อ่านยาวๆ 'บิ๊กตู่' แจงเหตุร่วมงาน 'รทสช.' เป็นแคนดิเดตนายกฯ เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง

'บิ๊กตู่' ประกาศร่วมงานรทสช. เป็นแคนดิเดตนายกฯอ้างเพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ยันคุยกับ 'บิ๊กป้อม' ไม่มีปัญหาความสัมพันธ์ลึกซึ้งไม่มีใครลบล้างได้ เผยครอบครัวเข้าใจ ส่วนการจับขั้วทางการเมืองต้องฟังเสียงของปชช. การยุบสภาต้องรอดูจังหวะเป็นไปตามกม.

23 ธ.ค.2565 - ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ก่อน เป็นประธานในพิธีมอบโล่เชิดชูเกียรติ 10 สุดยอดชุมชนต้นแบบ “เที่ยวชุมชน ยลวิถี” ประจำปี 2565 โดยเดินมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนเอง มีความยาว 24 นาที ว่า วันนี้ทราบดีว่าทุกคนให้ความสนใจกับสถานการณ์ทางการเมือง และหลายพรรคการเมืองก็ออกมาเคลื่อนไหวกันเยอะแยะไปหมดและก็เห็นว่าทุกคนอยากทราบว่านายกรัฐมนตรีจะไปอย่างไรต่อไป วันนี้จากสถานการณ์ ที่ได้ติดตามมาตลอดเวลาที่ผ่านมาและเห็นถึงความเคลื่อนไหวของหลายพรรคการเมืองมีการเสนอชื่อผู้ที่จะได้รับการคัดเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของแต่ละพรรค

“ที่ผ่านมานายกฯก็พยายามพิจารณาในเรื่องต่างๆด้วยหลักการและเหตุผลต่างๆมากมายหลายประการ วันนี้ทางพรรครวมไทยสร้างชาติก็ได้เสนอมาแล้วว่ายินดีสนับสนุนนายกฯ คือผมให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ผมจึงจำเป็นต้องทำให้เกิดความชัดเจนเกิดขึ้นไม่เช่นนั้นก็จะเกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันไป ให้เกิดความเสียหายหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งผมก็เคยบอกแล้วว่าในช่วงที่ผ่านมาผมได้รับการสนับสนุนจากพรรคพลังประชารัฐ แต่วันนี้พรรคพลังประชารัฐก็ได้มีการตกลงใจที่จะเสนอชื่อหัวหน้าพรรคคือพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรีไปแล้ว

เพราะฉะนั้นผมจึงได้ตัดสินใจวันนี้แล้วกัน ซึ่งความจริงก็ได้เตรียมการมาพอสมควรแล้วว่าจะไปอยู่กับพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็จะได้สบายใจกันและก็สุดแล้วแต่ประชาชนก็แล้วกันว่าจะให้การสนับสนุนหรือไม่อย่างไร สิ่งที่ผมต้องตัดสินใจแบบนี้เพราะว่าเพราะสิ่งหลายๆอย่างที่ผมได้ทำไว้มาอย่างต่อเนื่องหลายปี ที่ผ่านมานั้นก็น่าจะได้มีการสานต่อถ้าหากว่าผมสามารถอยู่ได้ในระยะเวลาตามที่กำหนด ในระหว่างนั้นก็จะได้สานต่อในสิ่งที่ยังค้างคา ยังไม่สำเร็จและยังมีปัญหาอยู่เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านั้น”นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทั้ง 4 ปีแรก และ 4 ปีหลัง ก็ทำมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ระยะแรกจะเป็นรัฐบาลไม่ปกติก็ตาม ในการเป็นรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งมีการเสนอชื่อก็เป็นวาระที่สอง ที่ผ่านมานายกเป็นผู้ที่กำหนดนโยบายและดูแลทุกพื้นที่ซึ่งในความเป็นจริงก็ดูแลทุกพรรค จะเห็นได้ว่าแผนงานโครงการต่างๆลงไปทุกจังหวัดไม่ได้แบ่งแยกว่าเป็นของใคร และหลายจังหวัดที่นายกฯ ลงพื้นที่ไปก็ไม่ได้มี ส.ส.ของฝ่ายรัฐบาล คือพรรคพลังประชารัฐที่สนับสนุนตนแต่ก็พร้อมลงไปอย่างวันก่อนที่ไปจังหวัดเชียงรายก็ไม่ได้มี ส.ส. ของรัฐบาลสักคน แต่ตนก็ไปให้เพราะตนมองประชาชนเป็นหลัก

