"อนุทิน" สวนทางนายกฯ ยันไม่ปรับเวลาปิด-เปิดด่านตามกัมพูชา ชี้ถ้าเหลื่อมเวลาเขาเสียประโยชน์เอง “โรม” ซัด "อิ๊งค์" ต้องประกาศให้ชัด ความสัมพันธ์ส่วนตัวไม่มีวันใหญ่กว่าประเทศ หนุนให้ตัดไฟฟ้าก่อนถก "เจบีซี" ใช้ช่วงเวลานี้จัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ย้ำปมยื่นศาลโลกประมาทไม่ได้ เหตุถูกเตรียมการมานานแล้ว
เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงการลงพื้นที่ จ.สุรินทร์ ร่วมกับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า นายกฯ ได้ให้จัดเตรียมเรื่องการสนับสนุนแนวหลังอย่างเต็มที่ และได้ให้นโยบายเหมือนสุภาษิต มหาดไทยเป็นบ้าน ทหารเป็นรั้ว ส่วนการที่นายกรัฐมนตรีตั้งคำถามเรื่องบังเกอร์เหตุใดไม่ของบประมาณไปดำเนินการนั้น ได้กราบเรียนไปแล้ว กระทรวงมหาดไทยได้สั่งการให้ทั้งผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ ปลัดอำเภอ เร่งสำรวจหลุมหลบภัย ทั้งสภาพที่มีอยู่และในส่วนที่ยังขาดอยู่ โดยสำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทยจะมีงบรองรับ ไม่ต้องของบกลาง และจะเร่งดำเนินการจัดทำหลุมหลบภัยให้ได้มาตรฐาน มั่นคง ปลอดภัย แข็งแรง ทางเข้า-ทางออกต้องไม่มีอะไรมาบล็อก ตั้งอยู่ริมถนนที่สามารถเคลื่อนย้ายไปในที่ปลอดภัยกว่า และต้องวางแผนซ้อมเคลื่อนย้าย และยังเรียนนายกฯ ว่าในหลุมหลบภัยยังเป็นพื้นทรายอยู่ หากเป็นพื้นคอนกรีตจะอมความร้อน
“ดูจากทางฝ่ายทหารยังมีการสื่อสารในเชิงการเจรจาพูดคุยหารือกันอยู่ ในส่วนของผู้ว่าราชการจังหวัดคอยสนับสนุนทหารทุกประเด็น เรื่องเปิด-ปิดด่านก็เช่นกัน เราก็เปิดของเราอย่างนี้ ถ้าเขาจะมาเหลื่อมเวลาผมคิดว่าคนที่เสียประโยชน์คือฝั่งเขา เอาเป็นประเด็นการเมืองอะไรตรงนี้ ไม่ก้าวล่วง ส่วนของเรายืนยันว่าจะเปิดแบบนี้จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะตอนนี้เปิดวันละ 6-7 ชั่วโมงอยู่แล้ว ถ้าเปิดเหลื่อมกันจะเหลือ 6 ชั่วโมง ถามว่าใครเสียประโยชน์มากกว่าระหว่างเขาเข้ามาขายของกับเราไม่ออกไปซื้อของเขาหรือไปทำธุรกิจที่เขา ก็แล้วแต่” รมว.มหาดไทยระบุ
นายอนุทินกล่าวว่า ขณะนี้เรื่องการสื่อสารสำคัญมาก ฝ่ายปกครองได้เข้าไปสร้างความมั่นใจ สร้างความอบอุ่นกับประชาชน โดยรวมขวัญกำลังใจดี ผู้ที่วิตกกังวลมากหน่อยคือผู้สูงอายุ แต่วัยทำงานหรือชาวบ้านทราบถึงสถานการณ์อยู่ว่าพื้นที่ไหนช่วงนี้ไม่ควรไป สภาพชีวิตก็ยังเป็นปกติอยู่ โดยวันที่ 13 มิ.ย.จะลงพื้นที่ จ.อุบลราชธานี เพื่อประชุมหลังจากได้รับข้อสั่งการจากนายกฯ ที่ จ.สุรินทร์ เรื่อง 7 จังหวัดที่มีชายแดนติดกับกัมพูชา เพื่อลงรายละเอียดเป็นจุดๆ ไปว่าจะมีแผนสั่งการหรือแผนเผชิญเหตุ แผนการซ้อมอะไรต่างๆ ซึ่งเราต้องทำให้มีความพร้อม
ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงวาระประชุมวันนี้ที่จะมีการพูดคุยประเด็นชายแดนกัมพูชาว่า การประชุมลับ สืบเนื่องมาจากที่เราเคยลงพื้นที่ช่องจอม เราได้เห็นสภาพความเป็นจริงว่าสถานการณ์ไทย-กัมพูชาเป็นสถานการณ์ที่เราควรเตรียมพร้อม ทั้งในแง่ของยุทธศาสตร์และทุกรูปแบบเอาไว้ ซึ่งการประชุมวันนี้จะไม่มีการบันทึกการประชุม ไม่มีการถ่ายทอดสด ไม่ให้เลขานุการและที่ปรึกษาเข้าร่วม อยากให้ทุกฝ่ายได้คุยกับ กมธ.อย่างเต็มที่และตรงไปตรงมา หวังว่าข้อมูลตรงนี้จะเป็นประโยชน์ในการที่เราจะร่วมมือกันระหว่างผู้ปฏิบัติ รัฐบาล สภา
