อนุทินยํ้าอำนาจกองทัพ มทภ.1ซ้อมแผนไล่เขมร

“อนุทิน” ยันมอบ “กองทัพ-กต.” มีอำนาจชายแดนเต็มที่ ย้ำต้องผลักดันกัมพูชาออกจากบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว ถ้าไม่ออกก็ไม่เจรจา “บิ๊กดุลย์” โยน มทภ.1 แจงปมเลื่อนถกอาร์บีซี-ผลักดันชาวกัมพูชา “สีหศักดิ์”   ระบุต้องทำให้ ปชช.ได้รับข้อมูลเอ็มโอยู 43-44  ให้มากที่สุด ส่วนปมยกเลิกรอ กมธ.ศึกษาก่อน  อ้างไม่ใช่เรื่องเร่งรีบแต่ต้องรอบคอบ "มทภ.1" ลงพื้นที่สระแก้ว ซักซ้อมแผนปฏิบัติขีดเส้นรักษาอธิปไตย

 ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 7 ตุลาคม     นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีการผลักดันชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ว่าเมื่อวันที่ 6 ต.ค. มีการประชุมหารือกันแล้วก็ดำเนินการตามที่เรามีข้อตกลงกับเขาไว้ เราก็ยังยืนยันว่าเขาจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขในคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) ซึ่งมีสาระสำคัญอยู่ 4 ข้อคือ ถอนอาวุธ ถอนกำลัง ปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ และบริหารสถานการณ์ชายแดนให้เรียบร้อย ส่วนไหนที่เป็นพื้นที่ของราชอาณาจักรไทยก็ต้องออก ก็แค่นั้น

เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการจับตามองในเรื่องของสิทธิมนุษยชน จะคืนความยุติธรรมให้กับคนไทยอย่างไร จะเป็นความยากลำบากในการตัดสินใจหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่เห็นยากเลย คนไทยจะต้องได้รับความยุติธรรม คนไทยทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันอยู่แล้ว คนที่มารุกล้ำประเทศไทยถ้าเข้ามาโดยการบุกรุกก็ต้องออกไป ชัดเจนแค่นั้น ไม่ใช่ว่าจะตอบมาว่า เขาไม่ทำ คือถ้าไม่ทำ ก็ไม่มีใครเจรจา

"คนเป็นนายกฯ พูดเรื่องนี้มากไม่ได้ เพราะว่ามอบหมายไปหมดแล้ว ถ้าผมไปพูด ซึ่งมอบหมายไปแล้วว่าต้องรักษาอธิปไตย รักษาชายแดน รักษาแผ่นดิน เป็นเรื่องของกองทัพ ให้อำนาจเต็มไปหมดแล้ว การสนับสนุนทุกอย่างจากรัฐบาลเต็มหมดแล้ว เหมือนเรื่องของการเจรจาทางการทูต จะพูดเรื่องเงื่อนไขอะไรต่างๆ  กระทรวงการต่างประเทศรับไปดำเนินการหมดแล้ว กรณีการดูแลประชาชนที่จังหวัดสระแก้วสิทธิต่างๆ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดก็ดำเนินการตามที่ตกลงไว้ ทุกคนได้รับมอบอำนาจทั้งหมดให้ไปดำเนินการจัดการ" นายอนุทินกล่าวถึงแนวทางทำให้สังคมโลกมองเราในทางบวก

เมื่อถามว่า กรณีที่มีการเลื่อนการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา (เจบีซี) ออกไปอย่างไม่มีกำหนดจะมีผลอย่างไร  นายอนุทินกล่าวว่า ทุกอย่างมีเหตุมีผลของมันอยู่  ซึ่งตนได้มอบให้หน่วยงานต่างๆ รับผิดชอบเต็มที่  เขาต้องดำเนินการตามนั้น ตนให้การสนับสนุนทุกอย่าง ถ้าไปพูดหรือสั่ง หรือพูดต่างกับเขาก็ทำงานไม่ได้ เพราะฉะนั้นตอนนี้ทุกคนที่ไปเจรจา หรือจะไปทำอะไรกับใคร เขาได้อำนาจไปหมดแล้ว เขาตัดสินใจก็คือตนตัดสินใจ ส่วนการลงพื้นที่ด้วยตัวเอง จะเป็นเวลาที่เหมาะสมก็ต้องดูด้วย

พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังชาวกัมพูชาไม่อพยพคนออกจากพื้นที่บ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ว่าจากการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)  ที่ผ่านมา ได้มอบหมายให้กองบัญชาการกองทัพไทยและผู้บัญชาการทหารสูงสุดดูแลแล้ว ส่วนการประชุมคณะกรรมการส่วนภูมิภาค ไทย-กัมพูชา (อาร์บีซี) นั้น เบื้องต้นทราบว่ากองทัพภาคที่ 1 เลื่อนออกไป ยังไม่ทราบกำหนดวันที่ชัดเจน ในส่วนของกองทัพภาคที่ 2 ได้เลื่อนออกไปเช่นเดียวกัน แต่ได้กำหนดให้มีการประชุมในวันที่ 14 ต.ค.

ส่วนการชี้แจงทำความเข้าใจข้อดี-ข้อเสียกับประชาชนเกี่ยวกับ MOU ปี 2543 และ 2544  พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า  ต้องให้รัฐบาลเป็นผู้กำหนดว่าจะให้หน่วยงานใดเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมก็ศึกษาอยู่

พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม กล่าวถึงการประชุมอาร์บีซีว่า เป็นเรื่องของกองทัพภาคที่ 1 ขอให้ไปสอบถามแม่ทัพภาคที่ 1 เมื่อถามว่าขณะนี้ต่างฝ่ายต่างไม่ร่วมประชุม เพราะทางกัมพูชาไม่เสนอแผนอพยพชาวกัมพูชาออกจากพื้นที่ พล.ท.อดุลย์พยักหน้ารับพร้อมกล่าวว่า  ใช่

เมื่อถามย้ำว่า หากไม่มีการประชุมจะอยู่กันแบบนี้ใช่หรือไม่ พล.ท.อดุลย์กล่าวว่า ต้องไปถามแม่ทัพภาคที่ 1 ดู ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยหาทางแก้ไขกัน

นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับหน้าที่ในการชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับเอ็มโอยูปี 2543 และ 2544 ว่า ในส่วนของกระทรวงการต่างประเทศพยายามที่จะให้ข้อมูลกับประชาชนให้มากที่สุด ต้องให้ข้อมูลข้อเท็จจริงที่จะทำให้ประชาชนรู้ว่าวิธีการจะเป็นอย่างไร รูปแบบจะเป็นแบบใด ส่วนการทำประชามติจะทำรูปแบบใดต้องพูดคุยกันขณะนี้ไม่ใช่แค่นโยบายของกระทรวง แต่เป็นนโยบายของรัฐบาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีจะมีการทำประชามติยกเลิกเอ็มโอยู แต่ยังไม่มีการอธิบายข้อดี-ข้อเสีย นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดถึงการยกเลิก ขณะนี้คณะกรรมาธิการฯ ในสภากำลังพิจารณาอยู่ จะต้องนำผลการพิจารณาของ กมธ.มาประกอบการพิจารณาด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างต้องทำด้วยความรอบคอบ เพราะเป็นผลประโยชน์ของประเทศ และถ้าจะให้ประชาชนมีส่วนในการตัดสินใจ ก็จะต้องทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลมากที่สุด เราอยากให้เป็นสังคมประชาธิปไตย ตัดสินใจบนข้อมูลที่มากที่สุด 

"ต้องคุยกันในแต่ละฝ่าย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เราจะต้องตัดสินใจแบบรีบเร่ง ต้องมานั่งคุยให้รอบคอบ" นายสีหศักดิ์กล่าว

