'สาทิตย์' รับ 'ปชป.' เหนื่อยแน่หากไม่ปรับทัพในการเลือกตั้ง

'สาทิตย์' ยอมรับเลือกตั้งซ่อม ภาคใต้ ชุมพร-สงขลา และการเลือกตั้งทั่วไปครั้งหน้า ปชป.เหนื่อยแน่ หลังจากแกนนำพรรคหลายคนเปลี่ยนขั้ว ที่แปลกใจมากกว่าคือพรรคร่วมรัฐบาลมารุมพื้นที่ด้ามขวาน

05 ม.ค.2565 - นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เขต 2 ตรัง ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดชุมพรและสงขลา กล่าวว่า ที่ผ่านมาพรรค ปชป.ได้พยายามจะชี้แจงกับประชาชนว่า ส.ส.ที่ต้องพ้นตำแหน่งไปนั้น ไม่ได้ไปช่อไปโกงไปปล้นใครมา แต่ถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ลง ส.ส.หรือต้องพ้นจากตำแหน่งไปเพราะรักชาติบ้านเมือง ต่อสู้คัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรม ไปเป็น กปปส.ต่อสู้เพื่อประชาชน ในที่สุดมีการกระทำบางอย่างที่ถูกฟ้องแต่คดียังไม่จบ เพราะเพิ่งเป็นศาลชั้นต้น แต่ผลการตัดสินของศาลชั้นต้น มันต้องด้วยกับรัฐธรรมนูญก็ต้องพ้นจากตำแหน่ง เพราะฉะนั้นทั้ง 2 เขต ที่ ส.ส.ต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะไปต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง เราจึงขอความเป็นธรรมว่า ขอคืนเก้าอี้ให้กับเราเถอะ แม้ว่าสองคนไม่ได้ลงเองแต่คนที่มารับไม้ต่อทั้ง 2 เขต มีความพร้อม เช่น คุณน้ำหอมเขต 1 สงขลาก็ดี หรือที่ชุมพรคุณเลขาต๊าส ก็เป็นเด็กหนุ่มรุ่นใหม่ที่จบการศึกษามาจากต่างประเทศก็มีความพร้อม พอเราชี้แจงแบบนี้ทั้ง 2 ที่ประชาชนมีการขานรับพร้อมที่จะคืนความเป็นธรรมให้และเอาใจช่วย

“ที่จังหวัดสงขลายอมรับว่าจะเหนื่อยหน่อยเพราะคู่ต่อสู่แข็งแรงมาก ที่ชุมพรก็เข้มข้นไม่เบา แต่ทั้ง 2 เขต ที่เรากังวลคือการใช้อำนาจรัฐ ซึ่งโฆษกพรรคก็ออกมาพูดเรื่องทหารลงพื้นที่ ทั้งนี้ต้องถือโอกาสนี้ขอบคุณท่านผู้บัญชาการทหารบกที่ท่านเอาจริงเอาจังในเรื่องนี้และสั่งให้สอบ และล่าสุดได้รับข่าวจากชาวบ้านว่าทหารส่วนหนึ่งได้ถอนกำลังออกไปแล้วที่ชุมพร และมีการระบุว่าเสธ ต. มีตัวจริง อยู่กองทับภาคที่ 2 ตามข่าว จึงถือโอกาสนี้ขอบคุณ ผบ.ทบ. ท่านไม่ละเลย ผมเชื่อว่าการเอาทหารลงพื้นที่ไม่ใช่นโยบายของกองทัพ แต่อาจจะมีคนนอกแถวบางคนคิดทำ ซึ่งการทำแบบนี้ผมมองว่ามันทำให้กองทัพเสีย ตามที่ท่าน ผบ.ทบ. เอาจริงเรื่องนี้ผมเองขอบคุณ และผมถือว่าท่านรักษาศักดิ์ศรีของกองทัพไว้อย่างดีเยี่ยม แต่อำนาจรัฐอื่นผมเองก็กังวลฝั่งกระทรวงมหาดไทย หรือ ฝั่งอื่น ฝั่งต่าง ๆ จับตามองอยู่”

