นักกฎหมายอ่านขาด 'พิธา' ตั้งรัฐบาลล้มเหลว สะดุดปมแก้มาตรา 112

ลับลวงพรางแก้ไข มาตรา 112 'ดร.ณัฎฐ์-มือกฎหมายมหาชน' อ่านเกมขาด 'พิธา' ตั้งรัฐบาลล้มเหลว ชี้ ร่างพิมพ์เขียวแก้ไขมาตรา 112 ฉบับก้าวไกล เป็นการลดพระเกียรติพระมหากษัตริย์ จุดเริ่มต้นล้มล้างการปกครอง

22 พ.ค.2566 - จากกรณีการฟอร์มตั้งรัฐบาลใหม่ นำโดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและพรรคการเมืองอื่นๆ รวม 8 พรรค จำนวน 313 เสียง ถือฤกษ์ครบ 9 ปี รัฐประหาร 22 พ.ค.2557 นัดหมายกันทำ MOU ที่โรงแรมคอนราด กรุงเทพมหานคร โดยสังคมจับตาไปที่ประเด็นการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นกระแสร้อนแรง จะเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลผสมชุดใหม่หรือไม่อย่างไร

ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม หรือ “ดร.ณัฎฐ์” นักกฎหมายมหาชน ให้มุมมองที่น่าสนใจ ว่าในโอกาสครบ 9 ปีการรัฐประหาร บริบททางการเมืองของไทย ล้มลุกคลุกคลานนับแต่การเปลี่ยนแปลงการปกครอง 24 มิถุนายน 2475 เป็นต้นมา ประเทศไทย เป็นประชาธิปไตยเฉพาะแต่ในเนื้อหา อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชน แต่สภาพสังคมไทยยอมรับสภาพ ต่อบริบทการเมืองการปกครองในเหตุการณ์เฉพาะหน้าขณะนั้น จะเห็นได้จากการลงประชามติรัฐธรรมนูญ 2550 และรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นประชาธิปไตยโดยตรง ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการออกแบบรัฐธรรมนูญจากคณะรัฐประหาร แต่งตั้งร่างขึ้น เป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆไม่มีที่ไหนในโลกนี้ ก็แปลกดี

ตนต้องขอแสดงความยินดีกับพรรคก้าวไกลที่ชนะเลือกตั้ง ครองที่นั่งในสภาเสียงข้างมากถึง 152 เสียง คว้าที่นั่ง อันดับ 1 ที่ประชาชนเทคะแนนให้ แต่จะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ อีกเรื่องหนึ่ง ถือเป็นคนละเรื่องกัน เพราะตัวแปร ยังมีหลายด่าน หลายขั้นตอน อย่าเพิ่งดีใจ ผลการออกแบบรัฐธรรมนูญ ตนจะชี้ให้เห็นถึง 3 ข้อ ประการที่หนึ่ง ปัญหาข้อกฎหมาย ล็อคด้วยกฎหมาย มาตรา 272 ตัวแปร คือ สว.250 เสียง มีอำนาจโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะก้าวไกล เพื่อไทย ชนะเสียงไม่ขาด ครั้นจะไปจับขั้วกับพรรคภูมิไทย 70 เสียง แต่คนละขั้ว คนละอุดมการณ์ เพราะกัญชา เป็นตัวแปร จำเป็นต้องไปรวบรวมเสียงจากสมาชิกวุฒิสภา แต่ไร้หลักประกัน

ส่วนหนึ่งล็อกแน่นด้วยปัญหาข้อเท็จจริง คือ ปัญหาส่วนตัวเรื่องคุณสมบัติฯของนายพิธา การถือครองหุ้นสื่อ บมจ.ไอทีวี จำกัด ของนายพิธา จะพ่นพิษ และอีกประการหนึ่ง คือ ล็อคด้วยความเป็นจริง คือ ปัญหาการแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 กระทบต่อความรู้สึกของพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศเพราะกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยจะเห็นได้จาก อาการฝ่อของ ส.ว.ที่อยากจะยกมือสนับสนุนให้พิธาฯเป็นนายกรัฐมนตรี เริ่มออกมา ต่อต้านการแก้ไข มาตรา 112 กระแสลุกลามทำให้พลิกขั้ว ทำให้นายพิธาฯไปไม่ถึงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนใหม่

เมื่อถามว่า ปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า ล็อกด้วยข้อกฎหมาย ตัวแปร คือ ส.ว. คืออะไร นักกฏหมายมหาชน อธิบายว่า การรวบรวม ส.ส.ของการฟอร์มทีมรัฐบาลนายพิธาฯ จะเจอปัญหาบังคับโดยข้อกฎหมาย จำนวน อีก 60 เสียง หาไปรวบรวมจากสว.ไม่มีหลักประกัน หากรวบรวมจากส.ส.จะเจอกับปัญหายุ่งเหยิงการต่อรองผลประโยชน์ ทำให้รัฐบาลใหม่ขาดเสถียรภาพ โอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้น้อย ดังนั้นจะเห็นปรากฎการณ์ ตาอยู่คว้าพุงปลาไปกิน ม็อบที่จัดตั้ง ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะรัฐธรรมนูญไม่ได้บัญญัติให้พรรคการเมืองที่คว้าที่นั่งอันดับหนึ่งเป็นรัฐบาล ให้พี่น้องประชาชนดูว่า พรรคการเมืองใดรวบรวมเสียงได้ ครบ 376 เสียง ทั้ง ส.ส.และส.ว.รวมกัน ให้เทียบเคียงฟอร์มทีมรัฐบาล ปี 2562 โดยเฉพาะมาตรา 272 ให้อำนาจ ส.ว.โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ เสียงที่นั่งที่พรรคก้าวไกลรวบรวมได้เพียง 313 เสียงเป็นเพียงความชอบธรรมที่พรรคการเมืองที่คว้าลำดับอื่นๆ ยินยอมให้จัดตั้งรัฐบาลก่อน แต่ไม่ได้มีกฎหมายใด ห้ามให้พรรคการเมืองที่คว้าที่นั่งอันดับรองจับขั้วการเมืองฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาล

ดร.ณัฐวุฒิ ย้ำว่านายพิธาจะเจอปัญหาข้อกฎหมาย ในการรวบรวมเสียงให้ครบ 376 เสียง มีอยู่ 2 ช่องทาง คือ รวบรวมเสียงพรรคที่มีอุดมการณ์ตรงกัน หากดูแล้วเสียงไม่เพียงพอ เพราะภูมิใจไทย พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ประชาธิปัตย์และพรรคเล็กอื่นๆ คนละขั้ว คนละอุดมการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็น ไม่เอามาตรา 112 มาเป็นชนวนสำคัญมาบดขยี้

ส่วนอีกช่องทางหนึ่ง นายพิธาจะต้องไปรวบรวมเสียง ส.ว.อีก 60 กว่าเสียง อย่าลืมนะ ส.ว.อิสระ แตกแถว ประมาณ 20 กว่าคน รวบรวมอย่างไร ก็ไม่ถึง 376 เสียง ส่วนปมส.ว.รับกล้วยยกมือโหวตให้แทบจะไม่มีเลย เรียกว่าไร้หลักประกัน แตกต่างจากพรรคการเมือง เป็นไปตามติพรรค เพราะมาตรา 112 ส.ว.ส่วนใหญ่จะไม่เอาด้วย จะเป็นตัวจุดชนวนสำคัญที่พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จ

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวต่อไปว่าที่นัดลงนาม MOU วันนี้ เป็นเพียงชิงจัดตั้งรัฐบาล ให้เทียบดูปี 2562 ไม่ต่างจากพรรคเพื่อไทย เพียงเอาใจมวลชนสนับสนุน สร้างอีเวนต์รายวันเท่านั้น เห็นได้จากโผรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ปล่อยหลุดโดยเจตนาออกมา ทำให้ประชาชนติดตามข่าวสารตื่นเต้นเท่านั้น ส่วนการจัดม็อบปลุกระดมหน้าอาคารรัฐสภา เกียกกายหรือปลุกระดับทางโซเชียลฯ ยิ่งเติมเชื้อไฟ ให้ ส.ว.ย่อมพิจารณาถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก ให้เทียบเคียงการเลือกตั้ง ปี 2562 เพื่อไทย คว้าเสียงข้างมาก แต่จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ สุดท้ายหงายไพ่ใบสุดท้าย สนับสนุน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ขณะนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นคู่แข่ง พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา


อีกประการหนึ่ง ปัญหาข้อเท็จจริง ที่ถูกล็อกไว้ กรณีซุกหุ้นสื่อไว้ มีมือดีแอบส่งข้อมูลให้นายเรืองไกร เรียกว่า ถูกวางงาน ดอกสอง นายพิธาเจอปัญหาหุ้นสื่อพ่นพิษ มีผลล้มทั้งกระดาน คือ มีผลย้อนหลังถึงวันสมัครครั้งแรกในปี 2562 จะถูกเรียกเงินเดือนและเครื่องราชย์คืน ให้เทียบเคียงกับ นายสิระ เจนจาคะ อดีต ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ทำให้นายพิธาฯขาดคุณสมบัติ ตามมาตรา 89(2) ประกอบมาตรา 98(3)และมาตรา 160(6) ทำให้ขาดคุณสมบัติเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งเป็นปัญหาความชอบด้วยกฎหมายที่ว่า ลงนามในใบส่ง ผู้สมัคร ส.ส.ทั้งสองระบบ ผลทางกฎหมายอาจเป็นโมฆะ สูญเปล่า ล้มกระดานทั้งหมด

ถามถึงร่างพิมพ์เขียว แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ผลทางกฎหมายเป็นอย่างไร “ดร.ณัฎฐ์-นักกฎหมายมหาชน มองว่า หากร่างพิมพ์เขียวที่ว่อนเน็ตและแชร์ส่งต่อกันมาเป็นจริง พบว่า มีการแก้ไขเพิ่มเติมจากเดิม การคุ้มครองพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาทและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ อยู่ในหมวดความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวด 1 แก้ไขเพิ่มเติมใหม่เป็น ลักษณะ 1/2 ความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โดยร่างพิมพ์เขียว นำไปบัญญัติเพิ่มเติมมาตรา 135/5 มาตรา 135/6 โดยแยกมาตราระหว่างพระมหากษัตริย์ โดยกำหนดโทษเบาระวางไม่เกินหนึ่งปีและปรับไม่เกินสามแสนบาท

ส่วนพระราชินี รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โดยกำหนดโทษเบาระวางโทษเพียงหกเดือนหรือปรับไม่เกินสองแสนบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเรื่องการพิสูจน์กลับนำข้อความในหมิ่นประมาทของประชาชนนำมาเขียนไว้ในมาตรา 135/7 สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ผู้นั้นไม่มีความผิด โดยเฉพาะมาตรา 135/8 วรรคหนึ่ง หากพิสูจน์ได้ว่า เรื่องจริงไม่ต้องรับโทษ ทั้งกำหนดในมาตรา 135/9 วรรคสอง ให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์

"การเปลี่ยนหมวดและกำหนดโทษใหม่เป็นโทษเบา ทำให้ข้อกฎหมายเปลี่ยนไป ไม่ต่างจากการยกเลิกมาตรา 112 เพราะจากความผิดอาญาแผ่นดินมาเป็นความผิดต่อส่วนตัว ถามว่า จะเป็นไปได้อย่างไร รัฐธรรมนูญมาตรา 6 องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดไม่ได้ หลักการต้องปกป้องสถาบัน จะลงโทษให้หนักขึ้น คือแก้ไขเพิ่มเติมระวางโทษให้หนักขึ้น ปรับให้หนักขึ้น ไม่ใช่ ไปแก้ไขให้โทษเบาลง เพราะมีเพียงกลุ่มเดียวที่ไปกระทำความผิด ดังจะเห็นข้อเทียบเคียง แยกมาตรา พระราชินี องค์รัชทายาท ผู้สำเร็จราชการแทน โทษเบาเพียงหกเดือน หากเทียบเคียงประชาชนทั่วไป พสกนิกร ความผิดฐานหมิ่นประมาท มาตรา 326 ต้องระวางโทษจำคุกหนึ่งปี โดยหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา มาตรา 328 ระวางโทษจำคุกสองปี"

