ทักษิณโผล่ กระพือปม 'อภิสิทธิ์ชน' คนจนมีแต่คุก คนโกงชาติลอยนวล

แฟ้มภาพ

“สาทิตย์” เตือน ทักษิณ คนไทยไม่ได้โง่ อย่าเล่นกับระบบ อภิสิทธิ์ชน ท้าทายความรู้สึก  คนจนมีแต่คุก คนโกงชาติไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว เบรกตรรกะวิบัติมาสกัดก้าวไกล

17 มี.ค.2567 – ที่บ้านวงศ์หนองเตย ถ.เทศบาล 5 ต.ห้วยยอด อ.ห้วยยอด จ.ตรัง นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายก อดีต สส.ตรัง และอดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเองคิดว่ากรณีของนายทักษิณเป็นกรณีที่ท้าทายต่อความรู้สึกของคนไทย ประชาชนไทยแล้วก็ระบบนิติรัฐ นิติธรรมของไทยเป็นอย่างมาก ถ้าใช้ภาษาวัยรุ่นก็ต้องใช้คำว่าอย่าล้อเล่นกับระบบ ก็คือ กรณีของนายทักษิณ เป็นกรณีที่ประชาชนมีความรู้สึกมากว่านี่เป็นระบบอภิสิทธิ์ชนอย่างแท้จริง  ความจริงนายทักษิณกับคณะเคยโจมตีกล่าวหาเรื่องแบบนี้มาโดยตลอด ว่าเมืองไทยมีคนมีอิทธิพลนอกรัฐธรรมนูญบ้าง มีอภิสิทธิ์ชนบ้าง มีชนชั้นบ้าง มีเรื่องไพร่กับเรื่องอำมาตย์บ้าง แต่วันนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับคดีของนายทักษิณกับกรณีของการติดคุกทิพย์มันชี้ให้เห็นว่า นายทักษิณกำลังทำสิ่งนั้นให้เป็นจริง จะด้วยความร่วมมือของรัฐบาลโดยข้าราชการหรือโดยอะไรก็ตามแต่

 นายสาทิตย์ กล่าวว่า แต่กรณีนี้มันเป็นกรณีท้าทายความรู้สึกของคนว่า คนจนที่เคยติดคุก แม้คดีเล็ก ๆ อย่าง ขโมยกล้วย คดีอย่างไม่มีที่ดินทำกินไปแผ้วถางที่ป่า แม้เพียงไม่กี่ตารางวาก็ติดคุกมาแล้ว แต่คนซึ่งเคยโกงชาติโกงบ้านเมืองโดนพิพากษาชัดเจนไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว  แล้วก็มีกระบวนการของรัฐเข้าไป ช่วยเหลือดูแลมากมาย มันยิ่งถ่างความรู้สึกความเหลื่อมล้ำเรื่องของชนชั้น เรื่องของอภิสิทธิ์ชนกับชาวบ้านธรรมดา เรื่องของคนจน จนทำให้เขามีความรู้สึกว่าคุกของเมืองไทยมีไว้ขังคนจนจริง ๆ  ยิ่งนายทักษิณได้พักโทษออกมา  ผมอยากจะใช้คำว่ามันยิ่งท้าทายกับความรู้สึกของประชาชนมากมากขึ้น  ด้วยการนั่งเครื่องบินส่วนตัวไปกับลูกสาวซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในขณะนี้ โดยที่นายกรัฐมนตรีไม่มีสิทธิเสนอความคิดเห็นสักเอะ ก็ได้แต่หลบไปต่างประเทศ แล้วเวลาไปด้วยเครื่องบินส่วนตัวก็อ้างว่าไปเยี่ยมบ้านเกิด ซึ่งเรื่องป่วยไม่ป่วยมันชัดกันอยู่แล้วว่าตอนนี้ คือคนไทยไม่ได้โง่ ดูแล้วว่าคุณเล่นละครอะไรกัน แต่ว่ามันมีข้าราชการไปต้อนรับ มีนักการเมืองไป 