นายสาทิตย์ยังกล่าวถึงกรณีนายศิริศักดิ์ อ่อนละมัย อดีต ส.ส.ชุมพรไขก๊อกออกจากพรรคประชาธิปัตย์มีผลต่อการเลือกตั้งหรือไม่ ว่ายอมรับว่ามีผล แต่ไม่ได้เยอะถึงขนาดจะเปลี่ยนแปลงคะแนนทั้งหมดได้ ซึ่งนายศิริศักดิ์เองมีลูกชายตัวเองเป็น ส.ส.อยู่ที่ชุมพร และตัวนายศิริศักดิ์ก็เคยเป็น ส.ส. ของพรรค แต่ต่อมาก็แปรพรรคไปอยู่พลังประชารัฐ (พปชร.) เพราะฉะนั้นนายศิริศักดิ์ก็มีฐานเสียงอยู่ และรู้การทำงานภายในของพรรค ปชป.ก็มีผลกระทบอยู่บ้าง แต่ในพื้นที่ก็พอรู้ข่าวมาพอเบื้องต้น เพราะมีการทำเครือข่ายที่เข้มแข็ง ก็เชื่อว่าสามารถที่จะเอาอยู่ต้องใช้คำนี้ แต่ที่กังวลที่ชุมพรก็คือ มีข่าวเรื่องจดชื่อกันแล้ว และเริ่มเก็บบัตร ซึ่งในพื้นที่ไปร้องถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าให้ตรวจสอบด้วย เพราะการจดชื่อก็เป็นที่รู้กันว่าทำไปเพื่ออะไร ส่วนการเก็บบัตรมันผิดกฎหมายอยู่แล้วทำไม่ได้ก็ต้องไปตรวจสอบ

“ส่วนท่าทีของคุณถาวร เสนเนียมจะออกเหมือนนายศิริศักดิ์หรือไม่ ผมยังไม่ชัดเจนในเรื่องนี้ ผมพูดไม่ได้ แต่ท่านเองเพียงแต่ทราบว่าครั้งสุดท้ายพอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเช่นนั้นก็ถือว่าขาดสมาชิกภาพไปด้วย แต่เชื่อว่าหัวใจจิตวิญญาณของท่านยังผูกพันอยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ แต่ถ้าภารกิจเพื่อบ้านเมืองท่านจะคิดอย่างไรนั้น ผมยังไม่ได้ถาม”

นายสาทิตย์กล่าวอีกว่า ในส่วนการเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคประชาธิปัตย์ทางภาคใต้นั้นต้องยอมรับว่าเหนื่อยมาก ต้องใช้คำนี้ เพราะประหลาดใจที่พรรคร่วมรัฐบาลมีพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทยที่อยู่ด้วยกัน พอมีเลือกตั้งซ่อมพรรคหลักอย่างพลังประชารัฐไม่หลีกให้ใครเลยส่งแข่งทุกที่ แล้วในการทำการเมืองตอนนี้ภูมิใจไทยเค้าลงเต็มที่ ในขณะที่คู่แข่งของขั้วนี้ก็คือ พรรคเพื่อไทย ทำการเมืองอีสานซึ่งเป็นที่ใหญ่มากอย่างสบายใจเฉิบ ภูมิใจไทยซึ่งมีฐานที่มั่นอยู่บุรีรัมย์ก็ไม่ไปทำฝั่งโน้น พลังประชารัฐรู้อยู่ว่าเลขาพรรคอยู่พะเยาเหนือตอนบน เพื่อไทยก็ทำเหนือตอนบนสบายเลย ทุกคนลงมาแข่งที่ภาคใต้หมด ซึ่งเป็นฐานเดิมของพรรคประชาธิปัตย์ ก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ภาคใต้ถ้าถือว่าเป็นหนองน้ำก็เป็นหนองน้ำเล็ก อีสานเป็นหนองน้ำใหญ่ เหนือเป็นหนองน้ำขนาดกลาง ทำไมไม่ไปทำที่อีสานแข่งกับเพื่อไทย ทำไมไม่ไปทำเหนือบนแข่งกับเพื่อไทย แต่ทุกคนกลับมาแข่งกันเองในพื้นที่ภาคใต้ ก็แปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น พรรคประชาธิปัตย์เองก็ไม่ได้หวงพื้นที่เราแต่เป็นสิทธิ์ แต่ทางยุทธศาสตร์ทางการเมืองถามว่าทำแบบนี้มันเอื้อให้ใครชนะในครั้งหน้า