ปราบแก๊งคอลสร้างแต้มต่อ
นายรังสิมันต์แถลงว่า ได้พูดคุยกันถึงการเตรียมความพร้อมต่างๆ ในทุกมิติ รวมถึงประเมินความเป็นไปได้ในหลายทาง ซึ่งทางคณะกรรมาธิการฯ เห็นพ้องต้องกันในยุทธศาสตร์และการดำเนินการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ โดย กมธ.ได้ให้คำแนะนำกับทางรัฐมนตรีว่า รัฐบาลสมควรที่จะเพิ่มมิติที่เกี่ยวกับการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่นอกจากจะเป็นการแก้ปัญหาของฝั่งไทย ในอีกส่วนหนึ่งถือเป็นท่อน้ำเลี้ยงสำคัญในอุตสาหกรรมที่มีผลต่อเศรษฐกิจของกัมพูชา อีกทั้งเป็นการสร้างแต้มต่อที่สำคัญให้ฝั่งไทย
นายรังสิมันต์กล่าวต่อว่า ในส่วนของการเตรียมความพร้อมเกี่ยวกับเรื่องศาลโลก แน่นอนว่ากัมพูชาพยายามยกระดับความขัดแย้งไปสู่การใช้กลไกศาลโลกแน่นอน กมธ.จึงได้เสนอแนะว่า มีความจำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้ ไม่สามารถประมาทได้ หลังจากมีประเด็นเรื่องปราสาทพระวิหาร เราเองก็ได้มีการถอนตัวในเรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะวางใจได้ เนื่องจากเราทราบว่ากัมพูชามีการเตรียมความพร้อมมาเป็นเวลานานแล้ว ในเรื่องของการเตรียมการขึ้นสู่ศาลโลก ทางประเทศไทยต้องเตรียมทั้งนักกฎหมายระหว่างประเทศที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญ ไปจนถึงกลไกที่อาจจะจำเป็นต้องใช้ เราเชื่อว่าทางฝ่ายกัมพูชาจะเอาทุกกระบวนการไปใช้ประโยชน์เพื่อส่งเรื่องศาลโลกอย่างแน่นอน
เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ว่าการประชุม JBC จะถูกเลื่อนหรือยกเลิกหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าทางกัมพูชาจะไม่เอาเรื่องที่มีความขัดแย้ง อย่างปราสาททั้ง 3 และอีกหนึ่งพื้นที่ ที่ทางกัมพูชาพยายามบอกว่าเป็นพื้นที่ของเขา เช่น บริเวณช่องบก มาพูดคุยตามที่กัมพูชายืนยัน แต่ถึงอย่างไรเราก็ต้องคุย ไม่เช่นนั้น ก็จะหาทางออกไม่ได้ และต้องยืนยันด้วยว่าถ้าเราดูจากเอ็มโอยู 43 ก็มีความจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องเคารพ โดยเราต้องใช้กลไกทวิภาคีให้เกิดประโยชน์สูงสุด และจะเป็นผลดีกับทั้ง 2 ฝ่าย ไม่ใช่แค่ฝ่ายไทยเท่านั้น เพราะคือเครื่องมือที่จะลดความขัดแย้งได้จริง ส่วนการไปสู่ศาลโลกหรือกรณีใดก็แล้วแต่นั้น สุดท้ายเรามีบทเรียนแล้วในเรื่องของปราสาทพระวิหารว่าไม่ได้จบจริง มีแต่จะทำให้ความขัดแย้งขยายตัว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงต้องใช้กลไกทวิภาคี
อีกทั้งเราควรที่จะมองหาในเรื่องของการร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจ หากทางกัมพูชาไม่ใช้กลไกทวิภาคี ก็จะทำให้สุดท้ายแล้วกัมพูชาจะยังตกเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ โดยเฉพาะในเรื่องมิติเศรษฐกิจเอง เพราะเราต้องไม่ลืมว่ากลไกอย่างเรื่องคอลเซ็นเตอร์นั้น สร้างความเสียหายให้กับผู้คนทั่วโลกจริงๆ และเม็ดเงินที่เกิดขึ้น ก็ต้องยอมรับว่ากัมพูชาปล่อยให้มีการตั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จะปฏิเสธการไม่รู้ไม่เห็นไม่ได้ เพราะแม้ในวันที่ตั้งอาจจะไม่รู้ แต่เมื่อตอนนี้รู้แล้ว และก็มีหลายจุด จะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร จึงมีหลายหลายมิติที่ตนคิดว่า ประเทศไทยสามารถที่จะหยิบยกไปพูดคุย ไม่จำเป็นต้องพูดคุยแค่เฉพาะในเรื่องของ 3 ปราสาทกับ 1 พื้นที่ซับซ้อนเท่านั้น ยังมีอีกหลายจุด เพื่อนำไปสู่การทำให้ไม่มีโอกาสที่จะเกิดการขัดกันทางอาวุธ หรือลดโอกาสที่จะเกิดการขัดกันทางอาวุธออกไปให้ได้มากที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องทำ
"ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์เราอย่าดูเบา เพราะล่าสุดมีการจับกุมชาวญี่ปุ่น 30 กว่าคน ดังนั้นเรื่องแก๊งคอลเซ็นเตอร์เป็นแต้มต่อให้กับประเทศไทยไปพูดคุยในการแสวงหาพันธมิตรจากประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น เวียดนาม ดังนั้นหากใครจะเอาเรื่องนี้เป็นจุดหลักการสร้างแต้มต่อ ในการเจรจาเราสร้างได้มาก อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องการรักษาพยาบาล การทำงานของแรงงานข้ามชาติที่วันนี้เราต้องการการบูรณาการ และเราต้องใช้กลไกสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้เป็นประโยชน์"
จี้นายกฯ เคลียร์สัมพันธ์ส่วนตัว
เมื่อถามว่า ควรตัดไฟตัดก่อนประชุม JBC หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติที่ส่งผลกระทบต่อไทยยังมีอยู่ ตนยังไม่เห็นความจำเป็นที่ต้องเก็บเอาไว้ โดยเฉพาะในช่วงเวลานี้ ถ้าเราตัดไปก่อนตนคิดว่าเป็นการเพิ่มแต้มต่อให้กับประเทศไทย แต่ต้องยอมรับว่าอาจจะมีผลกระทบหลายด้าน แต่สุดท้ายประเทศไทยต้องตัดสินใจในเชิงนโยบายอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อแก้ปัญหานี้ ไม่เช่นนั้นปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ไม่จบเสียที
เมื่อถามว่า การทำงานทางการทูตต้องทำแบบเชิงรุกมากกว่านี้ใช่หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ใช่ วันนี้เราต้องคุยกันตรงไปตรงมา สายตาทั่วโลกมองว่ากัมพูชาเป็นประเทศเล็ก และมองว่าไทยไปรังแกเขาหรือไม่ เขาพยายามเอากรณีการเสียชีวิตของทหารกัมพูชาที่ถูกยิงบริเวณชายแดน เพื่อบอกว่าไทยรังแกเขา ซึ่งไทยต้องมียุทธศาสตร์ในเรื่องนี้ ทำให้จะต้องทำให้ต่างประเทศเห็นว่าความเป็นจริงคืออะไร ไทยต้องมองถึงโอกาสและความเป็นไปได้ทางการทูต วันนี้เราคุยกับจีน แต่ทางกัมพูชามั่นใจเพราะได้รับอาวุธจากจีน ดังนั้นต้องคุยจุดประสงค์กับจีนว่าต้องการอะไร อาจไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่จีนไม่ใช่ทุกอย่างของสมการนี้ เราต้องสร้างความเป็นไปได้ทางการทูตใหม่ๆ เช่น ต้องคุยกับเวียดนามหรือฝรั่งเศส และอีกหลายประเทศเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ๆ พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ถ้ากัมพูชาได้อาวุธ แล้วประเทศไทยจะโดดเดี่ยวหรือไม่ ต่อให้เราโดดเดี่ยวเราก็ต้องทำงานเชิงรุก
"เราคาดหวังเห็นนายกฯ มีบทบาทนำ เพราะมีคำถามเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลเราและรัฐบาลพนมเปญ จะทำอย่างไรให้ประชาชนเชื่อว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวและเรื่องภายในครอบครัวไม่ใหญ่กว่าเรื่องของผลประโยชน์ของชาติ และเรื่องระบบกฎหมายกระบวนการยุติธรรม แต่คิดว่านายกฯ ต้องใช้โอกาสนี้ ประกาศให้ชัดว่าความสัมพันธ์ส่วนตัวจะไม่มีวันใหญ่กว่าความสำคัญของประเทศชาติ" นายรังสิมันต์กล่าว
ขณะที่ พล.ต.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวภายหลังเข้าชี้แจงต่อ กมธ.ว่า การประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค หรือ RBC ไทย-กัมพูชา ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 27-28 มิ.ย.นี้ ยังคงเดินหน้าพูดคุยกันตามกำหนดการเดิม
ที่กองทัพบก พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก รับมอบเงินสนับสนุนจำนวน 1,000,000 บาท จากคณะนักศึกษาวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 65 โดยมีนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะประธาน วปอ.รุ่นที่ 65 และบริษัท เอส แอนด์ พี ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) มอบผลิตภัณฑ์ของเอสแอนด์พี มูลค่า 225,000 บาท ให้กับกองกำลังป้องกันชายแดนกองทัพบกที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อส่งมอบกำลังใจให้กับทหารชายแดนที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แก๊งศึกพระคึกคัก สีกากอล์ฟหลับดี อาจเจอ‘สีกาเก็น’
รองโฆษกราชทัณฑ์เผย "สีกากอล์ฟ" นอนคุกคืนที่ 2 นอนหลับดีขึ้นแต่ยังดูเครียด กินได้ปกติ โดยรวมทำใจได้ อาจเจอ "สีกาเก็น" ระหว่างพิจารณาคดี ด้าน "บิ๊กเต่า"
งงหมอชั้น14ไม่ได้รางวัล
"ทักษิณ" ไม่เข้าใจ ทำไมหมอรักษาคนหายไม่ได้รางวัล หลังแพทย์ใหญ่เจ้าของไข้ร่ำไห้กลางศาล ปมการรักษาตัวชั้น 14
เอาคืน‘ทักษิณ’ยังแค้น‘อนุทิน’ ‘เสืิอกทุกเรื่อง’สอนมารยาท!
“ทักษิณ” เตรียมลุยช่วยหาเสียงเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ ชี้เพื่อไทยมั่นใจมากรักษาเก้าอี้ สอนมารยาท “หนู” ได้ข่าวสั่งคนโทร.ให้นายอำเภอมารอรับ ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไร
ร้องUNลงโทษเขมร ‘แม่ทัพภาค2’แฉแอบวางกับระเบิดฝั่งไทยนับร้อยลูกจ่อโต้เด็ดขาด!
เรื่องถึงสหประชาชาติ แม่ทัพภาคที่ 2 เผยหลักฐานเขมรแอบฝังกับระเบิดในผืนเแผ่นดินไทย 8 ลูก พบตัวอักษรชัดเจน เป็นของใหม่ทั้งหมด
'ทักษิณ' เหน็บ 'อนุทิน' ไม่มีตำแหน่งอะไร อ้างได้ข่าวสั่งนายอำเภอให้มารอรับ
นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการลงพื้นที่ช่วยผู้สมัคร สส.พรรคเพื่อไทย (พท.) หาเสียงในการเลือกตั้งซ่อม สส.ศรีสะเกษ เขต 5 ว่า ก็คงต้องไป เดี๋ยวดูอีกทีว่าจะไปวันไหน
‘อิทธิพร’ตอกยํ้า เมินเร่งคดีฮั้วสว. ถึงคิวแสวงเคาะ
“ภูมิธรรม” ไม่กังวลศาลรัฐธรรมนูญให้เพิ่มพยานคดีฮั้ว สว. บอกไม่ได้ทำอะไรผิด