ขณะเดียวกัน ส.ส.ทุกคน ต้องถือว่าเป็นตัวแทนของราษฎรที่คัดเลือกเข้ามาอะไรที่ต้นทำให้ได้อะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศก็นำเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. จัดสรรงบประมาณลงไปให้แต่ทุกอย่างต้องทำอย่างโปร่งใสและเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายเป็นสิ่งที่ตนยึดมั่นมาโดยตลอดและไม่เคยคิดแสวงหาผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น

“ผมยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาผมไม่เคยคิดแสวงหาผลประโยชน์แม้แต่เพียงเล็กน้อย”

ผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการปรึกษาในเรื่องดังกล่าวกับพล.อ.ประวิตรหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “เรื่องนี้ได้กราบเรียนท่านไปนานแล้ว ว่าผมอาจจะมีความจำเป็นบางอย่าง ก็กลับเรียนกับท่านไปหลายครั้งแล้ว จนครั้งสุดท้ายได้ตัดสินใจไปแล้วและคุยกับท่านแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่มีความขัดแย้งอะไรกันทั้งสิ้น อันนี้เป็นเรื่องของการเมืองก็ว่ากันไปตามการเมืองตามระบบประชาธิปไตยก็ว่ากันไป”

เมื่อถามว่าถือว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ผมไม่ได้จากกันไปไหนนี่ ก็ยังคงพูดคุยกันอยู่เหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไร อย่าลืมว่าความสัมพันธ์ของทหารกับทหารด้วยกันมันลึกซึ้ง ลึกซึ้งยิ่งกว่าและผมก็จบมาก็อยู่ในการดูแลของท่าน และท่านก็เป็นผู้บังคับบัญชาของผมคนแรกในการที่ผมจบจากโรงเรียนในร้อยไปแวะรับราชการตั้งแต่ร้อยตรี จนกระทั่งอยู่ด้วยกันมาตลอดชีวิตรับราชการมาจนถึงวันนี้ ความผูกพันอันนี้มันไม่มีใครลบล้างผมได้ ท่านเองก็รู้สึกเหมือนกันและท่านก็ไม่ได้ว่าอะไร ซึ่งผมก็ได้บอกท่านว่าท่านจะได้สบายใจเพราะว่าท่านมีแรงกดดันมากมายหลายประการด้วยกัน ซึ่งทุกคนก็ทราบดีกันอยู่แล้ว”

ถามว่าจะต้องสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ บอกว่าก็น่าจะต้องคงสมัคร ส่วนจะสมัครได้เป็นทางการเมื่อไหร่นั้นอย่าเพิ่งถาม

ผู้สื่อข่าวถามว่าถึงวันนี้พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงเป็นแคนดิเดตเพียงคนเดียวที่พรรครวมไทยสร้างชาติเสนอใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ตอนนี้ก็เห็นว่ายังมีคนเดียว แต่อย่าพึ่งไปถามอะไรล่วงหน้าเลย อย่าถามนี่ไปนั่นไปโน่นไปเรื่อย แล้วจะตอบได้อย่างไร

เมื่อถามว่าจะยังคงจับมือทางการเมืองกับ พล.อ.ประวิตรต่อไปใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องของการเลือกตั้ง มันขึ้นอยู่กับผลการเลือกตั้ง ประชาชนจะเลือกใครเข้ามาวันนี้ยังไม่มีใครรู้ ถึงเวลานั้นสถานการณ์การเมืองที่เรียกว่าการจับคู่ทางการเมืองใครจะเป็นฝ่ายค้านเป็นฝ่ายรัฐบาล ซึ่งก็เหมือนครั้งที่แล้ว ก็จะมีพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลและพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถ้าคะแนนเสียงมารวมกันได้ และมากกว่าก็จะได้เป็นฝ่ายรัฐบาล ครั้งที่แล้วตนก็มาอย่างนั้นไม่ใช่หรือ

