แฉทหารต่างชาติบังคับโดรน

วุ่นกักตัวคนไทยไม่ให้กลับประเทศ   ทบ.ซัดการทูตปอยเปต ใช้พลเรือนเป็นข้อต่อรอง  ด้าน กต.เร่งออกเอกสารด่วนให้คนไทยเดินทางออกทั้งทางบก-อากาศ ด้านเหตุสู้รบ ทอ.เข้มข้น ส่ง F-16 บอมบ์ “กาสิโนจุ๊บโกกี” ตรงข้ามบุรีรัมย์ หย่อนไข่ “บ้านสามหลัง” ตราด เปิดทาง นย.เคลียร์  “ทภ.2" สอยรถถัง 3 คัน-บีเอ็ม 21 อีก 1 คัน ทำลายฐานทหารรอบปราสาทตาควาย-เนิน 350 ได้ แฉคนบังคับโดรนพลีชีพไม่ใช่ทหารกัมพูชา “ทบ.” แจงเคอร์ฟิวสระแก้ว ป้องวินาศกรรม-สายลับ 

เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม เหตุการณ์สู้รบระหว่างไทย-กัมพูชาตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. ซึ่งทหารกัมพูชาเปิดฉากยิงทหารไทยที่ภูผาเหล็ก พลาญหินแปดก้อน จ.ศรีสะเกษ ก่อนจะนำไปสู่การปะทะตลอดแนวชายแดนนั้น เมื่อเวลา 23.00 น. ของคืนวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา กองทัพอากาศไทยได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อเป้าหมายทางทหาร ในย่านจุ๊บโกกี อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย ของกัมพูชา โดยการข่าวชี้ชัดว่าพื้นที่ดังกล่าวเป็นคลังน้ำมัน และถูกใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา ทั้งใช้เป็นฐานบัญชาการปล่อยโดรนพลีชีพโจมตีทหารไทย, คลังเก็บอาวุธหนัก และเป็นจุดเติมเชื้อเพลิงให้แก่รถยิงจรวด  BM-21 สามารถทำลายเป้าหมายทางทหารได้ตามวัตถุประสงค์ ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ปฏิบัติการใกล้ๆ กันกับบ่อนกาสิโนในย่านจุ๊บโกกี   ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับจุดผ่อนปรนช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ จึงทำให้เห็นแสงสว่างสีแดงเพลิงได้อย่างชัดเจน

ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 สรุปผลการปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค. จนถึงวันที่ 11 ธ.ค. ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน 13 แนวรบ ดังนี้ ผลการปฏิบัติที่สำคัญ ในวันที่ 11 ธ.ค.68 1.ช่องอานม้า เข้าควบคุมพื้นที่ได้บางส่วน 2.เข้าทำลายฐานปฏิบัติการข้าศึก บริเวณพื้นที่ซำแต 3.พื้นที่ช่องระยี-ช่องเปรอ เข้ายึดพื้นที่คืนถึงเส้นปฏิบัติการ แต่ยังถูกต่อต้านเป็นระยะ 4.พื้นที่คนา เข้ายึดแล้ว 2 ที่หมาย ปัจจุบันถูกตีโต้ตอบจากฝ่ายตรงข้าม 5.พื้นที่ตาควาย ยิงทำลายฐานทหารรอบปราสาท และเนิน 350 แต่ยังเข้าควบคุมไม่ได้ เพราะถูกต่อต้านอย่างหนักจากอาวุธยิงสนับสนุน โดรน และกับระเบิดของฝ่ายกัมพูชาอย่างหนาแน่น

จากการปฏิบัติของฝ่ายเรา ตั้งแต่วันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา คาดว่า 1.ทหารกัมพูชาเสียชีวิต 89 ราย 2.ทำลายรถถัง T-55 จำนวน 3 คัน (ในพื้นที่พนมประสิทธิโส) 3.ทำลายจรวดหลายลำกล้อง (BM-21) จำนวน 1 คัน 4.ทำลายระบบโดรน จำนวน 64 ลำ 5.ทำลายแอนตี้โดรน 1 ระบบ ในพื้นที่ห้วยตามาเรีย

ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ในช่วงเช้า พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่า ขณะที่ตัวเลขของกำลังพลสูญเสียเพิ่มอีก 2 ราย ในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 จำนวน 1 นาย และกองทัพภาคที่ 2 จำนวน 1 นาย โดยปัจจุบันมีกำลังพลสูญเสียไปแล้ว 9 นาย และบาดเจ็บประมาณ 120 นาย พร้อมยังได้เปิดเผยภาพความเสียหายของบ้านเรือนประชาชนที่ถูกโจมตีด้วยบีเอ็ม 21 รวมถึงถนนในพื้นที่จังหวัดตราด รวมสถิติ ผลกระทบต่อพลเรือน เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ณ เวลา 16.00 น. พบประชาชนที่พลัดถิ่นและพักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงทั้งหมด 199,618 คน ในศูนย์พักพิง 849 แห่ง และมีผู้เสียชีวิต 3 ราย โรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ 19 แห่ง รวมถึงโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล 180 แห่ง ทำให้ต้องอพยพผู้ป่วยจากพื้นที่ ซึ่งขอประณามการใช้อาวุธหนักโดยไม่เลือกเป้าหมายของกัมพูชาที่สร้างผลกระทบดังกล่าว

ขณะที่ พล.อ.ท.จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ บอกว่า จากที่ดูสถิติตัวเลขการใช้กำลัง สถานการณ์ครั้งนี้เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ลดน้อยถอยลงไป ทุกอย่างพัฒนาเป็นขั้นตอน  สงครามมีความซับซ้อนมากมาย การสู้รบจะมีการเปลี่ยนแปลง เปลี่ยนแผนทุกนาที พร้อมยืนยันว่ากองทัพอากาศจะปฏิบัติการทางอากาศ จนกว่าฝ่ายตรงข้ามจะยุติความตั้งใจในการเป็นภัยคุกคามกับประเทศไทยและประชาชนคนไทย ยืนยันคำเดิม เรายังเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง มีความเข้มข้นมากขึ้น

แฉคนบังคับโดรนไม่ใช่ทหารเขมร

ขณะที่ เพจทางการของกองทัพภาคที่ 2 ได้โพสต์ข้อมูลและภาพยุทธวิธีโดรนที่กัมพูชาใช้ในพื้นที่ช่องอานม้า โดยลักษณะโดรนที่ใช้จะเป็น FPV ติดลูก ค.82 มม. และใช้สายไฟเบอร์ออปติกในการบังคับ จะมีโดรนชี้เป้าจำนวน 1 ตัว บินคอยดูสังเกตและแจ้งที่หมาย จากการฟังเสียงจะไม่มีรวดเร็วและบินได้นาน ทั้งนี้ โดรนพลีชีพจะทิ้งทำลายบริเวณช่องด้านหน้าหรือด้านหลังบังเกอร์ หวังให้สะเก็ดกระเด็นเข้าด้านใน และบางจังหวะมีลงจอดที่พื้นเพื่อประหยัดแบตและรอเป้าหมาย ในขณะที่ลักษณะการบินจะไม่ผ่านจุดที่มีสิ่งกีดขวางเยอะ และบินเลือกเป้าไปกลับไปมา ทำให้คาดว่าใช้สายไฟเบอร์ออปติก สำหรับการบังคับโดรนนั้น จะสามารถควบคุมได้ 2 ลักษณะ ให้บินตาม gps ขึ้นได้ทีละหลายลำ แต่จะบินมั่ว ชนกิ่งไม้หรือตาข่ายง่าย และใช้คนบังคับทีละลำ ลักษณะจะบินหาที่มุดเข้าบังเกอร์ โดยที่ช่องอานม้าเจอลักษณะนี้

พร้อมมีข้อสังเกตว่า “คนบังคับน่าจะไม่ใช่ทหารกัมพูชา เนื่องจากมีสัญญาณเข้ามาวิทยุทางทหารโหมด CRL คำภาษาอังกฤษลงท้ายประโยคว่า finished …. ประกอบกับจุดตรวจการณ์ จะตรวจพบจักรยานยนต์ขี่ลงไปหลังจากโดรนพลีชีพเงียบไป (ทั้ง 2 วันที่อานม้าโดน)" เพจกองทัพภาคที่ 2 ระบุ

