‘คลัง’ชงรื้องบแจกหมื่น บรรเทาผลกำแพงภาษี!

จับตา! “ปลัดคลัง” ชงบอร์ดกระตุ้นเศรษฐกิจ รื้อแผนการใช้เงินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 1.57 แสนล้านบาท ไปอุ้มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากภาษีสหรัฐ หวังพยุงจีดีพีปี 68 โตไม่ต่ำกว่า 2% “วินน์ รีสอร์ต” มาแล้ว เข้าพบ “จุลพันธ์” ประกาศพร้อมลงทุนกาสิโนในไทย เชื่อมีศักยภาพดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลก

เมื่อวันที่ 16 พ.ค.2568 นายลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 19 พ.ค.2568 เวลา 16.00 น. จะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยวาระสำคัญจะพิจารณาทบทวนแผนการใช้จ่ายเม็ดเงิน 1.57 แสนล้านบาท ซึ่งเดิมเตรียมไว้ใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต แต่ปัจจุบันสถานการณ์เศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐอเมริกา จึงต้องมีการทบทวนแผนการใช้เงินในส่วนนี้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบันมากที่สุด

นายลวรณกล่าวอีกว่า กระทรวงการคลัง ในฐานะเลขานุการได้รับโจทย์จากรัฐบาลในการพิจารณาโครงการและมาตรการที่จะใช้จ่ายในงบประมาณกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.57 แสนล้านบาท โดยได้หารือกับสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และสำนักงบประมาณเรียบร้อยหมดแล้ว โดยได้แยกแผนการใช้เงินสำหรับกลุ่มต่างๆ อย่างชัดเจน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งโครงการที่จะดำเนินการต้องตอบโจทย์ และคาดหวังกับเศรษฐกิจได้ และเป็นมาตรการที่เตรียมไว้อย่างดีที่สุดเท่าที่เงินมี เช่น โครงการลงทุนขนาดเล็กที่ลงทุนเร็วใน 4-5 เดือน การปรับโครงสร้างการดูแลกลุ่มอุตสาหกรรมที่อาจจะได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากมาตรการภาษีสหรัฐ เพื่อให้การใช้งบประมาณเกิดประโยชน์สูงที่สุด

 “วันนี้บริบทเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป รัฐบาลก็มองว่าเราควรเอาเงินตรงส่วนนี้ไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์ที่สุดกับประเทศไทยก่อน ซึ่งมีการเสนอโครงการเข้ามาค่อนข้างเยอะ แต่ยังพูดรายละเอียดไม่ได้ คงต้องรอส่งการบ้านให้ที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งจะมีการประชุมในช่วงเช้าวันที่ 19 พ.ค.นี้พิจารณาก่อน หลังจากนั้นจึงจะเสนอคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจพิจารณาต่อไปว่าเห็นด้วยกับแนวทางต่างๆ หลังจากนั้นจึงจะส่งให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา” นายลวรณกล่าว

สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เฟส 3-4 ซึ่งเป็นส่วนที่เหลือจะมีการเดินหน้าต่อหรือไม่ ปลัดกระทรวงการคลังระบุว่า เงินก้อนนี้เป็นเงินที่จะใช้ทำโครงการดังกล่าวอยู่แล้ว ส่วนรายละเอียดว่าจะทบทวนการใช้เงินอย่างไร จะมีโครงการดิจิทัลวอลเล็ตด้วยหรือไม่ อยากให้รอดูผลการประชุมในวันที่ 19 พ.ค.นี้ ส่วนเม็ดเงิน 1.57 แสนล้านบาท จะเพียงพอรองรับผลกระทบที่จะเกิดกับเศรษฐกิจไทยหรือไม่นั้น คงต้องไปรอดูการประเมินผลการเจรจาระหว่างไทยกับสหรัฐที่จะเกิดขึ้น ว่าท้ายที่สุดแล้วไทยจะโดนภาษีเท่าไหร่ หรือไม่ อย่างไร และจะมีผลกระทบกับอุตสาหกรรมไหน เท่าไหร่ ซึ่งหากท้ายที่สุดหากไม่เพียงพอจริงๆ ก็เชื่อว่ารัฐบาลจะมีวงเงินงบประมาณก้อนอื่นๆ ที่จะสามารถเกลี่ยมาช่วยรองรับในส่วนนี้ได้