เมื่อถามว่าวันนี้ถือว่านายกรัฐมนตรีได้ประกาศสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างเต็มตัวใช่หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้อนถามว่ายังไม่ชัดอีกหรือ ทำไมต้องถามย้ำกันอีก ผู้สื่อข่าวถามว่าการตัดสินใจคนนี้ครอบครัว สนับสนุนเต็มที่ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ ก็เข้าใจกันละนะ เขาเข้าใจว่าผมทำเพื่ออะไรนะ”

ถามย้ำว่าถือเป็นการท้าทายหรือไม่ในการที่โดดลงมาทำพรรคเองในครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รวมไทยสร้างชาติมีหัวหน้าพรรคอยู่แล้ว หัวหน้าพรรคเขาก็ทำและดำเนินการทางการเมืองของเขาอยู่ สิ่งสำคัญที่สุดก็จะต้องคุยกันว่าสิ่งใดที่รัฐบาลนี้ได้ทำไว้ก็คงจะต้องเป็นการสานต่อไปสู่อนาคตอย่างมั่นคงยั่งยืน ไม่ใช่แค่ผิวเผินหรือเป็นนโยบายที่จับต้องไม่ได้ ถ้าประกาศว่าจะทำนั่นทำนี่ก็ต้องดูว่าทำได้จริงหรือเปล่า ถ้าบอกว่าจะให้นี่ให้โน่น ก็ต้องดูว่าจะมีเงินจากที่ไหนหาเงินได้อย่างไรซึ่งตนก็พยายามทำในเรื่องนี้มาโดยตลอด ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทั้งสี่ปีแรกและสี่ปีหลัง ต้นพยายามหารายได้เข้าประเทศเพราะก็รู้อยู่ว่าจะต้องดูแลประชาชนให้ได้มากยิ่งขึ้น แต่ทั้งหมดก็ต้องมีกติกาพอสมควรมากน้อยเพียงไรก็จะต้องไม่ให้เกิดภาระ ตลอดระยะ เวลาที่ผ่านมาเราพยายามระมัดระวังในการใช้งบประมาณ แต่โชคไม่ดีที่เราเจอกับการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 รวมทั้งวิกฤติสงครามซึ่งมีผลกระทบกระเทือนไปทั้งหมด รัฐบาลก็พยายามบริหารให้ดีที่สุดถ้าเปรียบเทียบกับหลายประเทศถือว่าเราทำได้ดี ฐานะการเงินการคลังก็ยังดีอยู่ แต่แน่นอนว่าย่อมมีความเดือดร้อนบ้างก็ต้องหาวิธีการแก้ไขไป วันนี้เรายังมีโอกาสอีกมากก็ขอให้ทุกคนอย่าท้อแท้อย่าทะเลาะเบาะแว้งกัน อย่าขัดแย้งกัน ถ้าเรามัวแต่เอาชนะคะคานกันทะเลาะและขัดแย้งกันทุกอย่างก็จะกลับสู่ที่เดิมทั้งหมด

