ดร.ณัฏฐ์ แฉกฎเหล็กพรรค รทสช. ขัดรัฐธรรมนูญ-พ.ร.ป. ใช้กีดกันสส.เห็นต่าง!

นักกฎหมายมหาชนเตือน “ข้อบังคับพรรครวมไทยสร้างชาติ” ฉบับแก้ไขใหม่ เปิดช่องใช้บีบ สส.เห็นต่าง-ฝักใฝ่พรรคอื่น ขัดรัฐธรรมนูญและกฎหมายพรรคการเมือง ชี้ กกต.มีอำนาจเพิกถอน หากพบการแก้ไขไม่ชอบด้วยกฎหมาย

3 มิถุนายน 2568  - สืบเนื่องสถานการณ์ภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ภายหลังเกิดความขัดแย้งระหว่างกลุ่มที่สนับสนุนนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน ในฐานะหัวหน้าพรรค รทสช. กับ สส.กลุ่มของนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรค รทสช. ที่เตรียมย้ายออกจากพรรค รทสช. ไปสังกัดพรรคพรรคโอกาสใหม่ นั้น

ล่าสุด ดร.ณัฏฐ์ หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน แสดงความเห็นว่าขอทำความเข้าใจด้านกฎหมายมหาชน อันเป็นประโยชน์สาธารณะว่า ข้อบังคับพรรคการเมือง จะต้องไม่ขัดต่อมาตรา 14 และต้องมีรายการตามมาตรา 15 แห่ง พรป.พรรคการเมือง พ.ศ.2560 หากกระทำฝ่าฝืน ในกรณีปรากฏว่าข้อบังคับพรรคการเมืองนั้นขัดต่อมาตรา 14 หรือมาตรา 15 กฎหมายพรรคการเมืองในมาตรา 17 วรรคสามบัญญัติให้นายทะเบียนพรรคการเมืองรายงานให้ กกต.เพื่อพิจารณาและมีมติเพิกถอนข้อบังคับพรรคนั้น และให้แจ้งมติ กกต.ให้ กก.บห.พรรคการเมืองภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ กกต.ลงมติ

"ในการนี้ กก.บห.พรรคการเมืองต้องดำเนินการแก้ไขข้อบังคับให้ถูกต้องหรือครบถ้วนภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ เมื่อพ้นระยะเวลาดังกล่าว หากไม่มีการแก้ไขหรือยังแก้ไขไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน ให้พรรคการเมืองนั้นสิ้นสภาพความเป็นพรรคการเมือง"

กรณีประกาศนายทะเบียนพรรคการเมืองเรื่องการเปลี่ยนแปลงข้อบังคับพรรครวมไทยสร้างชาติที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ลงนามในวันที่ 16 พฤษภาคม 2568 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2568

การพ้นสมาชิกภาพความเป็นสมาชิกพรรค ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 27 แห่ง พรป.พรรคการเมืองไว้แล้ว คนร่างไม่ได้เก่งเหนือเมฆอะไร เพียงไปเพิ่มกฎเหล็กเพิ่มเติม ซึ่ง พรป.พรรคการเมืองเป็นกฎหมายมหาชน ประเภทหนึ่ง หากไม่ได้บัญญัติไว้ในกฎหมาย ย่อมไม่สามารถนำไปเขียนข้อบังคับพรรคให้แตกต่าง หากนำไปเขียนในข้อบังคับพรรค ย่อมไม่มีผลสมบูรณ์ตามข้อบังคับพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งแตกต่างจากกฎหมายเอกชน เน้นความเท่าเทียมระหว่างเอกชนด้วยกันย่อมเขียนยกเว้นไว้แต่ แต่พรป.พรรคการเมือง ข้อบังคับพรรคจะเขียนและใช้บังคับกับสมาชิกพรรคให้ขัดต่อ พรป.พรรคการเมืองไม่ได้ โดยเฉพาะพรรครวมไทยสร้างชาติ มี สส.สังกัดพรรค แต่ข้อบังคับพรรค ไม่ได้ระบุกรณี มติพรรค ให้ สส.พ้นจากสมาชิกภาพ ต้องมีองค์ประชุม จำนวน 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วม กก.บห.และ สส.ที่สังกัดพรรคนั้น ดังนั้น ข้อบังคับพรรคในข้อแก้ไขกฎเหล็กจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 101(9)

สิ่งที่ต้องพิจารณาว่า ข้อบังคับพรรคชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ดังนี้

1.ข้อบังคับพรรค รสทช. ต้องผ่านมติที่ประชุมใหญ่ ต้องย้อนไปตรวจสอบว่า รายงานการประชุมที่ระบุไว้ กับบุคคลที่เข้าร่วมประชุมพรรค ครบถ้วนตามจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองหรือไม่

ดร.ณัฏฐ์ อธิบายว่า การแก้ไขข้อบังคับพรรค รทสช. ฉบับใหม่  ต้องกระทำในที่ประชุมใหญ่ตามมาตรา 38 วรรคหนึ่ง(2) แห่ง พรป.พรรคการเมือง หมายความว่า ต้องเห็นชอบจากมติที่ประชุมใหญ่ของพรรครวมไทยสร้างชาติ