ผู้สื่อข่าวยังรายงานสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านจังหวัดตราด  ว่าในช่วงเช้าหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด (ฉก.นย.ตราด) ได้เปิดปฏิบัติการทางทหารบริเวณพื้นที่บ้านสามหลัง บ้านหนองรี ต.ชำราก อ.เมืองฯ จ.ตราด ส่งผลให้มีเสียงปืนและเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะอย่างต่อเนื่อง โดยฝ่ายความมั่นคงได้มีคำสั่งด่วนให้อพยพประชาชนออกจากพื้นที่ 100% ในเขต 4 ตำบลชายแดนอำเภอเมืองตราด ได้แก่ ต.ชำราก, ต.ตะกาง, ต.ท่ากุ่ม และ ต.แหลมกลัด เนื่องจากสถานการณ์การปะทะมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น จากการที่ฝ่ายกัมพูชาได้มีการเสริมกำลังพลและเคลื่อนย้ายอาวุธหนักเข้ามาประชิดแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง

เวลา 11.00 น. ฐานปืนใหญ่ของฝั่งจังหวัดตราดได้ยิงปืนใหญ่สนับสนุนทหารนาวิกโยธินตราดบุกยึดพื้นที่บ้านสามหลัง และบริเวณกาสิโนที่บ้านทมอดา ต.เวียงเวล อ.เวียลเวง จ.โพธิสัตว์ ตรงข้ามกับบ้านท่าเส้น ต.แหลมกลัด อ.เมืองฯ จ.ตราด กว่า 10 นัด ซึ่งเสียงปืนได้ยินถึงตัวเมืองตราดเป็นระยะๆ 

กระทั่ง เวลา 15.55 น. กองทัพอากาศส่งเครื่องบิน F-16 เข้ามาปฏิบัติการในพื้นที่บ้านชำราก ด้วยการทิ้งระเบิดใส่คูเลตทหารกัมพูชาในพื้นที่บ้านสามหลัง เพื่อให้ทหารนาวิกโยธินตราด และทหารพรานที่อยู่แนวหน้าเข้ายึดพื้นที่ มีการปะทะด้วยปืนเล็กบนเขาอย่างต่อเนื่อง หลังจากทิ้งระเบิดแล้วฝ่ายกัมพูชาไม่มีการตอบโต้จากกระสุนปืน ค.หรือกระสุนปืนใหญ่มายังฝั่งทหารไทยอีก ส่วนฝั่งไทยยังยิงปืนใหญ่สนับสนุนอยู่ต่อเนื่อง และเวลา 16.37 น. ปืนใหญ่จากเรือหลวงเทพายิงสนับสนุนภาคพื้นในพื้นที่บ้านสามหลังด้วย 

ด้าน น.อ.นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษก ทร. ระบุว่า สำหรับบ้านชําราก จ.ตราด ได้รับรายงานว่าเราถูกโจมตีโดยโดรนพลีชีพจากฝ่ายกัมพูชาพอสมควร ซึ่งมาตรการปฏิบัติการเหล่าทัพได้มีการหารือเพื่อกําหนดแนวทางเป็นหลักนิยมการปฏิบัติการการต่อต้านโดรนพลีชีพในลักษณะนี้อย่างต่อเนื่อง กําลังพลของกองทัพเรือในพื้นที่ชายแดนได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในการให้อวน คุมฐานปฏิบัติการเพื่อป้องกันการโจมตี