“ยืนยันว่าผมพยายามจะทำบ้านเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อยให้ได้มากที่สุด และดีที่สุดแต่ทั้งหมดผมทำคนเดียวไม่ได้ ก็ต้องขอความร่วมมือจากประชาชนทุกคนทุกภาคส่วน ซึ่งก็ต้องมีหลักคิดว่าจะทำอย่างไรจะเลือกใครและจะเลือกได้อย่างไร เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในการเลือกพรรคการเมืองในการเลือก ส.ส.ก็คือ ท่านก็ต้องมองดูว่าจะได้ใครเป็นนายกล่ะ ท้ายที่สุดก็อยู่ตรงนี้อย่างที่บอกเมื่อเลือกตั้งมาแล้วท้ายที่สุดก็ต้องมารวมคะแนนเสียงกัน เพื่อให้เป็นฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ใครได้มาก็เป็นรัฐบาล และผู้ที่ถูกเสนอชื่อกอดจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี เรื่องเหล่านี้ก็เป็นเรื่องของอนาคตซึ่งมันไม่มีอะไรแน่นอนหรอก ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของประชาชน ซึ่งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่ มีความสำคัญที่สุด ก็ขอให้คิดไตร่ตรองให้รอบคอบ มีเหตุและผลมีหลักคิด ถ้าสมมติว่าอยากได้นู่นนี่แต่เกินขีดความสามารถของรัฐบาล เกินขีดความสามารถของงบประมาณที่มีอยู่มันก็จะเดือดร้อนประเทศจะเสียหาย ก็ขอให้คิดให้ดี เพราะมีประโยชน์โดยรวมและประโยชน์ของแต่ละกลุ่มแต่ละอาชีพ เราก็ต้องเฉลี่ยการใช้จ่ายเงินให้ดีที่ผ่านมานายกก็ใช้หลักการเหล่านี้บริหารงานมาโดยตลอด หลายอย่างก็ดีขึ้นแต่หลายอย่างก็ยังคงประสบปัญหาซึ่งมันขึ้นอยู่กับสถานการณ์โดยรอบด้วย ที่จำเป็นต้องพูดในวันนี้ เพราะเกรงว่าถ้าไม่พูดก็จะเกิดไปกันเรื่อยวิพากษ์วิจารณ์กันไปเรื่อยๆ ซึ่งผมก็ได้ตัดสินใจแล้ว อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขอขอบคุณพรรคพลังประชารัฐในการสนับสนุนให้ผมเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งที่ผ่านมา เราไม่ใช่ศัตรูกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามถึงสถานการณ์ภายในสภาที่ยังไม่สามารถ ที่จะพิจารณากฎหมายต่อไปได้จะแก้ปัญหาอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้พูดไปแล้ว ว่าเป็นเรื่องของ ส.ส. ซึ่งในชวนได้พูดแล้วว่า ส.ส. ที่มาอยู่ในสภากรุณาแสดงตนด้วย ถ้ามาแล้วไม่แสดงตนไม่ออกเสียงไม่ลงมติแล้วจะหมายความว่าอย่างไร ท่านได้ทำหน้าที่ของพวกท่านหรือเปล่า แล้วต้นจะไปบังคับเขาได้หรือไม่ล่ะ ในเมื่อตนก็ได้ขอร้องกันไปแล้วทั้งหัวหน้าพรรคก็ฝากไปแล้ว วิปรัฐบาล ก็พยายามไปเชื่อมต่อกับเว็บของแต่ละพรรคทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล แต่ปัญหาก็ยังคงเกิดขึ้นอีก ดังนั้นสิ่งสำคัญที่สุด คือการที่พวกท่านได้กล่าวว่าตนเองเป็น ส.ส. ได้รับการเลือกตั้งมาจากประชาชนก็ต้องทำหน้าที่ของท่าน เมื่อไหร่ที่ท่านทำหน้าที่ก็ต้องเข้าไปในสภา แต่ถ้าเข้าไปแล้วไม่แสดงตนจะเข้าไปทำไม ขอให้มองกันแบบนี้

