ลุ้นระทึก! ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำสั่งบังคับโทษคดีชั้น 14 คาดไม่เกินเที่ยงรู้ผล "ทักษิณ" รอดหรือคุก เปิดไทม์ไลน์ไต่สวนรวม 7 นัด พยานเอกสารแน่นปึ้ก ศาลยกคำร้องขอห้ามออกนอกประเทศ เหตุไม่มีส่วนได้เสีย "ชาญชัย" อยากให้ "ทักษิณ" มาฟังคำสั่งศาล เตือนจะเลือกหนีทั้งชีวิตหรือยอมรับกระบวนการ ลั่นไม่เชื่อมีดีลลับ มั่นใจองค์คณะทั้ง 5 ท่านตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัด คำสั่งศาลจะกลายเป็นบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ ด้าน "ทักษิณ" กลับจากดูไบถึงไทยแล้ว จับตาไปฟังคำสั่งศาลตามที่โม้หรือไม่ "หัวหน้าเท้ง" อยากให้ยอมรับกระบวนการยุติธรรม ไม่อยากเห็นใช้ดีลแลกประโยชน์การเมือง
เมื่อวันที่ 8 กันยายน บรรยากาศที่บริเวณอาคารศาลฎีกา ฝั่งริมคลองหลอด สนามหลวง มีเจ้าหน้าที่ของศาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม ร่วมกันวางแผนและกำหนดแนวพื้นที่เพื่อรักษาความเรียบร้อย รองรับการอ่านคำสั่งบังคับโทษคดีชั้น 14 ในวันที่ 9 ก.ย. เวลา 09.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ออกหมายเรียกนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้เดินทางมาฟังคำสั่งที่ศาล
โดยเบื้องต้นจะใช้กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม และกองกำลัง คฝ.รวมทั้งสิ้น 100 นาย รวมทั้งได้กำหนดพื้นที่เพื่อรักษาความเรียบร้อย โดยจะอนุญาตให้สื่อมวลชนที่ลงทะเบียนกับศาลฎีกาเท่านั้นที่สามารถเข้าฟัง และสามารถนำรถทีมข่าวมาจอดบริเวณด้านหลังอาคารศาลฎีการิมคลองหลอดได้
ส่วนสื่อมวลชนที่ไม่ได้ขออนุญาต รวมทั้งบรรดากลุ่มมวลชนที่จะมาให้กำลังใจนายทักษิณ ให้รวมตัวกันที่บริเวณลานแม่พระธรณีบีบมวยผม เชิงสะพานผ่านพิภพลีลา โดยจะมีแผงเหล็กกั้นไว้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการจัดระเบียบและควบคุมพื้นที่บริเวณโดยรอบศาลฎีกา
สำหรับรถของคู่ความในคดีนี้จะอนุญาตให้เข้าทางประตูด้านหลังอาคารศาลฎีกา ฝั่งคลองหลอด เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง เพื่อขอให้ศาลออกข้อกำหนดห้ามนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางออกนอกราชอาณาจักรจนกว่าจะมีคำสั่งจากกรณีการบังคับโทษของนายทักษิณเป็นไปตามคำพิพากษาหรือไม่
โดยเวลา 15.00 น. ที่ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำสั่งในคำร้องดังกล่าว และนายชาญชัยเดินทางมาฟังคำสั่งศาล ต่อมาเวลา 16.00 น. นายชาญชัยได้ออกมาและเปิดเผยหลังฟังคำสั่งว่า ศาลพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่าตนไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงในคดีดังกล่าว จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะยื่นคำร้อง ศาลจึงมีคำสั่งยกคำร้องขอห้ามไม่ให้นายทักษิณเดินทางออกนอกราชอาณาจักร ส่วนตัวเข้าใจได้ว่าเป็นอำนาจการพิจารณาของศาล แต่อย่างน้อยก็เป็นข้อดีว่าศาลท่านทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นแล้ว และสามารถพิจารณาออกคำสั่งได้เองหลังจากนี้ โดยไม่ต้องมีใครมายื่นคำร้อง