“อันนี้ยิ่งเป็นการท้าทายกับความรู้สึกของชาวบ้านธรรมดาหาเช้ากินค่ำมากมายว่า  อภิสิทธิ์ชนกำลังครองอำนาจในประเทศปัจจุบันนี้  ข้าราชการที่ไปต้อนรับรวมถึงนักการเมือง ความจริงควรมีมโนธรรมสำนึก ถามตัวเองว่าในพระราชบัญญัติบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีราชการก็พึงจะส่งเสริมนิติรัฐ นิติธรรม แล้วก็ควรจะปฏิบัติเช่นไร กับคนซึ่งเคยเป็นผู้ต้องหาเป็นนักโทษและถูกตัดสินว่ากระทำความผิดกฎหมาย แล้วก็ยังเป็นผู้ได้รับโทษอยู่ เพียงแต่ว่าพักโทษเท่านั้น แต่ว่าการแห่กันไปต้อนรับขนาดนี้ในเชิงของกฎหมาย พระราชบัญญัติบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีตนมองว่าผิด  ซึ่งทั้งหมดนี้พอรวมกันแล้วผมคิดว่ามันทำให้การเมืองมันมีความไม่แน่นอน เพราะการล้อเล่นหรือท้าทายหรือเหยียบย่ำความรู้สึกของประชาชนมันเป็นความรู้สึกที่สะสมอยู่ในใจ  หลายคนก็มีความรู้สึกว่า สิ่งที่เสื้อเหลืองก็ดี เสื้อแดงก็ดีเคยต่อสู้กันมาถูกหลอกทั้งสองข้าง  สุดท้ายชนชั้นนำก็จับมือกัน ที่ผ่านมาก็เล่นละครกัน และประชาชนก็ลุกขึ้นต่อสู้ตามความเชื่อของตัวเอง  แต่สุดท้ายชนชั้นนำเขาก็ประนีประนอม จับมือกัน ก็เป็นการตบตาหลอกคนทั้งประเทศ ความจริงมันเห็นเด่นชัดมากขึ้นทุกวัน  ผมก็ไม่กล้าทำนายว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร” นายสาทิตย์ ระบุ

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ขณะนี้ก็มี สว.บางคนพยายามจะออกมาพูดในทำนองว่า เฮ้ยต้องประนีประนอม ต้องดีกับทักษิณเพราะว่าเป็นการสกัดก้าวไกล ตนเองมองว่ามันคนละเรื่อง  การพยายามมาสร้างตรรกะแบบผิด ๆ แบบนี้  มันยิ่งทำให้ ความรู้สึกของประชาชน รู้สึกว่าตัวเองถูกเหยียบย่ำ ถูกหลอกมากขึ้นโดยกลุ่มชนชั้นนำ  ไม่ว่าเป็นนักการเมืองไม่ว่าจะเป็นข้าราชการระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นอดีตข้าราชการหรือใครก็ตาม ซึ่งการทำแบบนี้ตนเองคิดว่ามันยิ่งสร้างความคับข้องใจในทางการเมือง

“การออกมาสร้างตรรกะผิด ๆ ชี้นำสังคมแบบนี้ แล้วก็ยังเหยียบย่ำคนที่เคยต่อสู้ว่า เฮ้ย เงียบกันไปหมดแล้ว โน่น นี่ นั้น ที่คนเขาเงียบไม่ได้แปลว่าเขาไม่คิด คนเขาเงียบไม่ได้แปลว่าคนเขาจำนน คนเขาเงียบไม่ได้แปลว่าเขายินยอมถูกเหยียบย่ำตลอดกาล แต่ความรู้สึกที่มันคุคั่งอยู่ในใจคน มันก็รอวันที่จะปะทุออกมาเป็นปฏิกิริยาทางการเมืองบางอย่าง ซึ่งตอบยากว่าจะเป็นไปยังไง แต่สถานการณ์มันพัฒนามากขึ้นทุกวันซับซ้อนมากขึ้น แล้วกลุ่มที่มีอำนาจก็เหิมเกริมมากขึ้นทุกวัน ทำให้ชาวบ้านคับข้องใจมากขึ้นทุกวัน ผมก็คนหนึ่งที่คับข้องใจมากในเรื่องนี้ และรับไม่ได้” นายสาทิตย์ ระบุ

เมื่อถามว่าในเมื่อนายทักษิณเข้าประเทศไทยได้แล้วต่อไปนางสาวยิ่งลักษณ์ น้องสาวนายทักษิณก็จะได้เข้าประเทศตามมานั้น นายสาทิต กล่าวว่า โมเดลเริ่มต้นก็มีความชัดเจนว่าคงจะตามกันมาซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าเขาทำกันอย่างไร  ในฐานะชาวบ้านธรรมดา เราก็ได้แต่มองตาปริบ ๆ  แต่การมองตาปริบ ๆ ก็ไม่ได้แปลว่าเราไม่คิด  การที่เราไม่พูดเราเงียบก็ไม่ได้แปลว่าเราจำนนนะ  การที่เราเงียบเราไม่พูดไม่ได้แปลว่าเรายอมรับ แต่มองอยู่ แต่ตนเชื่อว่ามันก็จะยิ่งเพิ่มความคับข้องใจให้กับสังคมไทยให้กับคนไทย กับคนที่รักความเป็นธรรม เอาเป็นว่ากองเชียร์ทั้งสองฝ่าย ว่า เอ๊ะ ที่สู้ ๆ กันมาโดนหลอกกันตลอดหรือปล่าว

นายสาทิตย์ ระบุว่า ตนเองมองว่าหลายคนรู้ว่ามันคาดหวังอะไรนายกฯเศรษฐาไม่ได้ เพราะเจ้าของพรรคตัวจริงไม่ใช่เขา ตนเองมองว่าไม่มีใครนับคุณเศรษฐาเป็นตัววัดสำคัญ มันต้องดูคนที่เป็นเจ้าของพรรคตัวจริงที่เป็นตัววัดว่าจะทำอย่างไรมากว่า เพียงแต่มันน่าเศร้าตรงที่ว่าเมืองไทยฝันจะเห็นรัฐบาลที่ดี นายกรัฐมนตรีที่ดี หลายปีมาแล้วเราไม่มี

“ทุกอย่างตั้งแต่รัฐประหารมามันถอยหลังไปเรื่อย ชีวิตความเป็นอยู่ชาวบ้านก็ลำบากขึ้นเรื่อย ๆ และปัญหาของประเทศถ้าเรียกภาษาใต้ คือ รุมสุมไปหมด แต่รัฐบาลข้างบนมัวแต่รุมช่วยผู้มีพระคุณ นายกฯก็ทัวร์แต่ต่างประเทศ แล้วก็เลี่ยงบาลีไปวัน ๆ  เรื่องบริหารประเทศไม่ได้มาดูแลความทุกยากของประชาชน แม่แต่กระทั่งฝ่ายค้านเองคนก็คาดหวังบทบาทมากกว่านี้ก็ยังอยากจะเห็นว่าทำอะไรได้มากขึ้นในฐานะประชาชน ตนมองว่าคนคับข้องใจในทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้” นายสาทิตย์ ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'แก้วสรร' แพร่บทความปอกเปลือก ทักษิโณมิคส์ บวก X กลายเป็นโครงการแจกเงินดิจิทัล

นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ เผยแพร่บทความเรื่อง "ทักษิโณมิคส์ + X = โครงการแจกเงินดิจิตอล" มีเนื้อหาดังนี้ เมื่อคราวแรกเริ่มครองอำนาจในปี ๒๕๔๖ ของพรรคทักษิณ ที่พลิกมิติการปกครองไทยด้วยชุดนโยบายการเงินที่โหมอัดฉีดประชานิยมชนิดเข้มข้นต่างๆนานา

ชงไทยบี้เมียนมา งดขายน้ำมันให้ เจรจาสันติภาพ

"โรม" เสนอให้ไทยงดขายน้ำมันให้ "เมียนมา" ปูดใช้ไทยฟอกเงินเครือข่ายซื้ออาวุธที่ใช้ปฏิบัติการ เตือนถูกดึงไปเอี่ยวร่วมฆ่าล้างเผ่าพันธุ์