9 ก.ย.2567-รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัลฯ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินนโยบายรัฐบาลใหม่ที่จะแถลงต่อรัฐสภาตอนหนึ่งระบุว่า หากทำได้จะมีส่วนช่วยยกระดับประเทศไทยสู่ประเทศพัฒนาแล้วในระยะยาว แต่จะประสบความสำเร็จตามนโยบายไม่ง่ายต้องอาศัยความมุ่งมั่นในการปฏิรูปและเจตจำนงร่วมทางการเมืองอันแน่วแน่ของพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ การบรรลุเป้าหมายตามนโยบายระยะกลางและระยะยาวยังขึ้นอยู่กับพลวัตของเศรษฐกิจ การเมืองทั้งภายในประเทศและต่างประเทศในอนาคต ความท้าทายต่างๆที่ประเทศเผชิญต้องอาศัยความมีเสถียรภาพของระบอบประชาธิปไตย ความคงเส้นคงวาของนโยบาย ไม่เปลี่ยนแปลงกลับไปกลับมาหรือต้องพิจารณาให้รอบคอบรัดกุมก่อนนำเสนอ
ความต่อเนื่องในการบริหารประเทศเป็นอีกปัจจัยสำคัญในรับมือความท้าทายต่างๆ ต้องแก้ปัญหาโดยคิดนอกกรอบและทบทวนกระบวนทัศน์แบบเดิมๆ ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความถดถอยของความสามารถในการแข่งขัน ผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ปัญหาการขาดแคลนแรงงานและวิกฤติการคลังอันเกี่ยวเนื่องกับสังคมสูงวัยขั้นสุดยอดใน 10 ปีข้างหน้า ปัญหาหนี้สาธารณะและหนี้ครัวเรือน ความอ่อนแอของทุนมนุษย์และสถาบันครอบครัว เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้ต้องอาศัยวิธีการใหม่ๆ กรอบคิดใหม่ๆในการแก้ไข
“ต้องยกเลิกความคิดรวมศูนย์ทุกอย่างไว้ที่ส่วนกลาง ต้องดำเนินการกระจายอำนาจในทุกมิติอย่างแท้จริง อำนาจต้องอยู่ที่ประชาชนเจ้าของประเทศ ไม่ใช่ รัฐบาลหรือระบบราชการ การแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเป็นหลักประกันเบื้องต้นในการปฏิรูปและปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ที่จะมีแรงต่อต้านและแรงเสียดทานสูง แต่รัฐบาลต้องเดินหน้าผลักดันอย่างมียุทธศาสตร์ การสร้างโอกาสต่อยอดจากอุตสาหกรรมเดิมและส่งเสริมโอกาสในอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ต้องดำเนินการแบบผ่าตัดปฏิรูปใหญ่ ไม่ใช่วิธีดำเนินการค่อยๆทำทีละส่วนแบบปะผุ เพราะจะไม่ทันกับพลวัตการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก อุตสาหกรรมโลกและพลวัตเทคโนโลยี การสร้างรายได้จาก Soft Power ขอให้พิจารณาบทเรียนทั้งความสำเร็จและความล้มเหลวของประเทศต่างๆ ไม่ว่า จะเป็น สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร เกาหลีใต้ จีน หรือ ญี่ปุ่น เป็นต้น”
รศ.ดร.อนุสรณ์ กล่าวว่า การปฏิรูปการเมืองให้เป็นประชาธิปไตยด้วยการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ควรดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายใน 1 ปี ก่อนที่ปัจจัยเสี่ยงทางการเมืองจากรัฐธรรมนูญรุมเร้า และอาจจะสั่นคลอนต่อเสถียรภาพของระบอบประชาธิปไตยได้ ส่วนนโยบายทางด้านทุนมนุษย์ผ่านการพัฒนาคนไทยทุกช่วงวัย ทั้งมิติการศึกษาและสาธารณสุขนั้น เป็นสิ่งที่จะทำให้ “คุณภาพชีวิตของประชาชน” “สังคม” “เศรษฐกิจ” และ “การเมือง” ดีขึ้นในระยะยาว แต่เป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลาผลสัมฤทธิ์จึงจะปรากฏ ยกเว้น การต่อยอด 30 บาทรักษาทุกโรค ที่ สามารถรักษาได้ทุกที่ น่าจะมีความคืบหน้าอย่างชัดเจนตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว ส่วนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ไล่เรียงไปตั้งแต่ การบริหารจัดการน้ำ จนถึง ระบบขนส่งคมนาคม ต้องเป็นไปตามหลักวิชาการ และ โปร่งใสตรวจสอบได้ รวมทั้งต้องแสวงหาวิธีสนับสนุนโครงการลงทุนที่ไม่ก่อให้เกิดภาระทางการคลังมากเกินไป และ นำไปสู่วิกฤติฐานะการคลังในอนาคตได้ การสร้างรายได้ใหม่ของรัฐจากการจัดระเบียบเศรษฐกิจใต้ดินหรือเศรษฐกิจนอกระบบเป็นเรื่องที่ดี แต่ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบโดยศึกษาผลกระทบอย่างรอบด้าน
ส่วนนโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมให้เป็นศูนย์กลางทางด้านต่างๆต่อเนื่องจากนโยบาย IGNITE Thailand ของรัฐบาลเศรษฐานั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปได้แต่อาจต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ปีสำหรับบางอุตสาหกรรม แต่บางอุตสาหกรรมไทยมีความพร้อมมาก บางอุตสาหกรรมต้องมีการลงทุนในทักษะแรงงานอย่างจริงจัง ยกเครื่องระบบการศึกษา มีการลงทุนทางด้านการวิจัยแปรรูปสร้างมูลค่า ลงทุนและพัฒนานวัตกรรมอย่างเป็นระบบ ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตามเป้าหมาย ลำดับความสำคัญในการลงทุนตามความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบและความสามารถในการแข่งขัน พร้อมมีแผนดำเนินการอย่างชัดเจน ความต่อเนื่องของการดำเนินนโยบายจากเสถียรภาพทางการเมืองเป็นปัจจัยชี้ขาดความสำเร็จ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อภิสิทธิ์-อดีตนายกรัฐมนตรี มอง 'จุดเสี่ยง' รัฐบาลเพื่อไทย ระเบิดการเมือง วางไว้เองหลายลูก
แม้ขณะนี้จะไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมืองใดๆ แต่สำหรับ "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์" การแสดงทัศนะหรือความคิดเห็นทางด้านการเมือง
'วรงค์' เซ็งเสียเวลา 1 ชั่วโมง อุตส่าห์ตั้งใจฟัง 'อิ๊งค์' แถลงผลงาน
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานที่ปรึกษาพรรคไทยภักดี โพสต์เฟซบุ๊กว่า#แถลงนโยบายไม่ใช่ผลงาน
เอาแล้ว! กองเชียร์หัวเสีย ทุบกระบอกเสียงรัฐบาลอิ๊งค์ ทำไมสู้ฝ่ายต้านไม่ได้
นายวันชัย สอนศิริ อดีตสมาชิกวุฒิสภา(สว.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า กระบอกเสียงหรือกระบอกเสีย รัฐบาล
หนาวววว! 'อดีตบิ๊กข่าวกรอง' ชำแหละรัฐบาลมีแต่เรื่องฉาว นึกไม่ออก ประชาชนลงถนนจะเป็นไง
นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพส
รัฐบาลแพทองธาร อยู่ไม่ครบปี บิ๊กป้อม ยังสู้-พปชร.เดินหน้าต่อ
เหลือเวลาอีกเพียง 3 สัปดาห์เศษ ปี 2567 ก็จะผ่านพ้นไปแล้วเพื่อเข้าสู่ปีใหม่ 2568 ซึ่งภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2567 เป็นอย่างไร และปีหน้า 2568 จะมีทิศทางเช่นไร เรื่องนี้มีมุมมองแนววิเคราะห์จาก
เห็นทีจะลำบาก! อดีตบิ๊กเพื่อไทย ซัดนโยบายรัฐบาล ยังไม่เห็นมีอะไรทำบ้านเมืองเจริญก้าวหน้า
นโยบายรัฐบาลนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ผ่านเฟซบุ๊กว่าติดตามนโยบายการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้ ยังไม่เห็นมีอะไรที่จะทำให้บ้าน