นายชาญชัยกล่าวว่า สำหรับกรณีของนายทักษิณที่เดินทางกลับมายังประเทศไทยมองว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะอยากให้นายทักษิณกลับมาฟังคำสั่งของศาล เพื่อให้กระบวนการพิจารณาคดีเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ซึ่งตนมองอยู่แล้วว่าหากนายทักษิณยอมเดินทางมาที่ศาล อย่างมากสุดก็แค่ถูกจำคุก 1 ปี หรือรอดพ้นความผิด แต่ถ้านายทักษิณไม่ยอมรับในกระบวนการ คดีความก็อาจจะเพิ่มขึ้นและกลับประเทศไทยยากลำบากมากขึ้น จึงเชื่อว่าในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา นายทักษิณได้คิดทบทวนตัวเองมาดีแล้ว
คดีประวัติศาสตร์
นายชาญชัยกล่าวอีกว่า สำหรับการอ่านคำสั่งในวันที่ 9 ก.ย. ตนจะเดินทางมาฟังเพื่อดูว่ามีประเด็นอะไรบ้าง ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรตนก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะได้ทำหน้าที่ของตัวเองไปแล้ว ให้จบเป็นเรื่องๆ ไป แต่เชื่อว่าคำสั่งศาลจะเป็นผลทำให้ ป.ป.ช.นำไปขยายเรื่องดำเนินการต่อ หากศาลมีประเด็นพิจารณาว่าพบเจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือ และมีความผิดก็จะนำไปสู่การสืบสวนสอบสวน ซึ่งมีความเป็นไปได้อาจจะมีบุคคลระดับถึงรัฐมนตรีที่มีความผิดด้วย
"ผมมีความเชื่อมั่นในคำสั่งของศาล จึงไม่เชื่อว่ามีดีลลับอะไร เพราะองค์คณะผู้พิจารณาคดีทั้ง 5 ท่านนั้น เป็นระดับปรมาจารย์ฝ่ายนิติศาสตร์ มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ทางด้านกฎหมาย จนได้รับความไว้วางใจจากที่ประชุมใหญ่ ซึ่งได้รับสมญานามว่า 'ตรงยิ่งกว่าไม้บรรทัด' เพราะมีความตงฉินน่าเชื่อถือ ดังนั้นคำสั่งในวันที่ 9 ก.ย.จะกลายเป็นบันทึกหน้าประวัติศาสตร์ เพราะเป็นคดีใหญ่และเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินคดีทุจริตในประเทศ รวมทั้งจะกลายเป็นตำราสำหรับผู้เรียนกฎหมายในอนาคต"
นายชาญชัยยังมองอีกว่า ไม่มีทางเป็นไปได้ที่นายทักษิณจะขอเลื่อนการฟังคำสั่งในวันที่ 9 ก.ย.นี้ด้วยการอ้างเหตุว่าป่วย ต่อให้นายทักษิณไม่เดินทางมาฟัง ตามกฎหมายแล้วก็สามารถพิจารณาคดีลับหลังได้ เพราะถือเป็นการบังคับคดีจากคำพิพากษา ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับนายทักษิณเองว่าจะเลือกหนีทั้งชีวิต หรือยอมเข้าสู่กระบวนการ
"ใครทำอะไรไม่ดีก็ต้องรับผลกรรม ใครทำผิดทำความเสียหายต่อบ้านเมืองต้องรับผิดชอบ ถ้ายังหนีถือว่าคิดผิดอย่างมาก" นายชาญชัยกล่าวทิ้งท้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการนัดฟังคำสั่งศาลฎีกาฯ ที่เป็นการอ่านคำสั่งหลังศาลฎีกาฯ เปิดห้องพิจารณาคดีเพื่อไต่สวนคดีชั้น 14 นายทักษิณ ชินวัตร เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน 2568 หลังศาลฎีกาฯ ไม่รับคำร้องที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กับพวกยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ครั้งที่ 3 ในวันดังกล่าว ให้ไต่สวนเรื่องการบังคับโทษนายทักษิณ แต่ศาลฎีกาฯ ไม่รับคำร้องของนายชาญชัย เนื่องจากเห็นว่านายชาญชัยไม่ใช่คู่ความในคดี อย่างไรก็ตามศาลฎีกาฯ เห็นว่า เมื่อความปรากฏว่าอาจมีการบังคับตามคำพิพากษา ที่ไม่เป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาลนี้ ศาลย่อมมีอำนาจไต่สวนและมีคำสั่งตามที่เห็นสมควร จึงเข้าทำการไต่สวนเรื่องการบังคับโทษนายทักษิณ และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาฯ ได้มีการตั้งองค์คณะฯรวม 5 คน เป็นองค์คณะฯ ทำการไต่สวนการบังคับโทษนายทักษิณ โดยมีการเปิดห้องพิจารณาคดีไต่สวนรวมทั้งสิ้น 7 นัด โดยไม่ได้มีการเรียกนายทักษิณมาไต่สวนแต่อย่างใด
ไต่สวน 7 นัดพยานแน่นปึ้ก
สำหรับการไต่สวนทั้ง 7 นัดเริ่มจากนัดแรก วันที่ 13 เม.ย. เรียกนายมานพ ชมชื่น ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มาเบิกความ แต่เนื่องจากนายมานพไม่ได้เป็นผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครในช่วงนายทักษิณกลับมารับโทษ จึงทำให้การไต่สวน-การเบิกความนายมานพ จึงไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรได้มากนัก
นัดที่สองไต่สวนเมื่อวันที่ 4 ก.ค. มีพยานบุคคลขึ้นเบิกความรวม 5 ปาก เช่น พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ที่ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งเป็นแพทย์ที่ออกใบรับรองให้นายทักษิณล่วงหน้า จนทำให้ถูกแพทยสภาลงโทษด้วยการตักเตือน, นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ, นพ.นทพร ปิยะสิน แพทย์อิสระ ซึ่งเป็นหมอเวรประจำทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ และพยาบาลวิชาชีพปฏิบัติการ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อีกสองคนคือ น.ส.จิราพร มีนวลชื่น และ น.ส.ณิชามล มากจันทร์
นัดที่สามวันที่ 8 ก.ค. มีพยานรวม 9 ปาก เช่นนายสัญญา วงค์หินกอง เจ้าพนักงานราชทัณฑ์อาวุโส ปฏิบัติหน้าที่ ผอ.ส่วนบริหารงานทั่วไป เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ, นายสมศักดิ์ บุดดีคำ นักทัณฑวิทยาชำนาญการ ประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ, นายจารุวัฒน์ เมืองไทย นักทรัพยากรบุคคลชำนาญการ ประจำเรือนจำกลางอุบลราชธานี ในวันเกิดเหตุประจำการที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมตัวผู้ต้องขังจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ไป รพ.ตำรวจ, นายธีระศักดิ์ คงหอม หัวหน้างานตรวจค้น ประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ, นายเทวรุทธ สุนทร ผอ.ทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง จ.ระยอง อดีตผอ.ส่วนควบคุมผู้ต้องขังไปศาล ได้รับมอบหมายให้รับตัวผู้ต้องขังจากศาลฎีกาฯ ไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตอนกลางวัน และได้รับคำสั่งให้ส่งตัวผู้ต้องขังไป รพ.ตำรวจตอนกลางคืน
นายนพรัตน์ ไกรแสวง นักทัณฑวิทยาชำนาญการ ประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ, นายเจนวิทย์ เรือนคำ เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญการเรือนจำ จ.อุดรดิตถ์ ในวันเกิดเหตุประจำการอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้รับคำสั่งให้เป็นผู้คุมขณะผู้ต้องขังพักอยู่ที่ รพ.ตำรวจ, นายศิวพันธุ์ มูลกัน เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ชำนาญการเรือนจำ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ในวันเกิดเหตุประจำการอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้รับคำสั่งให้เป็นผู้คุมขณะผู้ต้องขังพักอยู่ที่ รพ.ตำรวจ, นายนิภัทร์ชล หินสุข เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ปฏิบัติงาน ประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ได้รับคำสั่งให้เป็นผู้คุมขณะผู้ต้องขังพักอยู่ที่ รพ.ตำรวจ
ไม่เกินเที่ยงรู้ผลรอดหรือคุก
นัดที่ 4 วันที่ 15 ก.ค. เรียกพยานเบิกความรวม 6 ปาก เช่น นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์, นายสิทธิ สุธีวงศ์ รองอธิบดีกรมคุมประพฤติ ในช่วงเกิดเหตุเป็นรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์และโฆษกกรมราชทัณฑ์, นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์, นายนัสที ทองปลาด อดีตผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ, นพ.พงศ์ภัค อารียาภินันท์ นายแพทย์ชำนาญการพิเศษ ซึ่งขณะเกิดเหตุเป็นรอง ผอ.ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์ และ นพ.วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผบ.เรือนจำมีนบุรี อดีต ผอ.ทัณฑสถาน รพ.ราชทัณฑ์
นัดที่ 5 วันที่ 18 ก.ค. มีการเรียกพยานบุคคลที่เป็นกลุ่มแพทย์ รพ.ตำรวจที่ร่วมกันรักษาและผ่าตัดรักษาการป่วยนายทักษิณ คือ พ.ต.อ. นพ.ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) รพ.ตำรวจ, พล.ต.ต. นพ.สามารถ ม่วงศิริ รองนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ, พล.ต.ต. นพ.ศุภฤกษ์ พัฒนปรีชากุล นายแพทย์ (สบ 6) รพ.ตำรวจ, พล.ต.ท. นพ.สุรพล เกษประยูร ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ, พล.ต.ท. นพ.โสภณรัชต์ สิงหจารุ ผู้ช่วย ผบ.ตร. อดีตนายแพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ, พล.ต.ท. นพ.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่ (สบ 8) รพ.ตำรวจ คนปัจจุบัน, พล.ต.ต. นพ.ศุภฤกษ์ พัฒนปรีชากุล นายแพทย์ (สบ 6) รพ.ตำรวจ, พล.ต.ท. นพ.สุรพล เกษประยูร แพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ
นัดที่ 6 วันที่ 25 ก.ค. เรียกตัวแทนจากแพทยสภามาเบิกความ เช่น ศ.เกียรติคุณ ดร. นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา และอดีตคณบดีแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, ศ. นพ.ไชยรัตน์ เพิ่มพิกุล กรรมการแพทยสภา และประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฉุกเฉิน, ศ. นพ.กีรติ เจริญชลวานิช กรรมการแพทยสภา และประธานราชวิทยาลัยออร์โธปิดิกส์แห่งประเทศไทย เป็นต้น
นัดสุดท้าย วันที่ 30 ก.ค. มีนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกฯ และรักษาการ รมว.ยุติธรรม ช่วงรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าเบิกความในฐานะพยานที่ฝ่ายทนายความของนายทักษิณยื่นคำร้องขอต่อศาลฎีกาฯ โดยมีการเบิกความให้ความเห็นเกี่ยวกับขั้นตอนและระเบียบปฏิบัติในการพักโทษ การรักษาพยาบาลนอกเรือนจำของผู้ต้องขัง และอำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมในการพิจารณาเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง แต่มีรายงานว่านายวิษณุระบุว่า ไม่รู้เรื่องกระบวนการยื่นขอพระราชทานลดโทษของนายทักษิณ และวันดังกล่าวองค์คณะฯ ได้นัดฟังคำสั่งศาลฎีกาฯ แจ้งผลการไต่สวนการบังคับโทษนายทักษิณในวันอังคารที่ 9 ก.ย.
