ซัด‘อุ๊งอิ๊ง’ใจร้ายให้คิดถึงปท.

"แพทองธาร" ยกคณะลงพื้นที่สุรินทร์  ปลุกขวัญกำลังใจ เยี่ยมประชาชน-ทหาร-ผู้อพยพ   ย้ำรัฐบาลจะเร่งคลี่คลายสถานการณ์ให้จบโดยเร็ว   ชาวบ้านดักรอพบแต่โดนกัน ระบายสุดคับแค้น "ใจร้ายแท้" ขอให้คิดใหม่ทำใหม่หลังทำประเทศไทยต้องเจ็บปวด พท.ปากแข็ง อ้างต้นเหตุสงครามไม่ใช่ศึกสองตระกูล วอนม็อบเลิกชุมนุม 2 ส.ค.

เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 ก.ค. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.วัฒนธรรม พร้อมคณะ อาทิ นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ลงพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ โดยได้เดินทางไปยังศูนย์อพยพชั่วคราว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน  วิทยาเขตสุรินทร์ เพื่อให้กําลังใจและมอบสิ่งของแก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา

โดยเมื่อ น.ส.แพทองธารเดินทางมาถึงในพื้นที่ อ.เมืองสุรินทร์ มีประชาชนรายหนึ่งซึ่งอพยพมาจากอําเภอกาบเชิง ตั้งใจมาสื่อสารความเจ็บปวดกับนายกฯ และได้พยายามแนะนําตัวกับนายกฯ ว่าเป็นคนพื้นที่ชายแดน มีอะไรอยากจะสื่อสารกับท่านนายกฯ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีเมื่อมาถึงก็ได้เดินเข้าไปยังศูนย์อพยพ ไม่ทันได้สังเกตเห็นประชาชนคนดังกล่าว โดยทีมงานนายกฯ ได้หันมาบอกว่า เดี๋ยวออกมา ทำให้ประชาชนคนดังกล่าวพูดว่า “ใจร้ายแท้”

ทั้งนี้ ประชาชนคนดังกล่าวชื่อ น.ส.ชญาณุช โชคสุขอุดม อพยพมาจากอําเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ โดยกล่าวกับสื่อมวลชนว่า รู้สึกตื้นตันใจที่มาเป็นคนชายแดนแท้ๆ รู้สึกเจ็บมากกับคําพูดของนายกฯ การกระทำล่าช้ามาก คนไทยต้องไม่ตายฟรี ตอนนี้ประเทศไทยเจ็บปวดทั้งหมด ขอให้นายกฯ คิดให้ดี ชาวบ้านทุกคนฝากบอกนายกฯ ว่าพวกเราเจ็บปวด แต่ไม่รู้จะทํายังไง เพราะพวกเราเป็นชาวบ้านตาสีตาสา แต่เขาเป็นผู้นํา อยากบอกท่านว่าอย่าทําแบบนี้เลย เรื่องผลประโยชน์เราเข้าใจ แต่ให้หันมาดูประชาชน เปิดใจและเข้าใจประชาชนว่าพวกเราเจ็บปวดจริงๆ ส่วนเรื่องผลประโยชน์เรื่องความสัมพันธ์เขาปฏิเสธได้ อยากบอกว่าให้คิดใหม่ทําใหม่เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชาชน ก่อนทิ้งท้ายด้วยว่า “ผลประโยชน์เราไม่รู้อะไรหรอก แต่ประชาชนอยากอยู่อย่างสงบจริงๆ” พร้อมกับสื่อสารเป็นภาษาถิ่น (เขมร) ด้วยความหมายประมาณว่า “น้องอย่าทำแบบนี้นะ” จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวออกจากพื้นที่

ต่อมา น.ส.แพทองธารได้เข้าเยี่ยมผู้ป่วยติดเตียงที่พักรักษาอยู่ที่หน่วยปฐมพยาบาล ราว 40 คน และมอบสิ่งของจําเป็นสําหรับผู้ป่วย จากนั้นเดินทางต่อไปยังอาคารอาทิตยา ซึ่งเป็นจุดที่มีผู้อพยพ 1,400 คน ได้พบพูดคุยเพื่อให้กําลังใจ เยี่ยมเยียน และสอบถามชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน พร้อมกับถ่ายภาพร่วมกับประชาชน

ต่อมาเวลา 13.10 น. น.ส.แพทองธารและคณะเดินทางไปที่โรงพยาบาลสุรินทร์ เพื่อเยี่ยมนายทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์สู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้พูดคุยเพื่อให้กําลังใจ รวมทั้งกล่าวแสดงความนับถือหัวใจของแพทย์ พยาบาล เจ้าหน้าที่ ทหาร ตํารวจ อาสาสมัคร และพี่น้องทุกคน ที่ยังยืนหยัดทํางานอยู่หน้างานด้วยความทุ่มเท เสียสละ

จากนั้นนายกรัฐมนตรีโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กและ X ระบุว่า วันนี้ดิฉันเดินทางมายังจังหวัดสุรินทร์ เพื่อมาเยี่ยมพี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่ทหาร ที่ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ชายแดน ณ โรงพยาบาลสุรินทร์ และพบกับประชาชนที่ศูนย์อพยพชั่วคราว มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน วิทยาเขตสุรินทร์ พี่น้องประชาชนหลายคนต้องออกจากบ้านโดยไม่ทันตั้งตัว ต้องเผชิญกับความไม่แน่นอน ทั้งที่ไม่ควรต้องเจอกับความยากลำบากเช่นนี้ ดิฉันขอส่งกำลังใจถึงทุกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบ

“ดิฉันเชื่อมั่นว่ารัฐบาลจะเร่งคลี่คลายสถานการณ์นี้โดยเร็ว เพื่อทำให้ทุกชีวิตได้กลับคืนสู่ความปลอดภัยและมั่นคงโดยเร็ว” นายกฯ ระบุ

ด้านท่าทีจากพรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า พรรคเพื่อไทยขอเคียงข้างประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปะทะจากเขตสองชายแดน เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของสองตระกูลแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะรัฐบาลไทยมีนโยบายปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านเสียผลประโยชน์ ทำให้ประเทศบ้านไม่พอใจนโยบายดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาเราเคยขอความร่วมมือเรื่องการจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบไตรภาคีร่วมกับประเทศเมียนมา  ประเทศลาว ซึ่งเราได้เชิญประเทศกัมพูชามาร่วมด้วย แต่ทางกัมพูชาปฏิเสธ และบอกจะดำเนินการด้วยตนเอง ย้ำว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ความขัดแย้งของตระกูลใด และไม่อยากให้มีอารมณ์โกรธแล้วไปทำร้ายชาวกัมพูชาที่มาทำงานในประเทศ เรื่องนี้เป็นเรื่องรัฐต่อรัฐ

นอกจากนี้ โฆษกพรรคเพื่อไทยยังกล่าวถึงการนัดชุมนุมวันที่ 2 ส.ค.นี้ว่า ขอร้องไปยังแกนนำม็อบทั้งหลาย ว่าวันนี้สิ่งที่ประเทศต้องการนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ไม่ใช่การยุบสภา แต่สิ่งที่ประเทศไทยต้องการในปัจจุบันคือความสามัคคีของคนในชาติ ให้เพื่อนบ้านเห็นว่าวันนี้เราเป็นหนึ่งเดียวกัน  และพร้อมตอบโต้ผู้ที่รุกล้ำอธิปไตยของประเทศอย่างเต็มที่ และขอเรียกร้องว่า รอให้เหตุการณ์ชายแดนสงบก่อน แล้วจะมาชุมนุมตามกฎหมาย เชื่อว่าไม่มีการห้ามกัน ขอให้รับคำร้องขอและไปพิจารณาอีกครั้ง

วันเดียวกันนี้ ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผอ.สํานักวิจัยซูเปอร์โพล เปิดเผยผลสํารวจเรื่องความคิดเห็นของประชาชนต่อสถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชา  ที่จัดทําขึ้นระหว่างวันที่ 25-26 ก.ค. จำนวน1,054 ตัวอย่าง

โดยเมื่อสอบถามความคิดเห็นของประชาชนต่อการสู้รบไทย-กัมพูชา พบว่า เกือบร้อยละ 100 คือร้อยละ 99.5 เชื่อมั่นต่อกองทัพไทยจะปกป้องรักษาผืนแผ่นดินไทยได้ รองลงมาคือ ร้อยละ 94.3 ต้องการให้ฝ่ายการเมืองดูแลเยียวยาประชาชนผู้อพยพให้ดีกว่านี้ เช่น ค่าครองชีพ ภาระค่าใช้จ่าย หนี้สิน สวัสดิการ, ร้อยละ 91.8 ต้องการเห็นคนไทยสามัคคี ไม่ทะเลาะกันเอง ร่วมแรงร่วมใจช่วยเหลือกัน, ร้อยละ 91.5 ต้องการให้รัฐบาลเร่งเจรจาสันติภาพ แต่ต้องไม่ยอมอ่อนข้อต่อผู้รุกราน

“ผลสำรวจนี้สะท้อนศรัทธาสูงสุดที่ประชาชนมีต่อกองทัพไทยในฐานะผู้พิทักษ์อธิปไตย ซึ่งบ่งชี้ถึงทุนทางสังคมที่สําคัญยิ่งของประเทศ” ผอ.สํานักวิจัยซูเปอร์โพลให้ข้อมูล.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รำลึกพ่อหลวงร.9 ในหลวง-พระราชินีทรงบำ เพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน

ในหลวง-พระราชินี ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพรัชกาลที่ 9 และสถาปนาพระอิสริยศักดิ์เฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมพระนราธิวาสราชนครินทร์ บดินทรเชษฐภคินี

อนุทินโวทำจริง/ปปง.จ่อฟันอีก

นายกฯ ลั่นรัฐบาลจริงจังปราบสแกมเมอร์ บอกแค่ 2 เดือนยึดอายัดทรัพย์หมื่นล้าน-เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกกลับ "เพื่อไทย" ถ้าทำงานห่วยจะให้ย้ายไปคุม