ที่กองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้มอบเจตนารมณ์ในการปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยของชาติ และความปลอดภัยของประชาชนแก่ กำลังพลในโอกาสตรวจเยี่ยมความพร้อมรบของฝูงบิน F16

 “ขอให้พวกเรานั้นดำรงตนตั้งมั่นอยู่ในหน้าที่ที่เราได้รับมอบหมายและรับผิดชอบ ให้ตั้งใจทำงาน ทำหน้าที่ของเราอย่างเต็มกำลังความสามารถ จนกว่าพวกเราจะจัดการกับอริราชศัตรูให้เรียบร้อย หมดสิ้นความเป็นภัยคุกคามกับอธิปไตยของประเทศไทย” ผบ.ทอ.กล่าว

ขณะที่ พล.ท.วรยส เหลืองสุวรรณ แม่ทัพภาคที่ 1/ผบ.ศปก.ทภ.1 ลงพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จ.สระแก้ว รับฟังการบรรยายสรุปการปฏิบัติงานที่สำคัญของหน่วยทหาร ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง และส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนรับฟังแผนการปฏิบัติ ตามแผนเผชิญเหตุและแผนการใช้กำลังในการบังคับใช้กฎหมาย และได้ชมการซักซ้อมการเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วน ณ พื้นที่ภูมิประเทศจำลอง พร้อมให้กำลังใจกับกำลังพลและเจ้าหน้าที่ที่มุ่งมั่นทำหน้าที่ในการดูแลปกป้องอธิปไตยของชาติ

สำหรับการลงพื้นที่ จ.สระแก้ว ของแม่ทัพภาคที่ 1 ในครั้งนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา เยี่ยมให้กำลังใจการปฏิบัติงานของกำลังพลและเจ้าหน้าที่ภาคส่วนต่างๆ ตลอดจนติดตามการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ยืนยันภารกิจปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างเต็มความสามารถ ควบคู่กับดูแลความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่อย่างดีที่สุด

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า สถานการณ์โดยรวม มีการตรวจพบความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชา โดยตรวจพบโดรนบริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย 4 ลำ, พื้นที่โดนตวล 1  ลำ, พื้นที่ซำแต 3 ลำ, พื้นที่ภูผี 2 ลำ, พื้นที่ฐานปฏิบัติการหนองแค ร้อย.ทพ.2602 จำนวน 1 ลำ และบริเวณเหนือเนิน 350 จำนวน 6 ลำ และตรวจพบรถแบ็กโฮ รถบรรทุก 10 ล้อ ทำการปรับปรุงที่มั่นขนาดใหญ่ คาดว่าเป็นการปรังปรุงบังเกอร์สำหรับหลบภัย ปัจจุบันกองกำลังทั้ง 2 ฝ่าย ยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นของตนเอง  ฝ่ายไทยจัดกำลังพลประจำจุดเฝ้าตรวจตามเหตุการณ์ เพื่อติดตามความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม และเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตอบโต้ตามสถานการณ์.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ทุ่นระเบิด-เชลยศึก”สู่โหมด“ไรดาร์” กับระเบิดเวลาเขตแดน“ได้-เสมอ-เสีย”

การดำเนินการตามถ้อยแถลงนายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชา ซึ่งได้ลงนามกันทางมาเลเซีย โดยมี “โดนัลด์ ทรัมป์” นายกรัฐมนตรีเป็นสักขีพยาน ในประเด็นร้อนเรื่องการถอนอาวุธ ยังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่โปร่งใส หรือมีคำถามเรื่องการปกปิด อำพรางซ่อนเร้นหรือไม่ อีกทั้งมีหลักประกันอะไรที่จะไม่มีการเคลื่อนย้ายอาวุธร้ายแรงที่เป็นภัยคุกคามกับไทยกลับมาอีก