โดยในวันอังคารที่ 9 ก.ย. ช่วงระหว่างการอ่านคำสั่งในห้องพิจารณาคดี ศาลฎีกาฯ ไม่อนุญาตให้ผู้เข้าฟังการอ่านคำสั่งและสื่อมวลชนนำโทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์การบันทึกภาพและเสียงเข้าห้องพิจารณาคดีที่จะเริ่มตั้งแต่ 10.00 น. โดยคาดว่าไม่เกินเวลา 12.00 น.ก็จะรู้ผลการอ่านคำสั่งของศาลฎีกาฯ
'ทักษิณ' กลับจากดูไบถึงไทย
ส่วนความเคลื่อนไหวของนายทักษิณ หลังจากเมื่อวันที่ 4 ก.ย.ได้เดินทางออกจากประเทศไทยด้วยเครื่องบินส่วนตัว โดยระบุว่าจะบินไปสิงคโปร์ แต่ระหว่างทางได้เปลี่ยนเส้นทางไปลงที่เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยแจ้งว่ามีปัญหาเรื่องการลงจอดที่สิงคโปร์ โดยนายทักษิณอ้างว่าจะไปพบหมอกระดูกและหมอปอดที่ใช้ประจำมานาน และยังมีโอกาสได้ไปเยี่ยมเพื่อนที่ดูไบ และตั้งใจจะกลับไปไทยไม่เกินวันที่ 8 ก.ย.เพื่อเดินทางไปศาลด้วยตัวเองวันที่ 9 ก.ย.นี้
มีรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ 8 ก.ย. นายทักษิณได้เดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว (Private Jet) Bombadier Global 7500 เที่ยวบิน T7GTS จากเมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลงจอดที่ท่าอากาศยานเซเลตาร์ (Seletar Airport) ประเทศสิงคโปร์ ก่อนจะบินกลับมายังประเทศไทยที่สนามบินดอนเมืองในเวลา 15.00 น.
โดยพบว่านายทักษิณใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้า กางเกงสีดำ นั่งรถรถเมอร์เซเดสเบนซ์-มายบัค ป้ายทะเบียน พร 195 ออกจากอาคารผู้โดยสารอากาศยานส่วนบุคคล (M Jets) พร้อมโบกมือทักทายสื่อมวลชนจากในรถด้วย
ที่รัฐสภา นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวตอบเมื่อถามถึงฉากทัศน์หลังจากนี้ กรณีที่นายทักษิณอาจจะเดินทางกลับไทยวันนี้จะเป็นอย่างไรว่า เนื่องจากนายทักษิณเป็นตัวละครที่มีผลทางการเมือง อยากให้นายทักษิณเดินหน้าและยอมรับการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพราะเป็นสิ่งที่เชื่อว่าไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ประชาชนทุกคนก็อยากให้กระบวนการยุติธรรมมีความเป็นธรรมจริงๆ
เมื่อถามว่า การกลับมาของนายทักษิณครั้งนี้จะสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองได้มากน้อยแค่ไหน นายณัฐพงษ์กล่าวว่า อยู่ที่ตัวนายทักษิณเอง เชื่อว่าทุกการตัดสินใจของเขาย่อมส่งผลกระเพื่อมทางการเมืองได้ทั้งสองด้าน
"ลึกๆ แล้วผมไม่ได้มีข้อเท็จจริงแบบนั้น หากประเมินตามบริบทการเมืองภาพใหญ่ ที่เคยอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องดีลแลกประเทศ ก็พบว่าสิ่งที่ไม่อยากเห็นคือ การพยายามใช้อำนาจรัฐหรือการต่อรองทางการเมือง เพื่อปกป้องคดีของตัวเองหรือผลประโยชน์ทางการเมือง" นายณัฐพงษ์กล่าวถึงกรณีที่ทุกคนมองว่า การกลับมาของนายทักษิณทุกครั้งต้องมีดีลตลอด และในรอบนี้อาจมีดีลด้วยหรือไม่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


