แฟ้มภาพ
7 ม.ค.2565 - ดร.เสรี วงษ์มณฑา นักวิชาการด้านสื่อสารมวลชนและการตลาด โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "ถ้าพรรคไทยภักดี และพรรค 4 กุมาร รวบรวมคนเก่ง คนดี เคยมีผลงานของความสำเร็จได้มากพอที่จะชนะการเลือกตั้งใน กทม. และเขตอำเภอเมืองในต่างจังหวัดเกิน 100 พรรคใหญ่ยามนี้ลำบากแน่
สองพรรคนี้ ถ้าหากหัวหน้าพรรคใดยอมให้พลเอกประยุทธ์เป็น candidate นายกรัฐมนตรี พรรคนั้นน่าจะมีโอกาสชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงที่สูง
พรรคไทยภักดีคงชูเรื่องความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ที่เป็นจุดยืนของพรรค อาสามาปราบแดง ปราบส้ม เพื่อให้ประเทศเดินหน้าอย่างมั่น ปราศจากกลุ่มคนชังชาติ
พรรคสี่กุมารน่าจะเน้นเรื่องเศรษฐกิจ และความเป็นผู้บริหารมืออาชีพ ถ้าได้คนเก่งมาร่วม และชูพลเอกประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีก็มีโอกาส
อุบัติทางการเมืองที่น่าเป็นห่วงคือการตีความ 8 ปีของการเป็นนายกรัฐมนตรีของพลเอกประยุทธ์ ถ้าหากจบปี 2565 ก็จบ แต่ถ้าหากจบปี 2570 ก็ฉลุยค่ะ ไม่ว่าพลเอกประยุทธ์อยู่พรรคไหน
ถ้าโครงสร้างพรรคพลังประชารัฐยังเป็นอย่างปัจจุบัน พลเอกประยุทธ์คงไม่เป็น candidate ให้แก่พรรคนี้ เพราะคงจะทำงานด้วยกันยากค่ะ"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชม‘สมาคมแบงก์’ลดดอกเบี้ย0.25%
"เศรษฐา" ดี๊ด๊าชมเปาะ "สมาคมแบงก์" เด้งรับนโยบาย ลดดอกเบี้ย 0.25%
นักโทษเขย่าโผครม. อ้วนพานายกฯกินข้าวเที่ยง เอ็กซ์คลูซีฟรร.หรูกลางกรุง
"ภูมิธรรม" พานายกฯ กินข้าวเที่ยงแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับนักโทษที่โรงแรมหรูกลางกรุง
'จักรพล' รับนายกฯ ทาบนั่งเก้าอี้โฆษกรัฐบาล
นายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีกระแสข่าวเตรียมนั่งเก้าอี้โฆษกรัฐบาล ว่า
'สุวัจน์' หวนคืนชื่อเดิม 'พรรคชาติพัฒนา' แต่งตั้ง สส.แจ้ เป็นรองหัวหน้าพรรค
พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2567 นำโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า , นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ,
'ชัยเกษม' ออกตัวไม่เกี่ยวปรับครม. ผู้บริหารพรรคจะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ สบายๆ
นายชัยเกษม นิติสิริ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เดินทางมาไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตา ศาลยาย โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า การเดินทางมาไหว้วันนี้เกี่ยวอะไรกับการปรับ ครม.หรือไม่
ไทยในสายตาต่างชาติ: สมัยรัชกาลที่เจ็ด (ตอนที่ 20: การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ในสายตาผู้ช่วยทูตทหารฝรั่งเศส)
(ต่อจากตอนที่แล้ว) ในรายงานลงวันที่ 24 กันยายน 1932 (พ.ศ. 2475) ของพันโท อองรี รูซ์ ผู้ช่วยทูตทหารบกและทหารเรือประจำสยาม ประจำสถานอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสยาม มีความว่า