นายลวรณยังกล่าวถึงแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 ว่าคาดหวังว่าตัวเลขจีดีพีจะไม่ลงไปต่ำกว่า 2% ให้ช้ำใจก็พอแล้ว จากเดิมคาดการณ์ที่ 2.9% แต่ตอนนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ได้ปรับลดเหลือ 2.1% และไม่อยากเห็นกรณีเลวร้ายที่ตัวเลขจีดีพีขยายตัวเพียง 1% เชื่อว่าทุกฝ่ายจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาการเติบโตไม่ให้ต่ำกว่า 2% ดังนั้นการจะปรับหรือทบทวนแผนการใช้เงินต่างๆ จึงต้องทำให้เร็ว และต้องมีมาตรการอื่นควบคู่ไปด้วย โดยเม็ดเงิน 1.57 แสนล้านบาทนี้ จะต้องเร่งใช้จ่ายให้หมดภายใน ก.ย.2568 เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ขณะที่ นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงกรณีนายสารัชถ์ รัตนาวะดี ซีอีโอจากกัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ ได้พบประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในงานเลี้ยงอาหารค่ำที่ประเทศกาตาร์ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีมากต่อประเทศไทย และการที่นายสารัชถ์ได้พบกับทรัมป์ จะสนับสนุนทิศทางในการเจรจาของรัฐบาลที่เตรียมเข้าหารืออย่างเป็นทางการกับสหรัฐ

 “การได้พบกันกับประธานาธิบดีทรัมป์ของคุณสารัชถ์ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีกับประเทศไทยอย่างมาก ทำให้เราเห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นเรื่องการเจรจาต่อรองลดกำแพงภาษี มั่นใจว่าหากภาคเอกชนร่วมมือกับรัฐบาลและฝ่ายค้านสนับสนุนข้อมูลจากภาคประชาชนเข้ามาร่วม จะเห็นความเป็นเอกภาพในการร่วมแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ถือเป็นวาระชาติและเป็นวาระโลกครั้งนี้ได้” นายธนกรกล่าว

วันเดียวกัน นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่วาระค้างอยู่ที่สภาผู้แทนราษฎรว่า คาดว่าจะมีการพิจารณาในวันที่ 9 ก.ค. โดยภายในพรรคมีการพูดคุยกันเบื้องต้นแล้วว่าจะต้องเตรียมข้อมูลและคนอภิปรายให้เห็นว่าสาเหตุและความจำเป็นของร่างกฎหมายฉบับนี้คืออะไร และจะมีการประชุมกันอีกครั้งเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังปัญหาหลังจากที่ สส.ได้ลงพื้นที่ช่วงปิดสมัยประชุมสภา เพื่อไปทำความเข้าใจกับประชาชนในเรื่องกฎหมายฉบับนี้

ส่วนนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง กล่าวว่า ผู้บริหารระดับสูง บริษัท วินน์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด เจ้าของ Wynn Resorts (วินน์ รีสอร์ต) หนึ่งในผู้นำธุรกิจรีสอร์ตครบวงจรระดับโลกจากลาสเวกัส สหรัฐอเมริกา ได้เข้าหารือเพื่อสอบถามถึงรายละเอียดและความคืบหน้าของโครงการธุรกิจบันเทิงครบวงจร (เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) เพราะวินน์ รีสอร์ตแสดงความสนใจลงทุนในโครงการดังกล่าว โดยแจ้งว่าเล็งศักยภาพในการดึงดูดการลงทุนขนาดใหญ่ และเสน่ห์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามาสัมผัสธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม คาดว่าเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จะสามารถยกระดับประเทศให้กลายเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านความบันเทิงและการพักผ่อนของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

"รัฐบาลไทยยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทชั้นนำอย่างวินน์ รีสอร์ตให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของไทย ไม่เพียงในฐานะประเทศท่องเที่ยว แต่ในฐานะประเทศที่พร้อมเป็นจุดหมายของการลงทุนขนาดใหญ่ในระดับภูมิภาค”

นายคริส กอร์ดอน ประธานบริษัท วินน์ ดีเวลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวว่า การบริหารรีสอร์ตแบบบูรณาการนั้นมีมาตรการที่เข้มงวดในการแก้ไขปัญหาการฟอกเงินและการติดการพนัน และพร้อมแบ่งปันมาตรการควบคุมและป้องกันความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยวินน์ใช้เทคโนโลยีระดับโลก ซึ่งบริษัทได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องในธุรกิจ ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง