จ่อกู้เงินอุดหนุนพลังงาน ‘ม็อบรถบรรทุก’รวมพล!

นายกฯ แจงต้นทุนสูงทำให้น้ำมันแพงเดือดร้อนกันหมด ยันรัฐบาลดูแลทุกกลุ่มวอนเข้าใจสถานการณ์  "สุพัฒนพงษ์” รับช่วงนี้ราคาน้ำมันขึ้นเร็วมาก หากไม่ตรึงราคาดีเซลทะลุ 35 บาทต่อลิตร ลั่นไม่ท้อแม้ถูกม็อบรถบรรทุกขับไล่ "พลังงาน" มึน! วิ่งหาเงินอุดหนุนราคาพลังงานเพิ่ม จ่อดึงงบกลาง คุย สศช.และหาช่องกู้ จำใจปล่อยราคาแอลพีจีขึ้นแบบขั้นบันได

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย (สขบท.)  ประกาศจัดกิจกรรมรวมทัพรถใช้น้ำมันแพงวิ่งทั่วกรุงเทพฯ เพื่อกดดันรัฐบาลและขับไล่นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์  รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พลังงานออกจากตำแหน่งว่า  แล้วมีคนเดือดร้อนเยอะไหมเรื่องน้ำมัน หรือเฉพาะรถบรรทุก รัฐบาลดูแลทุกกลุ่มไหม ในเมื่อต้นทุนราคาน้ำมันเป็นอย่างนี้ รัฐบาลก็ได้ใช้ทุกวิธีการในการที่จะดูแลให้ราคาไม่สูงเกินที่จะทำให้เกิดความเดือดร้อนมาก รัฐบาลก็ต้องทำอย่างนี้ อันที่หนึ่งคือเรามีงบประมาณมากน้อยเพียงใด  อันที่สองกลไกต่างประเทศเป็นอย่างไร ต้องเข้าใจไม่ใช่เดือดร้อนเฉพาะกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง เดือดร้อนทุกกลุ่มนั่นแหละ ทั้งภาคการผลิต ภาคการบริโภค ภาคการขนส่งก็ต้องช่วยกัน

"สถานการณ์ในวันนี้เป็นอย่างนี้อยู่ รัฐบาลได้ทำหลายมาตรการมาอย่างต่อเนื่องเข้าใจไหม ก็ต้องติดตามดูสถานการณ์ต่างประเทศบ้าง เปรียบเทียบเทียบเคียงดูบ้าง  มันก็เดือดร้อนทุกคน แต่รัฐบาลทำให้หรือเปล่า ทำให้ไม่ใช่หรือ รัฐบาลเอาเงินไหนมาดูแล ก็เอาเงินส่วนรวมนั่นแหละมาดูแลทุกกลุ่มทุกฝ่าย ก็ขอให้เข้าใจสถานการณ์ตรงนี้ด้วย" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว 

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลเข้าใจทุกปัญหาและได้ดำเนินการตรึงราคาพลังงานไว้ วอนให้เข้าใจสถานการณ์ ซึ่งหากเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านเรา ราคาน้ำมันวันนี้ส่วนใหญ่เกิน 30 บาท/ลิตรหรือใกล้เคียง โดยมีปัจจัยหลายอย่าง ยกเว้นประเทศมาเลเซียซึ่งมีการผลิตน้ำมันในประเทศเกินความต้องการในประเทศ ถ้ารัฐบาลไม่ตรึงราคาพลังงานไว้ วันนี้ราคาขายดีเซลที่แท้จริงจะสูงกว่านี้  อาจถึง 34 บาท/ลิตร หากทำตามที่เรียกร้องเดิมที่ 25  บาท/ลิตร จะต้องใช้เงินสนับสนุนถึงเดือนละ 20,000  ล้านบาท ปีละ 240,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่สูงเกินกว่าจะแบกรับไว้ได้ ที่สำคัญนายกรัฐมนตรีเน้นดำเนินนโยบายต้องไม่บิดเบือนกลไกตลาด หรือสร้างภาระงบประมาณในอนาคต