กัมพูชาไม่ปล่อยคนไทยข้ามแดนกลับ

พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก  กล่าวถึงการประกาศเคอร์ฟิวห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน 4 อำเภอจังหวัดชายแดนสระแก้ว  ว่าทหารกัมพูชาใช้วิธีการโจมตี ด้วยอาวุธยิงสนับสนุน ตั้งแต่เครื่องยิงจรวด เครื่องยิงระเบิด ซึ่งส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ แม้จะมีการอพยพไปแล้ว แต่ยังมีได้รับรายงานว่ามีบ้านประชาชนและสาธารณูปโภคได้รับความเสียหาย จึงประกาศเคอร์ฟิวห้ามประชาชนออกนอกเคหสถาน เพื่อความปลอดภัยเป็นสิ่งสําคัญ เนื่องจากกัมพูชาโจมตีในช่วงยามวิกาล 2 วันติดต่อกัน อีกทั้งพื้นที่ จ.สระแก้ว เป็นพื้นที่แผ่นดินต่อแผ่นดิน การแทรกซึมเข้า-ออกของผู้ไม่หวังดีจะทําได้ง่าย จึงต้องป้องกันไว้ก่อน รวมถึงการปฏิบัติการ เช่น การก่อวินาศกรรม สายลับ ที่จะแทรกซึมเข้ามาในพื้นที่ที่เป็นภัยความมั่นคงและการปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายไทย จึงเป็นสาเหตุสําคัญต้องประกาศเคอร์ฟิว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 09.30 น. คนไทยกลุ่มหนึ่งประมาณ 100 คน ที่เข้าไปทำงานในฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ได้ทยอยเดินทางมาที่ด่าน ตม.กัมพูชา ฝั่งตรงข้ามด่านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เพื่อรอทางการกัมพูชาผลักดันเพื่อกลับเข้าประเทศไทย น่าจะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายในประเทศไทยต่อไป

พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยืนยันถึงความพร้อมรับคนไทยกลับประเทศ 100% โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ร่วมกับกองกำลังบูรพา ฝ่ายปกครองกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกระทรวงการต่างประเทศ  พร้อมอธิบายถึงกระบวนการเมื่อประชาชนคนไทยเดินทางกลับมาถึงประเทศไทย จะต้องเข้าคัดกรองด้วยระบบ MRN ตามมาตรฐานสากล ในเรื่องการเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ และจากนั้นจะมีการตรวจสอบข้อมูลหมายจับข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกับอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งถ้าหากมีจะต้องถูกจับดำเนินคดีทุกราย

ด้านนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงการเร่งประสานพาคนไทยในกัมพูชากลับประเทศไทยว่า สถานทูตและสถานกงสุลใหญ่ไทยในกัมพูชาได้เร่งประสานงานอย่างใกล้ชิดกับฝ่ายกัมพูชา เพื่ออำนวยความสะดวกให้คนไทยเดินทางกลับประเทศไทยโดยเร็วที่สุด โดยผู้ที่อยู่ในชุมชนไทยซึ่งมีเอกสารถูกต้อง สามารถเลือกเดินทางออกจากกัมพูชาได้ทั้งทางบกและทางอากาศ  ขณะที่สถานทูตพร้อมเร่งออกเอกสารเดินทางฉุกเฉิน (Emergency Travel Document) ให้ทันที เพื่อให้คนไทยที่สามารถเดินทางออกได้ก่อน ไม่จำเป็นต้องรอขั้นตอนจากฝ่ายกัมพูชา ตัวเลขชุมชนไทยที่มีเอกสารครบถ้วนอยู่ที่ประมาณหลักร้อยคน และยังทยอยลงทะเบียนเพิ่มขึ้นทุกวัน

เมื่อเวลา 18.30 น. เพจเฟซบุ๊กกองทัพบกทันกระแส โพสต์เอกสารของสถานเอกอัครราชทูตไทย ส่งไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกัมพูชา ในการปล่อยตัวคนไทยที่ตกค้าง พร้อมกับระบุว่า   ด่วน! การทูตปอยเปตไม่ได้ผล กัมพูชาเมิน ไม่ปล่อยคนไทยกลับบ้าน ประณามกัมพูชา ไม่มีมนุษยธรรม ใช้พลเรือนบริสุทธิ์เป็นข้อต่อรอง นั่นคือพื้นที่การสู้รบความปลอดภัยของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