ดร.ณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่นัดทำ MOU เปิดเผยทางสื่อว่าไม่มีการแก้ไข มาตรา 112 เป็นเพียงลับลวงพรางทางการเมือง สับขาหลอก เพราะแนวคิดแก้ไขยังมีอยู่ ร่างพิมพ์เขียวก้าวไกล หากร่างเป็นฉบับจริง จะเป็นการลดพระเกียรติองค์พระมหากษัตริย์ เป็นจุดเริ่มต้นล้มล้างการปกครองหรือไม่ อย่างไร จะเป็นชนวนสำคัญเงื่อนไขกฎหมายพรรคการเมืองในร้องยุบพรรคก้าวไกล ให้พี่น้องประชาชนไปหาอ่านร่างพิมพ์เขียวแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายมาตรา 112 ฉบับก้าวไกล กลไกลในการจัดตั้งรัฐบาล รวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลผสมเป็นความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาลสามารถกระทำได้

"แต่การมีเจตจำนงไปแก้ไขมาตรา 112 เชื่อว่าพสกนิกรประชาชนคนไทยส่วนใหญ่และพลังเงียบที่ไม่ได้เลือกพรรคก้าวไกล เสียงย่อมมีมากกว่า คงไม่ยินยอม เพราะสถาบันกษัตริย์อยู่คู่กับสยามประเทศช้านาน ใครคิดไม่ดีกับประเทศย่อมมีอันเป็นไปทุกราย พระสยามเทวาธิราชมีจริง" ดร.ณัฐวุฒิ กล่าว.

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กอ้วน' ชี้ 'สนธิ' แค่หนึ่งเสียงการบริหารประเทศไม่ควรโฟกัสแค่คนคนเดียว!

'ภูมิธรรม' ยังไม่เห็นข้อเรียกร้อง 'สนธิ' บอกเป็นแค่ความเห็นหนึ่งต้องรับฟังทุกฝ่าย เปรียบเหมือนมองปี๊บหนึ่งใบ ต้องมองให้รอบด้าน ไม่หมิ่นประมาทม็อบจุดติดหรือไม่

ดร.ณัฏฐ์ ชำแหละ 92 ปีรัฐธรรมนูญ วัฏจักรการแย่งชิงอำนาจ!

ดร.ณัฏฐ์ วงศ์เนียม ระบุครบรอบ 92 ปีวันรัฐธรรมนูญ ยังวนเวียนอยู่กับวัฏจักรการแย่งชิงอำนาจของนักการเมือง มากกว่าคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย! จุดยืน 'ภท.' ไม่เอาด้วย กม.สกัดปฏิวัติ

'อนุทิน' ย้ำจุดยืนภูมิใจไทย ไม่เอาด้วยกฎหมายสกัดปฏิวัติ ชี้นักการเมืองอย่าสร้างเงื่อนไข ทำตัวให้ดีอย่าขึ้โกง ชงกฎหมายแค่สัญลักษณ์ ถึงเวลารัฐธรรมนูญโดนฉีกอยู่ดี

ค้าน ‘VAT’15% ‘พิธา’ สอน ‘อิ๊งค์’ ต้องปฏิรูปภาษี

"พิธา" แนะรัฐบาลปฏิรูปภาษีทั้งระบบ ดีกว่าเจาะจงที่แวต ถามตัวเลข 15% มาจากไหนไม่เข้าใจ ด้านประธานหอการค้าขอนแก่นระบุการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มควรขึ้นไม่เกิน 10%

'พิธา' แนะรัฐบาลปฏิรูปภาษีทั้งระบบ มากกว่าปรับขึ้น VAT 15% สงสัยอยู่ดีๆก็โพล่งมา

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวรัฐบาลมีแนวคิดขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม 15% ว่า ภาษีในประเทศ มีทั้งภาษีทางตรง

'พิธา' ลุยช่วยหาเสียงเลือกนายก อบจ.อุบลฯ หวังเป็นตาอยู่ ศึก 2 ขั้วใหญ่ชนกันเอง

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคประชาชน ลงพื้นที่ช่วยนายสิทธิพล เลาหะวนิช ผู้สมัครนายก อบจ.อุบลราชธานี