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ทุกครั้งที่มีการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ เราก็รับข้อเสนอและสามารถให้ข้อมูลได้มากที่สุด ตอนนี้เรากำลังดูมาตรการเดิมที่มีไปถึงวันที่ 31 มี.ค. และหากได้ข้อเรียกร้องต่างๆ มาจะไปดูว่าสามารถนำไปปรับปรุงอย่างไรและทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ส่วนการตรึงราคาน้ำมันดีเซล 25 บาทได้หรือไม่นั้น ที่ผ่านมาเราตรึงไว้ที่ 30  บาท ส่วน 25 บาทคงต้องมาดูกันว่าตัวเลขนี้มาได้อย่างไร และมันจะได้ประโยชน์อย่างไร แล้วใครได้ประโยชน์บ้าง

เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตการลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินไอพ่น แต่ไม่ลดให้รถบรรทุกเป็นการเอื้อนายทุนหรือไม่ รมว.พลังงานกล่าวว่า  เป็นเรื่องที่อุตสาหกรรมได้รับผลกระทบมากน้อยแค่ไหน  และมาตรการที่ว่าเป็นมาตรการชั่วคราว สิ่งที่สหพันธ์รถบรรทุกขอไม่ใช่มาตรการเฉพาะ วันนี้รัฐช่วยลิตรละ 5  บาทอยู่แล้วเท่ากับภาษีสรรพสามิต ถ้าวันนี้ไม่มีการตรึงราคาไว้เลยราคาดีเซลทะลุถึง 35 บาท เราจะพิจารณาช่วยเหลือเพิ่มเติมต่อไปก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ราคาน้ำมันตลาดโลก ซึ่งต้องยอมรับว่าช่วงนี้ราคาน้ำมันขึ้นมาเร็วมาก เพียงเดือนเดียวขึ้นมา 5 บาทกว่า เกือบ 6 บาทต่อลิตร  ถือเป็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบปัจจุบันทันด่วน ซึ่งรัฐบาลก็ทำอย่างเต็มที่แล้วภายใต้กรอบและจำนวนเงินที่มีอยู่

เมื่อถามว่า การเรียกร้องขับไล่รัฐมนตรีไม่ท้อใช่หรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องธรรมดาทุกคนก็มีความขุ่นเคืองในยามนี้ เพราะไม่ใช่สถานการณ์ปกติ เป็นสถานการณ์ที่เรากำลังอยู่ในวิกฤตระดับโลก ยืนยันไม่ท้ออะไร สบายๆ เพียงแต่ช่วงนี้เจ็บตาเพราะอาจอ่านหนังสือเยอะ

เมื่อถามว่า กรณีที่สหพันธ์ฯ จะขอขึ้นราคาค่าขนส่ง  20% หากไม่ได้รับการช่วยเหลือ จะทำให้วงจรค่าขนส่งเปลี่ยนไปหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์กล่าวว่า อยู่ที่สถานการณ์และข้อตกลงของการขนส่ง ระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ว่าเขาจะขึ้นได้มากแค่ไหนตามกลไกตลาด ส่วนภาคเอกชนขึ้นราคาบริการขนส่ง ถือเป็นกลไกตลาดเสรี เราจะไปบังคับทุกเรื่องไม่ได้ และต้องถามว่าผู้รับบริการจะยอมให้ขึ้นหรือไม่ และต้องพูดคุยกันเพราะมีผู้ให้กับผู้รับ