นายกฯกล่าาวว่า ตนไม่ได้ต้องการอำนาจ ไม่ได้ต้องการอะไรเลยสักอย่าง อำนาจมันต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ แล้ววันนี้โลกเปลี่ยน ฉะนั้นการใช้อำนาจต้องใช้อย่างระมัดระวัง ไม่ใช่นึกจะทำอะไรก็ทำได้ ทุกอย่างตนดูแลทั้งหมด ทั้งเรื่องงบประมาณ แผนงานโครงการ เพราะตนเป็นผู้กำหนดนโยบาย และให้มีการตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบแล้วก็นำสู่คณะรัฐมนตรี(ครม.)ทุกกระทรวงต้องผ่านตนทั้งสิ้น จะเห็นว่าตนไม่ได้ไปกีดกันใคร และทำให้เกิดความก้าวหน้าของประเทศมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ไม่ใช่ว่าพรรคนี้ให้ พรรคนั้นตนไม่ให้ พรรคนั้นให้มากกว่าพรรคนี้ ไม่ใช่ ทุกอย่างมีนโยบายไว้อยู่แล้ว ยุทธศาสตร์ชาติก็มีอยู่แล้ว ถ้ามีเงินพอ มีกระบวนการที่ถูกต้องก็ทำไปหลักการของตนคือตรงนี้ ตนไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ก็จะเห็นว่าทุกกระทรวงมีผลงานหมด แล้วมันไม่เกี่ยวกับตนเลยเหรอ ก็ตนเป็นคนเริ่มมนโยบาย ตนเป็นคนกำหนดกรอบ และอนุมัติงบประมาณโดยนำเข้าครม.พิจารณาในการคณะกรรมการ ตนไม่ได้ตัดสินใจคนเดียว ตนไม่ได้สั่งทำนี้ทำโน้น ตนสั่งอย่างนั้นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะเกิดข้อครหาเหมือนที่ผ่านมา เพราะฉะนั้เนอำนาจตนมันไม่ได้มากมาย ตนใช้เพียงแต่อำนาจตามกฎหมาย อำนาจตามระเบียบปฏิบัติต่างๆ กรรมการต่างๆมีการคัดกรอง บางอย่างอยู่ในอำนาจของคณะกรรมการ ไม่ใช่อำนาจนายกฯด้วย เมื่อเขาทำผ่านมาก็ต้องรับผิดชอบ แต่ผลงานที่ออกมาตอนต้น ที่ตั้งใจไว้ทำโครงการ ทำเพื่ออะไร ทำเพื่อใคร ซึ่งคณะกรรมการมีอำนาจตัดสินใจและให้ทราบเท่านั้นเอง จึงอยากให้เข้าใจระบบงานบริหาร

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ฉะนั้นหลายคนที่ออกมาพูดนี้พูดโน้น ท่านไม่ได้พูดในเชิงบริหารกันเลยแล้วท่านจะทำได้จริงหรือเปล่า ตนห่วงตรงนี้แล้วถ้าทำไม่ได้ก็จะเกิดปัญหาอีก เรื่องความมั่นคงปลอดภัย การพัฒนาประเทศ มันก็หยุด ก็มาอยู่ท่ามกลางความขีดแย้งอีก เพราะฉะนั้นตนยืนยันว่าตนทำเพื่อประเทศไทยและร่วมมือกับทุกพรรค ในหลายพื้นที่ด้วยกัน ซึ่งท่านก็ทราบว่าหลายจังหวัดเป็นพื้นที่ของส.ส.ของฝ่ายค้าน ซึ่งตนก็ให้งบประมาณลงไป ลองไปเปรียบเทียบดูงบประมาณที่ผ่านมาหลายปีของตน เปรียบเทียบกับก่อนหน้านี้มาเหมือนกันหรือไม่ และเกิดอะไรขึ้นในแต่ละพื้นที่แต่ละจังหวัด ฉะนั้นการจะให้คนกลุ่มนั้นกลุ่มนี้มันต้องเป็นธรรม ทำไมตนถึงไม่อยากจะให้ล่ะ แต่ทั้งนี้ตนต้องระมัดระวัง งบกลางที่ตนเป็นห่วงกังวลก็ไม่ได้ใช้อย่างเละเทะ ใช้อย่างระมัดระวังที่ที่สุดแล้ว ก็ต้องระมัดระวังต่อไป เพราะเรายังมีเวลาอยู่ ที่ต้องใช้งบประมาณตรงนี้สำรอง เพื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน งบกลางซึ่งที่ผ่านมาในการพิจารณางบกลางก็มีการตัดไปจำนวนมาก โดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคงก็มีปัญหา ทั้งที่เป็นงบประมาณในส่วนของเขาเอง สิ่งเหล่านี้เป็นส่ิงที่เราต้องเตรียมงบประมาณให้เพียงพอ เพื่อให้งานเดินหน้าไปได้ และในช่วงที่ผ่านมาต้องอย่าลืมสถานการณ์ที่ผ่านมาสถานการณ์หนักที่สุดคือเรื่องโควิด -19 ด้านเศรษฐกิจ และวันนี้ดีขึ้นเพราะใครคนใดคนหนึ่งหรือไม่นายกฯก็เป็นผู้นำในการแก้ปัญหา ในการตั้งศบค.ขับเคลื่อนหน่วยงานต่างๆในการทำงาน จนถึงวันนี้

