โจทก์ยื่นฟ้อง 'เทพไท' ขอบคุณศาล ลั่นเป็นบรรทัดฐานคดีเลือกตั้ง เชื่อการเมืองไทยจะดีขึ้น

6 ก.ค.2565 - นายพิชัย บุณยเกียรติ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายมาโนช เสนพงศ์ จำเลยที่ 1 และนายเทพไท เสนพงศ์ จำเลยที่ 2 ในคดีทุจริตการเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช เมื่อปี 2557 เปิดเผยหลังทราบผลคำพิพากษาของศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำคุกจำเลยทั้ง 2 คนละ 2 ปีและตัดสิทธิทางการเมืองคนละ 10 ปีนั้น ว่าตนขอขอบคุณศาลฎีกาที่ให้ความเที่ยงธรรมกับตน ซึ่งศาลฎีกาได้เขียนคำพิพากษาสอดคล้องต้องกันกับศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ภาค 8 และเหตุผลของศาลฎีกาล้วนแต่เป็นบรรทัดฐานในการเลือกตั้งอื่นๆด้วย ซึ่งถ้านักการเมืองมีความสุจริต มีจรรยาบรรณใกล้เคียงกับสถาบันตุลาการเมืองไทยเราจะเจริญขึ้นมากเพราะฉะนั้นวันนี้กฎหมายศักดิ์สิทธิมากขึ้น และต้องต้องขอบคุณรัฐบาลด้วยที่ได้ปรับปรุงกฎหมายของ กกต.และกฎหมายลูกของรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับปราบโกง สามารถพิสูจน์และก็สามารถจับคนที่ทำผิดได้จริง และผู้ที่จะเป็นนักการเมืองน้ำดีต่อไปและมีกฎหมายคุ้มครอง

ผมคิดว่าเราจะได้มีมันสมอง นักการเมืองน้ำดีเข้าไปบริหารประเทศเกิดความสุข และที่สำคัญก็คือว่าการพิสูจน์นี้ ซึ่งช่วงต้นตนก็ถูกโจมตีว่าขี้แพ้ชวนตี แต่ว่าตนไม่ได้ขี้แพ้ชวนตี แต่ผมมองว่าจะขอพิสูจน์ในกระบวนการยุติธรรม ประกอบกับนครศรีธรรมราชของเราเคยถูกตราว่าเป็นเมืองเถื่อน วันนี้เรายกระดับเมืองนครศรีธรรมราชแล้ว ถ้าเรามีอะไรไม่มั่นใจเราก็เชื่อในกระบวนการยุติธรรม

ก่อนถึงวันพิพากษาศาลฎีกา ข่าวก็ออกมาตนไม่สบายใจเหมือนกัน ข่าวออกมาไม่ค่อยดี แต่วันนี้หลังคำพิพากษาศาลฎีกาแล้วทำให้ตนสบายใจแล้ว แสดงให้เห็นว่าศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา คนที่คิดในเชิงว่าวิ่งคดีหรือทำไม่ดีไม่ร้ายกับศาล ที่เขาบอกว่ามีเงินมากไปทำอะไรกับศาลได้ แต่วันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าผมได้ยืนในระบบอประชาธิปไตย และเคารพกฎหมายและยืนอยู่ในความสุจริต ซึ่งตรงกับหลายพรรคการเมือง ซึ่งนายชวน ก็เคยพูดว่านักการเมืองก็ต้องสุจริต วันนี้ผมก็พิสูจน์เมื่อคุณมีอำนาจ มีเงินทองมากแล้วคุณมาทำไม่สุจริต ผมได้พิสูจน์ตรงนี้ ให้พี่น้องประชาชนทั้งประเทศได้เชื่อมั่นระบอบการเลือกตั้งต่อไป ถ้าได้พัฒนากฎหมายประเทศไทยได้ขนาดนี้และเชื่อว่าการเมืองจะดีขึ้น นักการเมืองเข้าไปไม่กอบโกย เพราะว่าตอนเข้าไม่ต้องซื้อเสียง