ที่กระทรวงพลังงาน นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูง ร่วมกันแถลงสถานการณ์พลังงานว่า กระทรวงพลังงานเตรียมหารือสำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์ หรือสศช.) เพื่อจัดหาแหล่งเงินเข้ามาเสริมสภาพคล่องในการดูแลโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ โดยเฉพาะในส่วนของก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภาคครัวเรือนที่กระทรวงพลังงานมีแนวทางปรับขึ้นแบบขั้นบันไดขึ้นไปอยู่ที่ 333 บาท/ถัง 15  กก. และ 363 บาท/ถัง 15 กก. จากปัจจุบันอยู่ที่  318 บาท/ถัง 15 กก. ที่จะสิ้นสุดลงวันที่ 31  มี.ค.65

ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานจะยังคงมีมาตรการดูแลผู้มีรายได้น้อยในช่วงที่ราคาก๊าซหุงต้มทยอยขึ้นแบบขั้นบันได  โดยกระทรวงการคลังยังคงอุดหนุนราคาก๊าซหุงต้มสำหรับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.5 ล้านคน เป็นเงิน 45  บาท/3 เดือนตามเดิม และเพิ่มเติมในส่วนของกระทรวงพลังงานมีแนวทางอุดหนุนอีก 55 บาท/3 เดือน รวมเป็นรัฐอุดหนุน 100 บาท/3 เดือน แต่ยังไม่มีความชัดเจนว่ากระทรวงพลังงานจะหาเงินจากแหล่งใดเพื่อใช้ในการอุดหนุนส่วนนี้ คาดว่าจะมีความชัดเจนช่วงกลางถึงปลายเดือน ก.พ.นี้

 “หากกระทรวงพลังงานจะให้ความช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเพิ่มเติมต้องหาแหล่งเงินอื่นมาช่วย น่าจะมาจากแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินและเงินงบประมาณ จะใช้ดูแลทั้งราคาแอลพีจีและน้ำมันด้วย เพิ่มเติมจากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติวงเงินให้กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกู้ 20,000 ล้านบาท ภายใต้กรอบวงเงินที่ ครม.ให้ไว้  30,000 ล้านบาท ที่คาดว่าแค่ใช้ดูแลราคาน้ำมันก็หมดแล้ว” นายกุลิศกล่าว

ส่วนข้อเรียกร้องของสหพันธ์การขนส่งทางบกฯ ที่ต้องการให้ภาครัฐปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงเหลือ 25 บาท/ลิตร พร้อมกดดันให้นายสุพัฒนพงษ์ออกจากตำแหน่ง นายกุลิศกล่าวว่า เรื่องนี้ขอความเห็นใจกระทรวงพลังงานด้วย เพราะรัฐคงไม่สามารถหาแหล่งเงินมาอุดหนุนราคาดีเซลให้อยู่ที่ 25 บาท/ลิตรได้ เนื่องจากปัจจุบันได้ใช้กลไกกองทุนเข้าไปตรึงราคาดีเซลให้อยู่ที่  29.94 บาท/ลิตร ไม่เกิน 30 บาท/ลิตรไปแล้ว 3.79  บาท/ลิตร คิดเป็นเงินไหลออกสะสมกว่า 7,000 ล้านบาท หากรัฐไม่มีมาตรการอุดหนุน ราคาดีเซลจริงจะขึ้นไปที่ 34 บาท/ลิตร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สมาชิกผู้ประกอบการรถบรรทุกจะจัดกิจกรรม Truck Power Final Season  เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในวันที่ 8 ก.พ.นี้ โดยจะเริ่มเคลื่อนไหวตั้งแต่ 09.30 น.เป็นต้นไป โดยมีการรวมพลในเส้นทางหลัก 3 แห่ง ได้แก่ 1.ถนนเอเชีย เริ่มจากด่านบางปะอิน-นวนคร-ดอนเมือง มุ่งหน้าไปกระทรวงพลังงาน 2.ถนนบางนาตราด เริ่มจากบางนาตราด กม.12 มุ่งหน้าไปกระทรวงพลังงาน  3.ถนนกาญจนาภิเษก เริ่มจาก นครปฐม ไปตลิ่งชัน บางพลัด วงศ์สว่าง มุ่งหน้ากระทรวงพลังงาน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง