'วิโรจน์' น้อมรับคำวิจารณ์ เป็นนั่งร้านให้ 'รัฐบาลอนุทิน' ลับปาก 36 ขุนพล ถล่มวันแถลงนโยบายแล้ว

16 ก.ย.2568- ที่อาคารอนาคตใหม่ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคประชาชนถูกกล่าวหาเป็นนั่งร้านให้พรรคภูมิใจไทยจัดตั้งรัฐบาล ว่า เรื่องคนที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงการทำงานของรัฐบาล และเป็นเหตุผลหนึ่งที่มีการจำกัดระยะเวลาของรัฐบาลพรรคภูมิใจไทยที่ต้องยุบสภาภายใน 4 เดือน ให้เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยเฉพาะกาลเพื่อภารกิจบางอย่างเท่านั้น น้อมรับเคารพเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าพรรคประชาชนเป็นนั่งร้าน ยกมือโหวตให้นายกรัฐมนตรีจากพรรคภูมิใจไทย แต่พรรคประชาชนก็ต้องตรวจสอบไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลสีน้ำเงิน รัฐบาลสีแดง ซึ่งหากยกมืออีกฝ่ายก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นนั่งร้านให้อีกฝ่ายหนึ่งอยู่ดี

นายวิโรจน์ เข้าใจดีถึงความอึดอัดถึงคณะรัฐมนตรีบางคนที่ถูกข้อกังขาของสังคม แต่เชื่อว่าด้วยรัฐธรรมนูญปี 2560 ด้วยรัฐสภาเสียงปริ่มน้ำ ต่อให้เลือกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หน้าตารัฐมนตรียังคงวนเวียนอยู่กับกลุ่มเดิม การเปลี่ยนแปลงที่ดีที่สุดคือการคืนอำนาจให้กับประชาชน และยุบสภาเลือกตั้งใหม่ เพื่อให้ได้รัฐบาลที่ชอบธรรมมาจากการเลือกตั้ง ส่วนในวันแถลงนโยบายพรรคประชาชน มีการเตรียมกรอบในการอภิปรายไว้แล้ว โดยจะมีการอภิปรายประเด็นการประคับประคองเศรษฐกิจในระยะเวลา 4 เดือน รับผิดชอบโดยนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน รวมถึงท้วงติงรัฐบาลเพื่อเตือนหรือส่งสัญญาณว่าสิ่งใดไม่ควรกระทำ ซึ่งตนเองเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งคดีฮั้ว สว เขากระโดง และการเข้ามาของนายทุนที่เชื่อมโยงไปถึงทุนฝั่งกัมพูชา ตนเองและสส.อย่างน้อย 36 คน จะรวบรวมข้อมูลและอภิปรายท้วงติง พร้อมปักหมุดตรวจสอบ ครม.อนุทิน 1 ไว้ล่วงหน้า

เมื่อถามว่าการอภิปรายจะสามารถลบความคลางแคลงใจว่าเป็นฝ่ายค้านจริงได้หรือไม่ นายวิโรจน์ ระบุว่า ต้องดูที่เนื้อหาสาระ ซึ่งเราได้รับมอบหมายให้ดำเนินการเรื่องนี้ได้อย่างอิสระ โดยที่ไม่ต้องคำนึงถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ไม่ต้องคำนึงถึงเจ้าของปราสาทสายฟ้า ดำเนินการตามเนื้อผ้า เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจบทบาทของพวกเรามากขึ้นจากการอภิปราย และการตัดสินใจครั้งนี้เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองจริง ๆ เราคำนวณแล้วว่าหากรัฐบาลมีความจริงใจที่จะเปิดประตูบานแรกเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ ผ่านการทำประชามติ 4 เดือนก็เพียงพอแล้ว และให้ยุบสภาคืนอำนาจให้กับประชาชน และจะได้รัฐบาลที่มีความชอบธรรมปลดโซ่ตรวนจากรัฐธรรมนูญปี 2560

ส่วนกรณีที่นางสาวรักชนก ศรีนอก สส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่าเพราะพรรคประชาชน พรรคภูมิใจไทยจึงได้โควตารัฐมนตรีคนนอกโปรไฟล์ดี ๆ เข้ามาอยู่ในครม. จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่ามีการตกลงตำแหน่งรัฐมนตรีกันมาก่อนหรือไม่ นายวิโรจน์ ย้ำว่าเราไม่ประสงค์ที่จะร่วมรัฐบาล ต้องการแค่รัฐบาลเสียงข้างน้อย 4 เดือนเท่านั้น หากเราคิดถึงคณิตศาสตร์การเมืองแบบดั้งเดิม สส. 10 คนต่อ 1 รัฐมนตรี ก็เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีว่าจะจัดการอย่างไร ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของนายอนุทิน

“ถ้าเขาตั้งหน้าตารัฐมนตรีที่ดี เขาก็ควรได้รับคำชมจากประชาชน ถ้าเขาตั้งรัฐมนตรีเป็นคนที่ประชาชนไม่ต้องการถูกวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบจากประชาชน นายอนุทินก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบ ผมว่าคุณรักชนกคงสัมภาษณ์ในลักษณะของคณิตศาสตร์มากกว่า แต่ในการเจรจาไม่มี ในส่วนนี้ขอตอบสั้น ๆ ว่าเราไม่ร่วมรัฐบาล ” นายวิโรจน์ กล่าว

สำหรับหน้าตาคณะรัฐมนตรีจะสามารถพาประเทศไปสู่เป้าหมายภายใน 4 เดือนตาม MOA หรือไม่ นายวิโรจน์ มองว่าหน้าตารัฐมนตรีก็เป็นส่วนหนึ่ง เป็นความตั้งใจของรัฐบาลที่พยายามจะไม่เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเชิงลบจากประชาชนในวันแรก ยืนยันว่าระยะเวลาเพียงแค่ 4 เดือน รัฐมนตรีที่ได้รับการแต่งตั้งมีหน้าที่ประคับประคองบ้านเมืองไปสู่การยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ เชื่อว่ารัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมาก ได้ฉันทามติจากประชาชนจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายที่สัญญาให้กับประชาชนได้

นายวิโรจน์ ย้ำว่า ต้องยอมรับว่า รัฐมนตรีต่อให้เป็นซุปเปอร์แมน ถ้าอยู่ในสภาวะที่สภาฯ ปริ่มน้ำแบบนี้ขับเคลื่อนไปได้ยากพอสมควร เชื่อว่าหน้าตารัฐมนตรีที่ดี อย่างน้อย ๆ ก็สามารถประคับประคองรัฐบาล เพราะจะไม่ถูกการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากประชาชนจะทำงานให้ราบรื่นขึ้น ยืนยันว่า จะใช้กลไกทางสภาฯ ตั้งกระทู้ถามสด เสนอญัตติด่วนด้วยวาจา และคณะกรรมาธิการที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบรัฐบาล รวมถึงการอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งถ้าเกิดมีความชัดเจนชัดแจ้ง ก็จะยกมือคว่ำรัฐบาล.