“ยอมรับว่าเหนื่อยแน่นอนแต่ในความเหนื่อยนี้มันมีผลดีอย่างหนึ่งคือพรรคต้องกลับมาทบทวนจุดยืนแนวทางการทำงานของพรรคโดยรวมและในภาคใต้ ผมเองเคยนัด ส.ส. ภาคใต้มาคุยที่ปากเมงรีสอร์ทครั้งหนึ่ง เราได้มีการเปลี่ยนรองหัวหน้าพรรคไปแล้ว ก็ต้องถือว่าเป็นงานที่ท้าทายมาก เพราะฉะนั้นภาคใต้จะกลับมาชนะได้ 1.ต้องมีการรวมพลังที่เหนียวแน่นของพรรคประชาธิปัตย์ภาคใต้เป็นหนึ่งเดียวแล้วขับเคลื่อนพรรคไปด้วยกัน 2. เราต้องมนโยบายเฉพาะภาค ซึ่งเคยพูดเอาไว้ที่ทุ่งสง แต่ดูเหมือนว่าจะลางเลือนในช่วงหลัง ต้องกลับมาทบทวน ผลักดันกันให้ชัด เพราะผมเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าถ้าพรรคประชาธิปัตย์ฟื้นในภาคใต้ได้ เราจะฟื้นทั้งประเทศ ต้องฟื้นใต้ก่อน”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชัยเกษม' ออกตัวไม่เกี่ยวปรับครม. ผู้บริหารพรรคจะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ สบายๆ

นายชัยเกษม นิติสิริ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เดินทางมาไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตา ศาลยาย โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า การเดินทางมาไหว้วันนี้เกี่ยวอะไรกับการปรับ ครม.หรือไม่

'อนุทิน' ไม่กังวลแบงก์ชาติท้วงแจกเงินดิจิทัล ชี้หากไม่ถูกกฎหมาย กฤษฎีกา-สภาพัฒน์ต้องแจ้งมา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหนังสือเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

'เสี่ยหนู' ขอเช็กปมเก้าอี้ 'ครูแก้ว' หลังถูก ป.ป.ช.ฟันจริยธรรมร้ายแรงก่อน

'อนุทิน' ขอเช็กรายละเอียด ตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี หลัง 'ครูแก้ว' ถูก ป.ป.ช.ชี้จริยธรรมร้ายแรงที่ดินป่าดงพะทาย

พรรคร่วมฯ เพียงเห็นชอบเชิงหลักการ รัฐบาลเล่นกลแจกเงินหมื่น หาเสียงนิยมให้พท.

'จตุพร' ซัดรัฐบาลเล่นกลซ่อนเจตนากู้เงินแจกหมื่น เชื่อปั่นความหวังเคลมดิจิทัลหาเสียงนิยมให้เพื่อไทย แต่ ปท.ชิบหายแบกหนี้ก้อนโต ชี้พรรคร่วมฯ เพียงเห็นชอบเชิงหลักการเท่านั้น

จับตา ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ '1ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์' ผ่าน THACCA

นางวิรังรอง ทัพพะรังสี ประธานเครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศ ในฐานะนิสิตเก่าคณะรัฐศาสตร์ รุ่น 30 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ว่า