกี่ยวพันกับกฎหมายฟอกเงิน มาตรา 3 (10) ที่เป็นความผิดมูลฐาน ส่วนคนร่วมให้มีการจัดฮั้ว หากพบเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องหรือสนับสนุนการกระทำความผิดช่วงระหว่างเกิดเหตุตั้งแต่ระดับอำเภอถึงระดับประเทศ อาจถูกแจ้งข้อหาฟอกเงิน เข้าองค์ประกอบอยู่ในมาตรา 5-มาตรา 9 โดยขณะนี้ได้รับรายงานว่าบุคคลเกี่ยวข้องกับเส้นทางการเงินที่มีเหตุสงสัยประมาณ 1,200 คน จำนวนเงินอยู่ระหว่างตรวจสอบ"

เมื่อถามว่า กรณีอธิบดีดีเอสไอส่งเอกสารด่วนถึง ผบ.ตร.และปลัดกระทรวงมหาดไทย เพื่อช่วยเหลือสนับสนุนในการสอบสวนพยานคดีฟอกเงินฮั้ว สว. โฆษกดีเอสไอกล่าวว่า เป็นเรื่องของความร่วมมือตามกฎหมายดีเอสไอว่าจะสามารถทำอะไรได้บ้าง ซึ่งหน่วยงานไม่ว่าจะเป็นกระทรวงมหาดไทย หรือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีหน่วยงานในพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ความเข้าใจในตัวกฎหมายอาจไม่เหมือนกัน การที่ดีเอสไอมีหนังสือแจ้งไป เพื่อจะบอกว่าสิ่งที่จะทำนั้นคือเรื่องอะไร ขอบเขตอำนาจหน้าที่เพื่อความชัดเจน

ปลัดมท.ปัดสงครามตัวแทน

เมื่อถามว่า กรมการปกครองก็ส่งหนังสือถึงอธิบดีดีเอสไอถึงการร่วมมือสอบสวนพยานคดีฮั้ว สว.เช่นกัน แต่มีข้อแย้งว่าต้องอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.อุ้มหาย พ.ต.ต.วรณันกล่าวเสริมว่า หากดูตามเอกสารก็ไม่มีอะไร เป็นการอธิบายตามตัวกฎหมาย เพราะว่าตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย มีอำนาจการใช้อยู่ 4 หน่วยงาน คือ ตำรวจ ปกครอง อัยการ และดีเอสไอ ส่วนจะได้รับความร่วมมือหรือไม่ ตนเชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนมืออาชีพอยู่แล้ว ต้องทำตามกฎหมาย ทุกคนถูกตรวจสอบได้หมด

ทางด้านนายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการรับรายงานเพิ่มเติมการทำงานของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอในการลงพื้นที่สืบสวนหาข้อมูลกรณีคดีฮั้วเลือก สว. นอกจาก จ.อำนาจเจริญ ที่มีการบังคับอดีตผู้สมัครสว.ให้ยอมรับว่าฮั้วเลือกตั้ง มีพื้นที่อื่นอีกหรือไม่  ว่ายังไม่ได้รับรายงาน ส่วนกรณีกรมการปกครองออกหนังสือให้ทุกจังหวัดยึดกฎหมายประมวลพิจารณาวิธีพิจารณาความอาญาและ พ.ร.บ.อุ้มหาย ก็ยังไม่ได้รับรายงานความคืบหน้าว่ามีการละเมิดกฎหมาย พอออกหนังสือไปทุกส่วนก็มีความเข้มงวดในการทำหน้าที่ เพราะที่ผ่านมาอาจจะทำให้ประชาชนเกิดความหวั่นเกรง เราจึงต้องกำชับผู้ว่าราชการจังหวัดและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

เมื่อถามว่า มองอย่างไรที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากระทรวงมหาดไทยกับกระทรวงยุติธรรมกำลังทำสงครามตัวแทนพรรคการเมือง  ปลัดมหาดไทยกล่าวว่า "ไม่ได้มอง เพราะเราทำตามหน้าที่ ซึ่งทุกคนเป็นพี่น้องกัน เมื่อทำตามหน้าที่เราก็พร้อมที่จะสนับสนุนทุกคน และไม่มีอะไรที่จะไม่ร่วมมือกันอยู่แล้ว"

ที่รัฐสภา จากกรณีที่คณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนกลาง กกต. คณะที่ 26 ลงนามออกหนังสือเชิญ สว.ล็อตแรก จำนวน 54 คน เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้ว สว. โดยหนึ่งในนั้นมีชื่อของ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 ด้วย เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม พล.อ.เกรียงไกรถึงประเด็นดังกล่าว พล.อ.เกรียงไกรปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ และพยายามเดินหนีผู้สื่อข่าว ก่อนจะกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "ไม่ให้สัมภาษณ์"

เช่นเดียวกับ นายอลงกต วรกี สว. เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงกรณีดังกล่าว  นายอลงกตปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวว่า ตอนนี้ไม่พูดถึงแนวทางแล้ว ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าครั้งนี้เป็นหมายเรียกของ กกต. จะเดินทางไปชี้แจงหรือไม่ นายอลงกตกล่าวว่า ไปอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ครั้งนี้กังวลหรือไม่ และได้มีการพูดคุยกับนายมงคล สุระสัจจะ ประธาน สว. รวมถึงสมาชิกทั้งกว่า 50 คนแล้วหรือไม่  นายอลงกตยังคงไม่ตอบคำถาม.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' รับนี่ไง 'บิ๊ก ภท.' กกต. เรียกแจงคดีฮั้วสว. ชี้การเมืองแน่ ลั่นกับนายกฯรักกันดี

'อนุทิน' บอกผมที่ไง 'บิ๊ก ภท.' ได้รับหมายเรียก กกต. ส่งไปบ้านที่บุรีรัมย์ ยันไปชี้แจงแน่ ชี้ไม่เกี่ยวรอยร้าวรัฐบาล แต่เป็นการเมืองแน่นอน ลั่นยังรักกันดีกับนายกฯ ไม่มีคุยปรับครม.