"ศาลฎีกาเขียนบรรยายคำพิพากษาในภาพรวมวันนี้ว่า แม้ว่าตัวผู้สมัครไม่ได้ทำความผิดเองแต่ใช้นอมินี ใช้คนอื่นไปจ่ายเงินแทน ศาลสามารที่จะสืบ เชื่อมั่นพยานหลักฐานให้ไปสู่การจับผิดที่ทำผิด เพราะฉะนั้นการที่นักการเมืองหลายคนพยายามใช้นอมินีหรือใช้คนอื่นเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด จากนี้ไป คำพิพากษาศาลฎีกาฉบับนี้วันนี้ก็จะเป็นคดีที่จะเป็นบรรทัดฐานของคดีเลือกตั้งของประเทศไทยต่อไป ก็อยากเห็น กกต.เป็นหน่วยงานหลักที่เข้มแข็งและสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรม ซึ่งตนอยากเห็นตรงนี้มาก" นายพิชัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานสำหรับนายเทพไท เสนพงศ์และนายมาโนช เสนพงศ์ หลังถูกคำพิพากษาศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 8 แล้วศาลได้ออกหมายขังจำเลยทั้งสองทันทีแล้วจากนั้นทางตำรวจศาลได้คุมตัวจำเลยทั้งสองไปยังห้องขังของศาลเพื่อรอ จนท.ราชทัณฑ์ ของเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช นำรถบรรทุกผู้ต้องขังทั้งสองรวมกับผู้ต้องขังคนอื่นๆส่งเข้าเรือนจำกลางนครศรีธรรมราชในช่วงเย็นวันนี้ต่อไป.

นายสุวิทย์ ศิริวุฒิ ทนายความของนายพิชัย โจทก์คดีนี้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หลังคำพิพากษานายเทพไท มีสีหน้าเคร่งเครียดเรียบเฉย แต่นายมาโนชถึงกับร้องไห้ ในขณะที่ภรรรยาของนายมาโนช เข้ามาต่อว่าตนด้วยถ้อยคำไม่พอใจว่า “ทำกันถึงขนาดนี้เลยหรือ” ซึ่งตนชี้แจงไปว่า ตนเป็นทนายไม่เกี่ยวข้อง ทำไปทำหน้าที่ทนายความ โดยคดีนี้ตนในฐานะทนายโจทก์ต้องขอโทษนายเทพไท และนายมาโนช เราไม่เคยมีเรื่องบาดหมางโกรธแค้นส่วนตัวกันมาก่อน ซึ่งคดีนี้ถือเป็นบทเรียนสำคัญของนักการเมืองรุ่นหลังที่ต้องยึดถือและปฏิบัติตามกฎหมายที่ตราไว้ บางคนคิดทำผิดกฎหมายเลือกตั้งแล้วสร้างนอมินีไว้แล้วคิดว่าตัวเองจะพ้นผิด สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนอย่างชัดเจนในคำพิพากษาไม่ว่าจะเป็นการทำบุญ การจัดเลี้ยงเมื่อสร้างนอมินีขึ้นมาแล้วไปทำแทนแล้วจะพ้นผิดพิสูจน์ชัดว่าไม่ใช่ควรเลิกปฏิบัติในกรณีที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เทพไท’ ฟันฉับ! ‘ก้าวไกล’ คะแนนนิยมพุ่ง ‘ยุบพรรค’ ไม่ใช่คำตอบเอาชนะบนเวทีการเมือง

ผลการสำรวจของนิด้าโพลเกี่ยวกับความนิยมของนักการเมืองและพรรคการเมือง ที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 42.75 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ยก 9 ปัจจัยหนุน 'เศรษฐา' นั่งเก้าอี้นายกฯอย่างมั่นคง-อยู่ยาว

ที่มีกระแสข่าวจากคว่ำร่างพรบ.งบประมาณรายจ่าย ปี 67 เพื่อเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี เป็นข่าวโคมลอย หรือการปล่อยข่าวทั้งสิ้น