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ตนไม่ได้หมายความว่าตนเป็นคนเก่งที่สุด ไม่ใช่ แต่เป็นความรับผิดชอบร่วมกันทั้งหมด ในการขับเคลื่อน และวันนี้อยากฝากด้วยว่า กรุณาทำความเข้าใจประชาชนทั้งหมด ขอให้ได้รัฐบาลที่ดีๆเถอะ ตนไม่ได้อ้างถึงตนนะ ขอให้ได้รัฐบาลที่ดีๆแบบที่ซื่อสัตย์สุจริตและทำในสิ่งที่เป็นไปได้ และทำในสิ่งที่ถูกต้อง ในส่วนที่ว่าจะมีคดีความอะไรต่างๆก็ค่อยว่ากันไปเพราะตนมีนโยบายอยู่แล้ว สั่งงานทุกครั้งเรื่องการอนุมัติต่างๆ ทุกอย่างต้องทำด้วยความสุจริตโปร่งใส เป็นธรรม เป็นไปตามระเเบียบกฎหมาย โดยเฉพาะสำนักงบประมาณ สภาพัฒน์ เป็นหน่วยงานราชการ ตนไม่อยากให้เขามาเดือดร้อนด้วย การใช้จ่ายงบประมาณต้องระมัดระวังอย่างที่สุดการจะให้อะไรต่างๆต้องคำนึงถึงงบประมาณสำคัญที่สุดว่าจะเอางบประมาณจากไหน ทั้งนี้ตนไม่ว่าอะไรรายหัวเท่าโน้นเท่านี้ วันนี้เราใช้งบประมาณส่วนนี้ดูแลประชาชน เรื่องพื้นฐานเยอะมาก หลายคนบอกว่าจะรวยเท่ากันไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ในโลกใบนี้ ฉะนั้น อยู่ที่การพัฒนได้อย่างไร นี้คือส่ิงที่รัฐบาลหน้าหรือรัฐบาลไหนใครเป็นก็ตามน่าจะต้องทำแบบนี้ ไม่สร้างภาระ

นายกฯกล่าวว่า การที่กู้เงินมารัฐบาลอยากกู้หรือไม่ ก็เงินไม่พอ เงินไม่มี แล้วกู้มาทั้งหมดเพื่อทำอะไร เพื่อดูแลวัคซีน ยา การรักษาพยาบาล ดูแลภาคธุรกิจต่างๆเท่าที่สามารถให้ได้ ดูแลภาคธุรกิจไม่ให้ล้ม ดูแลแรงงาน ซึ่งทั้งหมดเป็นเงินที่ใช้ ตนไม่ได้มาใช้ส่วนตัวสักบาท เฉพาะฉะนั้นไม่อยากให้ฟัง และวิพากษ์วิจารณ์กันไปเรื่อยเปื่อยทุกเรื่อง เห็นใจประเทศของเรากันเองบ้าง นี้คือประเทศของเรา ถ้าเราแตกแยกกันอยู่อย่างนี้ มันไม่มีอะไรดีขึ้นเลย วันนี้ตนจำเป็นต้องพูด เพราะตนดูแล้วว่ามันแรงขึ้นทุกวัน เราต้องค่อยๆลดระดับ ลดอุหภูมิตรงนี้ให้มากที่สุด เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวถามว่า อนาคตทางการเมืองชัดเจนแล้ว รัฐบาลจะอยู่ครบเทอมหรือจะมีการยุบสภาก่อน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็เคยบอกไปแล้วว่าวันนี้ยังมีหลายอย่างหลายปัญหาที่ต้องดำเนินการอยู่ เพราะฉะนั้นก็ดูจังหวะเวลาก็แล้วกัน ยังไงก็ต้องเป็นไปตามกฎหมายนั้นแหละ รวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) การย้ายพรรคก็ต้องดูไม่ให้มีปัญหา ซึ่งคงต้องหารือกับฝ่ายการเมืองกับพรรคใหม่อะไรด้วย และพรรคร่วมรัฐบาลด้วย

