'พี่ศรี' แจงเหตุร้อง 'พิธา' ไม่เคลียร์ตัวเองก่อนเป็นนักการเมือง เชื่อ กกต. โยนเผือกร้อนให้ศาล รธน.

"ศรีสุวรรณ" เตรียมยื่นหลักฐานสอบพิธา ถือหุ้นสื่อ แม้ไม่ซ้ำรอยธนาธร แต่ผิดคุณสมบัติต้องห้ามการเป็นผู้สมัครส.ส เชื่อ กกต. โยนเผือกร้อนให้ศาลรัฐธรรมวินิจฉัย ยันไม่ได้สกัดพิธาช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง แต่ควรเคลียร์ตัวเองก่อนจะมาเป็นนักการเมือง

11 พ.ค.2566 - เวลา 11.00น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ให้สัมภาษณ์หลังให้ถ้อยคำต่อกกต.กรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ปราศรัยแจกเงินดิจิทัล ว่า วันนี้กกต. ได้เชิญมาให้ถ้อยคำเพื่อยืนยันเอกสารหลักฐาน หลังพบข้อมูลอาจฝ่าฝืนพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ​ (พ.ร.ป.)​ ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. 2561 มาตรา 73 (1) (5) ที่ระบุถึงการแจกทรัพย์สิน หรือสิ่งของอื่นใดที่มีมูลค่าเป็นเงิน และเป็นนโยบายแฝงจูงใจให้คนมาเลือกตนเอง ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องสำคัญและอาจจะกระทบต่อเศรษฐกิจของชาติในอนาคต

เบื้องต้นกกต.แจ้งว่า ประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็นเร่งด่วนที่สำคัญ จึงเรียกให้ตนมาให้ถ้อยคำเพิ่มเติม คาดว่าจะเข้าสู่ที่ประชุมกกต.ทั้งหมด โดยส่วนตัวคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์ สำหรับเอกสารที่นำมายื่นกกต.เพิ่มเติมมีทั้งเอกสารมติครม.ที่อนุมัติงบประมาณปี 2567 ประมาณ 3.33 ล้านล้านบาท และเงินจำนวนนี้คาดว่าจะมีงบประมาณพอให้รัฐบาลใหม่ใช้เพียง 2 แสนล้านบาท จึงเป็นที่น่าสังเกตว่านโยบายของพรรคเพื่อไทย 70 นโยบาย ซึ่งต้องใช้งบประมาณ 3 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะนโยบายจ่ายเงินดิจิทัลต้องใช้งบประมาณ 5.6 แสนล้านบาท นั้นไม่สามารถทำได้

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า ขณะที่พรรคเพื่อไทยชี้แจงรายละเอียดกับกกต.ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ยังไม่มีความชัดเจนในการใช้งบประมาณดังกล่าว และไม่สามารถยืนยันได้ว่าจะสามารถทำได้จริงหรือไม่ เนื่องจากไม่มีรายละเอียดชัดเจน นอกจากนี้กรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาบอกว่าจะมีเม็ดเงินจากผลคูณทางเศรษฐกิจอีก 1 แสนล้านบาท แต่ข้อเท็จจริงแล้วนโยบายแจกเงินของพรรคเพื่อไทยต้องใช้งบประมาณทันที 5.6 แสนล้านบาท ซึ่งมองว่าจะนำงบประมาณจากอนาคตมาใช้นั้นเป็นไปไม่ได้ ตนจึงมองว่านโยบายจ่ายเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยเป็นนโยบายประชานิยมสุดขั้วเกินไป ซึ่งจะเป็นปัญหากระทบต่อเศรษฐกิจของชาติ จึงอยากให้กกต.ออกคำวินิจฉัยโดยเร็ว แม้ว่ากรอบระยะเวลาอาจจะไม่ทันก่อนการเลือกตั้ง

นายศรีสุวรรณ ยังให้สัมภาษณ์กรณีที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือครองหุ้นสื่อไอทีวี ว่า ตนได้ข้อมูลหลักฐานชิ้นเดียวกันกับที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ได้มายื่นต่อกกต.ก่อนหน้านี้แล้วก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นหลักฐานจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยเรื่องนี้มีกรณีศึกษาจากนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดนครนายกอยู่แล้ว กกต. น่าจะมีคำสั่งห้ามรับสมัคร เป็นหน้าที่ของนายพิธาจะต้องไปแก้ตัวในศาลฎีกา แต่ตอนนี้ กกต. กลับเงียบเฉยแล้วไม่ยอมดำเนินการ ซึ่งหากการเลือกตั้งเสร็จสิ้นแล้ว ต้องยื่นคำร้องไปที่ศาลรัฐธรรมนูญอย่างเดียว

ส่วนกรณีที่นายพิธา​ ออกมาเปิดเผยพร้อมยืนยันว่าได้แจ้งข้อมูลการถือหุ้นไอทีวีแล้วต่อป.ป.ช. มองว่าเรื่องดังกล่าวก็ยังไม่ชัดเจน แม้ว่าเลขาธิการป.ป.ช.จะออกมาแถลง เนื่องจากพบว่าพยานเอกสารหลักฐานเดิมของนายพิธา ยื่นแสดงแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินต่อป.ป.ช.นั้น ไม่ได้ระบุข้อมูลการถือหุ้นไอทีวี ขณะที่ป.ปช.ก็ไม่เคยเปิดเผยหลักฐานต่อสื่อมวลชนและสาธารณชนเลย มีแต่คำพูดลอยๆของเลขาป.ป.ช ส่วนตัวมองว่าเชื่อถือไม่ได้

"การถือหุ้นของนายพิธา จะไม่ซ้ำรอยกับนายธนาธร เนื่องจากการถือหุ้นของนายธนาธร เป็นสื่อประเภทสิ่งพิมพ์ ส่วนไอทีวี เป็นสื่อโทรทัศน์มีความแตกต่างกัน ส่วนกรณีที่ไอทีวีถูกคำสั่งปิดไปแล้วเมื่อปี 2550 จะถือว่ายังเป็นหุ้นสื่อหรือไม่นั้น ในเมื่อไม่ยื่นการปิดบริษัทและยังมีการประชุมของผู้ถือหุ้นอยู่ และบริษัทก็ยังไปลงทุนกิจการที่เกี่ยวข้องกับสื่อมวลชน จะอ้างว่าปิดไปแล้วก็คงไม่ใช่ มองว่าเรื่องนี้จะต้องถึงศาลรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอนเพราะว่าเป็นเผือกร้อน และบอกว่ากกต.ก็จะไม่วินิจฉัยเอง" นายศรีสุวรรณ กล่าว

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า เอกสารที่จะมายื่นต่อกกต.มีความแตกต่างจากนายเรืองไกร ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ตามมาตรา 1559 พร้อมยกตัวอย่างว่าตนเองก็เคยเป็นผู้ตามมรดกของบิดา เวลาไปทำนิติกรรมใดๆ เอกสารใดๆที่ปรากฏในชื่อของบิดาซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว ตนในฐานะเป็นผู้ติดตามมรดก ถ้าไม่ระบุว่าจะมอบมรดกให้กับใคร หน่วยงานของรัฐและเจ้าหน้าที่จะแปลงชื่อนั้นเป็นของตนเองซึ่งเป็นลูกทันที นั่นหมายความว่าตนเองก็สามารถนำทรัพย์สินไปทำนิติกรรมใดๆก็ได้ ดังนั้นเอกสารที่ปรากฏในชื่อของนายพิธา ไม่ได้มีวงเล็บว่า ในฐานะผู้ติดตามมรดก ซึ่งหมายความว่านายพิธาก็สามารถดำเนินการใดๆกับหุ้นนี้ได้เลย ไม่จำเป็นต้องใช้เอกสารหรือคำสั่งของศาลในเรื่องของการตั้งผู้ติดตามมรดก ดังนั้นคำพูดที่นายพิธา อธิบายมานั้นไม่ใช่ข้อเท็จจริงก็ได้

ส่วนกรณีที่มีผู้ร้องเรียนกรณีการถือหุ้นของนายพิธา เป็นการสกัดขาพรรคก้าวไกลหรือไม่ นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า มันจะเป็นเกมสกัดขาได้อย่างไรเพราะทุกการเลือกตั้งก็จะมีเรื่องร้องเรียน ว่า ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองฝ่าฝืนกฎหมายหรือไม่อย่างไร ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่จะมีการร้องเรียนในช่วงการเลือกตั้งหากจะมองว่าเป็นเรื่องการสกัดขาในทิศทางก็แล้วแต่คนที่จะมองเนื่องจากการร้องเพลงดังกล่าวเป็นเรื่องปกติพร้อมย้ำว่าคุณสมบัติของผู้สมัครส.สหรือคนที่จะเข้ามาเป็นนักการเมืองจะต้องเคลียร์ตนเองตั้งแต่เริ่มต้นคิดจะเป็นนักการเมืองแล้วไม่ควรปล่อยให้คนอื่นมาจับผิดแบบนี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พนัส อดีตสว.-อดีตสสร. คัดเลือกสภาสูง 2567 ฝ่ายประชาธิปไตยมีสิทธิลุ้น

ความเคลื่อนไหวการได้มาซึ่ง"สมาชิกวุฒิสภา"(สว.) ชุดใหม่ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ....

'ช่อ' ฟาดกลับ กกต. เอาอำนาจอะไรมาห้ามรณรงค์ประชาชนสมัคร สว. บอกมาให้ชัดผิดระเบียบข้อไหน

นางสาวพรรณิการ์ วานิช อดีต สส.พรรคบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และโฆษกคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกประกาศว่าไม่สามารถจูงใจหรือชี้ชวนบุคคลให้สมัครเป็น สว. ได้ ว่า เรื่องนี้ต้องแยกให้ชัดว่า กกต. กำลังทำอะไรอยู่กันแน่

'เศรษฐา' เผยเรียก 'สุชาติ' เข้าพบ ถามเรื่องพื้นที่จันทบุรี ไม่มีคุยปรับครม.

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ขึ้นรถเดินทางกลับบ้าน เมื่อเห็นกลุ่มสื่อมวลชนที่ดักรออยู่จึงเดินลงมาทักทายอย่างอารมณ์ดี