 ในการประชุมจะต้องแจ้งให้สมาชิกพรรค เข้าร่วมประชุม และมีวาระการประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรค พร้อมรายละเอียดแก้ไขข้อบังคับพรรคให้สมาชิกต้องได้อ่านเนื้อหา ก่อนมีมติเห็นชอบ   ไม่ได้หมายความว่า หัวหน้าพรรค กระทำลับลวงพราง และไม่มีในวาระการประชุม ดังนั้น ตามที่นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.นำไปประกาศข้อบังคับใหม่ ต้องย้อนกลับไปตรวจสอบว่า การประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2568 เป็นไปตามเงื่อนไขตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองหรือไม่  หากไม่ครบเงื่อนไข การประชุมไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นโมฆะ ส่งผล การแก้ไขข้อบังคับพรรคไม่ชอบด้วยกฎหมาย

2.ในส่วนข้อบังคับพรรคที่แก้ไขใหม่ ประเด็น การสิ้นสภาพความเป็นสมาชิกพรรค เป็นกรณีมีความเห็นต่าง-ฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่น หากเป็น สส.การสิ้นสภาพ สส.จะต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ 

ดร.ณัฏฐ์ อธิบายว่า ข้อบังคับพรรค ต้องไม่ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญและไม่ขัดต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยรัฐธรรมนูญบัญญัติถึงกรณีสมาชิกภาพความเป็น สส.สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (9)  เฉพาะกรณีขับออก มติพรรค ต้องประกอบด้วย เสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ ของที่ประชุมร่วมของ กก.บห. และ สส.ที่สังกัดพรรคการเมืองนั้น  

แต่กรณีข้อบังคับพรรคใหม่ ให้สิ้นสภาพเป็นสมาชิกพรรค นั้น ในรัฐธรรมนูญบัญญัติให้สิ้นสภาพโดยการลาออก มิใช่พ้นสภาพสมาชิก สส.ด้วยข้อบังคับพรรค ทั้งใน มาตรา 27 วรรคสอง แห่ง พรป.พรรคการเมือง ตามข้อบังคับพรรค รทสช.ไม่ได้เขียนไว้ว่า สส.จะพ้นจากสมาชิกภาพ จะต้องเป็นการประชุมร่วม ระหว่าง กก.บห.และ สส.ที่สังกัด ด้วยเสียง สามในสี่ ย่อมขัดต่อ พรป.พรรคการเมืองและรัฐธรรมนูญ

การเขียนข้อบังคับลักษณะนี้ เป็นการจำกัดเสรีภาพทางการเมืองและใช้บังคับไม่ได้ แม้นายแสวง บุญมีจะลงนามแล้ว ย่อมใช้อำนาจตามมาตรา 17 วรรคสาม รายงานให้ กกต.ทราบและเพิกถอนข้อบังคับพรรคไม่ชอบด้วยกฎหมายได้

ดร.ณัฏฐ์ อธิบายด้วยว่า การพ้นสมาชิกพรรค มาตรา 27 วรรคสอง พรป.พรรคการเมือง ใช้เกณฑ์ การประชุมร่วม กก.บห.พรรค และ สส.ด้วยเสียง 3 ใน 4 จึงจะพ้นจากสมาชิกพรรค แต่ข้อบังคับพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ได้เขียนไว้ จึงเป็นปัญหาว่ากฎเหล็กที่สอดใส้ใช้บังคับแก่ สส.ที่เห็นต่าง -ฝักใฝ่พรรคการเมืองอื่นไม่ได้ พูดภาษาชาวบ้าน ข้อบังคับพรรคในข้อ  53 (5)(6)(7)ใช้บังคับไม่ได้

“หากกลุ่มนายสุชาติ ชมกลิ่น รมช.พาณิชย์ กับ สส.อื่น ประกาศย้ายไปสังกัดพรรคการเมืองอื่น ย่อมไม่ทำให้สถานะ สส.สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วิปรัฐบาล ไฟเขียวร่างพรบ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข นิรโทษกรรมคดีการเมือง ไม่รวม ม.112

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) ได้มีมติรับร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข ที่เสนอโดยนายวิชัย

'ดีเอสไอ' ยันสำนวนคดีฮั้วเลือก สว. จะส่งถึงประธาน กกต. ภายในปี 68

"ดีเอสไอ"ยัน สำนวนคดีฮั้ว สว. ในมือ “7 อรหันต์“ จะส่งถึงประธาน กกต.ภายในปี 68 หลังเตรียมสรุปสำนวนพร้อมความเห็นไต่สวนมากกว่า 200 ราย ให้ ”กกต.“ พิจารณากลางเดือน ก.ค.นี้ เผยพยานคดีอั้งยี่-ฟอกเงินกลุ่มแรก ทยอยเข้าให้ปากคำชี้แจงเส้นทางการเงิน

ร้อง กกต. ฟัน ปชป. ปม 'เดชอิศม์-ชัยชนะ' นั่ง รมต. ส่อขัดข้อบังคับพรรค

'ศรีสุวรรณ' บุก กกต. ร้องสอบ ปชป. ปมส่ง 'เดชอิศม์-ชัยชนะ' นั่งรัฐมนตรี ส่อขัดข้อบังคับพรรค อาจเข้าข่ายผิดจริยธรรม เสี่ยงโทษปรับ-เพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง-ยุบพรรค

ลดค่าไฟจริงจังอีกครั้ง! 'พีระพันธุ์' ลุยรื้อโครงสร้างไฟ หนุนโซลาร์รูฟท็อป

รัฐบาลเดินหน้าลดค่าไฟฟ้าอย่างเป็นรูปธรรม “พีระพันธุ์” เตรียมรื้อแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ หนุนบทบาท กฟผ. ลดพึ่งพาเอกชน พร้อมผลักดันกฎหมายติดโซลาร์รูฟท็อปง่ายขึ้น แก้ปัญหาค่าไฟแพงถึงต้นตอ