นายกฯ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกัน ต้องไปสู่การเลือกตั้งที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพได้ส.ส.ที่ดี ตนไม่ได้ว่าใครไม่ดี และเมื่อได้ส.ส.ดีเข้ามา ท่านก็จะฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลได้ และท่านจะได้นายกฯที่ท่านต้องการ ตนก็ไม่ได้ยืนยันว่าต้องเป็นตนตลอดไปเมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเลือกหรือไม่เลือกอย่างไร เพียงแต่วันนี้ไม่อยากให้โจมตีกันไปกันมาจนเสียหาย จะเห็นว่าตนก็รักษามารยาทเต็มที่กับทุกพรรค โดยเฉพาะพรรคพลังประชารัฐ ตนก็รักษามารยาทตน เพราะเขาเสนอตนมาในครั้งที่แล้ว แต่วันนี้เขาเปิดตัวกันแล้ว ตนจึงจำเป็นต้องพูดวันนี้ เพื่อจะได้เลิกการสับสนอลม่านซักที เพื่อเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้ง ช่วงนี้ขออย่างเดียวขอบ้านเมืองสงบ จะได้เลือกตั้งได้ ให้คนได้มีเวลาคิด ในสิ่งที่สร้างสรรค์ ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ในสิ่งที่มันควรจะเป็น นี้แหละคือปัญหาของพวกเราอย่างเดียวเท่านั้นเอง เรามีความพร้อมทุกอย่าง ถ้าเรานำพาประเทศในทางที่ถูกต้องที่มันดีงามในการที่สุจริต โปร่งใส ประเทศไทยไม่น้อยหน้าใครท้ังสิ้น หลายอย่างเราปรับแก้ไปแล้ว กรุณาให้ความสนใจด้วย ทั้งเรื่องระเบียบ วิธีการ กฎหมายต่างๆ มันถึงเกิดงานได้ แต่ก็ยังมีอีกเยอะที่ต้องทำต่อ อันนี้ถ้าตนไม่อยู่ก็ต้องฝากคนใหม่ทำไป ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะทำหรือไม่ ตนก็ไม่รู้เหมือนกัน

เมื่อถามว่า การเข้าไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติจะเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วยหรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิดตรงนั้น เมื่อถามว่า การเข้าไปสมัครเป็นสมาชิกยังไม่ชัดเจนใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เดี๋ยวเขากำหนดมาเอง เมื่อถามถึงกรณีตั้งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อมาสนับสนุนทางการเมืองใช่หรือไม่นายกฯ ไม่เกี่ยวกัน เขาทำงานกับตนอยู่แล้ว ไม่ได้มองการเมืองอย่างเดียวหรอก

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กป๊อด' ยังไม่ได้คุย 'บิ๊กป้อม' หลังมีเอกสารหลุดพาดพิง แทรกแซงป.ป.ช.

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีมีเอกสารหลุ

เอกสารว่อน! ‘โจ๊ก’ ค้าน ’สุชาติ’ ป.ป.ช.ไต่สวนตัวเอง อ้างโกรธเคือง ดึง ‘บิ๊กป้อม’ เป็นพยาน 

มีการเผยแพร่เอกสาร ลงวันที่ 17 เม.ย.67  ที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผบ.ตร. ทำหนังสือขอคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของ นายสุซาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช.และขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม

‘สุชาติ’ ลั่นไม่ยึดติด หลังมีชื่อนั่ง รมต. ยันปรับ ครม.อำนาจนายกรัฐมนตรี

พรรครวมไทยสร้างชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกลไกของหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และผู้ใหญ่ของพรรคเป็นหลัก การปรับ ครม.อำนาจเป็นของนายกรัฐมนตรี