งอแงหนักมาก! เลขาฯก้าวไกล อภิปรายด่ารัฐบาลข้ามขั้ว ไม่เป็นประชาธิปไตยอีกแล้ว

22 ส.ค.2566 - ในมีการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 4 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

โดยพรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอชื่อของนายเศรษฐา ทวีสิน จากพรรคเพื่อไทย เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย หลังจากได้ประกาศจับมือจัดตั้งรัฐบาล 11 พรรคการเมือง จำนวน 314 เสียง เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา.

เวลา 11.36 น. นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคก้าวไกล (ก.ก.) อภิปรายว่า เหตุผลที่สส.พรรคก้าวไกล ไม่สามารถเห็นชอบ นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ได้วันนี้ ไม่ใช่เรื่องคุณสมบัติของผู้ถูกเสนอชื่อตามที่มีการกล่าวหา แต่เหตุผลง่ายๆ เพราะเราเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ เป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ขัดต่อเจตจำนงประชาชนที่ได้แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา เมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 ว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการยุติรัฐบาล และการเมืองที่สืบทอดอำนาจจากรัฐประหารของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พวกเราเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่เป็นอยู่ ไม่ใช่ความพยายามสลายขั้วความขัดแย้ง แต่เป็นการต่อลมหายใจให้ระบอบคสช.วางไว้ และจะดำเนินสืบไป

นายชัยธวัช กล่าวอีกว่า หลายคนพูดว่าการจัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษเป็นความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นักการเมือง พรรคการเมือง จำเป็นต้องกลืนเลือด จ่ายต้นทุนทางการเมืองมหาศาล โดยมีวาระประชาชน และวาระประเทศ เป็นตัวตั้ง ซึ่งราคาต้นทุนที่สังคมไทยต้องจ่ายให้กับการจัดตั้งรัฐบาลแบบพิเศษ ประการแรก คือ ความหวัง ซึ่งการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.66 เคยเป็นวันแห่งความหวังของประชาชน ที่จะให้การเมืองไทยออกจากมรดกของรัฐประหารได้โดยสันติ เสียงของพวกเขาจะทำให้การเมืองไทยเดินหน้าสู่อนาคต

นายชัยธวัช กล่าวต่อว่า ประการต่อมาคืออำนาจ ประชาชนเคยเชื่อว่าระบอบประชาธิปไตย อำนาจสูงสุดคืออำนาจของประชาชน แต่เมื่อเขาออกไปใช้อำนาจของตัวเองในการเลือกตั้ง ปรากฏว่าการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง กลับเป็นการจัดตั้งรัฐบาลพิเศษที่อนุญาตให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิพอเป็นพิธี แต่จะไม่มีวันยอมให้อำนาจเป็นของประชาชนจริงๆ ประชาชนเพิ่งค้นพบว่าตอนนี้ประชาธิปไตยบ้านเรา กลายเป็นระบอบประชาธิปไตยอันมีประชาชนเป็นไม้ประดับ แต่ไม่ใช่เจ้าของอำนาจอย่างแท้จริง และสุดท้ายคือความศรัทธา การตั้งรัฐบาลแบบพิเศษกำลังทำให้เราสูญเสียความศรัทธาในระบบรัฐสภา ทั้งที่เป็นพื้นฐานสำคัญในระบอบประชาธิปไตย เมื่อประชาชนหมดศรัทธาย่อมเป็นสัญญาณอันตรายต่อการเมืองของประเทศในอนาคต

นายชัยธวัช กล่าวด้วยว่า ตนอยากฝากความหวังดีไปยังสมาชิกรัฐสภาทุกท่าน ว่าหัวใจของปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา คือการปะทะกันระหว่างอำนาจประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้งกับอำนาจที่ไม่ได้มาจากประชาชน วันนี้เรายังหาทางออกทางการเมืองไม่ได้ เราเห็นว่าทางออกจากความขัดแย้งที่ยืดเยื้อไม่ใช่การสลายขั้วอย่างผิวเผินด้วยการจัดตั้งรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้ว แต่ต้องเป็นระบบการเมืองที่วางอยู่บนฉันทามติของหลักการอำนาจสูงสุดต้องเป็นของประชาชน และเมื่อไหร่ที่เรายังสยบยอมหรือต่อลมหายใจให้กับระบบที่เราเรียกว่าประชาธิปไตย แต่ตอบไม่ได้ว่าประชาชนอยู่ตรงไหนในระบบนี้ เราจะไม่มีทางสลายความขัดแย้งหรือหาทางออกได้

“ผมทราบดีว่าประชาชนจำนวนมากนับล้านคนกำลังผิดหวัง โกรธ คับข้องใจ กับการเมืองที่เกิดขึ้น แต่ผมอยากเรียนทุกท่านว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมา สะท้อนแล้วว่าสังคมไทยได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่อาจยังเปลี่ยนไม่มากพอ ดังนั้น แม้ท่านจะไม่พอใจ รู้สึกผิดหวัง แต่ขออย่าหันหลังให้การเมือง เราต้องช่วยกันคนละไม้คนละมือ มามีส่วนร่วมทางการเมือง และเปลี่ยนแปลงให้ได้ ทำให้ระบอบประชาธิปไตยเป็นประชาธิปไตยจริงๆ ทำให้อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของประชาชนจริงๆ” นายชัยธวัช กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ก้าวไกล' ไม่กังวลถูกยุบพรรค 'ชัยธวัช' บอกคุยลูกพรรคหลายรอบแล้ว

นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงการที่ศาลรัฐธรรมนูญขยายเวลาให้พรรคก้าวไกลแก้ข้อกล่าวหาในคดีล้มล้างการปกครอง ว่า คดีนี้มีความร้ายแรงมากกว่าคดีก่อนหน้าที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์

สส.ระยอง ก้าวไกล ตั้งข้อสงสัยวางเพลิงโรงงานเก็บสารเคมี 'วิน โพรเสส' จี้รัฐบาลตรวจสอบ

นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีไฟไหม้โรงงานเก็บสารเคมีของบริษัท วินโพรเสส จำกัด ว่า ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ตนได้ลงพื้นที่จุดหลังเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้าถึงเวลา 22.00 น.