เก็บหลักฐานใช้ปราสาทเป็นฐานรบ

พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ระบุถึงกรณีกระทรวงวัฒนธรรมและวิจิตรศิลป์กัมพูชา  ได้ออกแถลงการณ์ประณามกองทัพไทยโจมตีในพื้นที่ปราสาทตาควาย และอ้างถึงการโจมตีของฝ่ายไทยสร้างความเสียหายแก่ปราสาทพระวิหารว่า ไทยยึดมั่นในอนุสัญญากรุงเฮก ค.ศ.1954 ว่ากรณีความขัดแย้งทางอาวุธซึ่งกำหนดให้โบราณสถาน ต้องได้รับการคุ้มครอง และห้ามการโจมตีหรือการกระทำใดๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหาย ทั้งนี้ อนุสัญญาฯ มีข้อยกเว้นที่ระบุไว้ชัดเจนหากมีการนำโบราณสถานไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางทหาร เช่น การตั้งฐานที่มั่น การควบคุมการปฏิบัติการ การเป็นจุดซุ่มยิง หรือใช้เป็นพื้นที่เตรียมการโจมตีพื้นที่ดังกล่าวอาจสูญเสียความคุ้มครองในทางกฎหมายเป็นการชั่วคราว ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติการทางทหาร ฝ่ายไทยจึงมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะปกป้องภัยคุกคามเหล่านั้นได้ตามความเหมาะสมและได้สัดส่วน

พล.ร.ต.สุรสันต์ คงสิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการเก็บรวบรวมหลักฐานกรณีที่ฝ่ายกัมพูชาใช้พื้นที่โบราณสถาน เช่น ปราสาทพระวิหาร และปราสาทตาควาย เป็นที่มั่นปฏิบัติการทางทหาร และเมื่อเกิดความเสียหายก็จะอ้างว่าเกิดขึ้นจากฝ่ายไทยว่า ฝ่ายไทยจะต้องเก็บรวบรวมหลักฐานต่างๆ ไว้อย่างแน่นอน ทั้งภาพถ่าย และคลิปวิดีโอต่างๆ ที่ฝ่ายกัมพูชาใช้โบราณสถานเป็นป้อมปืนและฐานปฏิบัติการ

ด้านนายวสุ โปษยะนันทน์ สถาปนิกกรมศิลปากร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านการบูรณปฏิสังขรณ์สถาปัตยกรรมและโบราณสถาน โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า นี่มันคือโบราณสถานมรดกโลก หรือที่ตั้งกองกำลังทหาร เครนยักษ์ที่ถล่มไปเป็นเพียงแค่จุดเล็กๆ ที่แท้มันก็คือเครนที่ไม่ได้เป็นแค่เครนเพื่อใช้ยกหินในการบูรณะปราสาท .... แอบมาติดตั้งอะไรพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ expert ของ ICC-PV ที่มีจีนและอินเดียเป็นประธานรู้เรื่องบ้างไหม เราต้องประท้วงไปที่สองชาตินี้ด้วย.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ศึกชายแดน เปลี่ยนเกม! ‘อนุทิน’ พลิกบีบ ‘ส้ม-แดง’

พรรคภูมิใจไทย พลิกเกมขี่กระแส ชาตินิยม ได้อย่างทันทีท่วงที เมื่อ “นายกฯ หนู”-อนุทิน ชาญวีรกูล พลิกสถานการณ์จากเสียงตำหนิเรื่องน้ำท่วมใต้และปัญหาสแกมเมอร์ล่าช้า มายืนบนพื้นที่ที่ตัวเองได้เปรียบ คือกระแสชาตินิยม และประเด็นความมั่นคง

สส.จิรัฏฐ์ พรรคส้ม โหนศพ โจมตีกองทัพ ทำไมถึงส่งทหารเกณฑ์ไปรบชายแดน

นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน (ปชน.) ทวีตข้อความผ่าน X @Jirat_MP ว่า "ถึงวันนี้มีทหารไทยเสียชีวิตแล้ว 24 คน โดยที่ 9 คนเป็นทหารเกณฑ์ พวกเค้าได้รับการฝึกมาน้อย ถึงน้อยมากๆ