กพท. มอบ AOL ให้ “แอร์ อินเตอร์ทรานสปอร์ต” ชูมาตรฐานการบินของไทย หนุนการเติบโตธุรกิจขนส่งทางอากาศ

กพท. มอบใบอนุญาตประกอบกิจการค้าขายการเดินอากาศให้ บริษัท แอร์ อินเตอร์ทรานสปอร์ต จำกัด ชูมาตรฐานสากล พร้อมสยายปีก Air Cargo รองรับการเติบโตของธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ หนุนส่งออกสินค้าไทย มุ่งเน้นความรวดเร็ว ปลอดภัย ติดตามได้  ประกาศเพิ่มฝูงบินอีก 4 ลำ เริ่มให้บริการ Q2 ปีหน้า

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2565 ณ ห้องประชุมสุวรรณภูมิ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย นายทศพล วงศ์กิติกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอร์ อินเตอร์ทรานสปอร์ต จำกัด หรือ สายการบินบัดเจ็ตไลน์ เข้ารับมอบใบอนุญาตประกอบกิจการค้าขายการเดินอากาศ (Air Operating Licence หรือ AOL) จาก นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เพื่อเตรียมความพร้อมในการดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศ เพื่อให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ภายใต้มาตรฐานการบินในระดับสากล

นายสุทธิพงษ์ คงพูล ผู้อำนวยการสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย  (กพท.) กล่าวว่า ใบอนุญาตประกอบกิจการค้าขายการเดินอากาศ หรือ AOL เป็นหนึ่งในใบอนุญาตสำหรับการประกอบกิจการการบินพลเรือนที่มีความสำคัญสำหรับกิจการสายการบิน โดยมีกฎระเบียบและข้อกำหนดต่าง ๆ ตามกฎหมาย ภายใต้มาตรฐานสากล เป็นการยืนยันว่าผู้ได้รับใบอนุญาตจะเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสำหรับการดำเนินธุรกิจที่แท้จริง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ “มาตรฐานสู่ความยั่งยืน” ของ กพท. ในการส่งเสริมและพัฒนากิจการการบินพลเรือนให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืน ด้วยการรักษาและพัฒนาระบบกำกับดูแลที่เป็นธรรม เป็นไปมาตรฐานสากล ติดตามและปฏิบัติตามมาตรฐานและข้อแนะนำที่พึงปฏิบัติขององค์กรระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

“ใบอนุญาตประกอบกิจการค้าขายการเดินอากาศ มีความสำคัญมากสำหรับการประกอบกิจการสายการบิน ทุกครั้งที่มีสายการบินได้รับมอบ จึงหมายถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของ กทพ. และกิจการสายการบินในประเทศไทย ภายใต้มาตรฐานสากล” ผอ.กพท. กล่าว

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทยหลังสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19  ในปี 2565 นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาเดินทางโดยเครื่องบินมากขึ้น โดยเฉพาะเที่ยวบินในประเทศที่มีความคึกคักจากภาคการท่องเที่ยว ปัจจุบันตัวเลขฟื้นตัวประมาณ 80% เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2562 ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมีตัวเลขกลับมาราว 50%

ขณะเดียวกัน การเติบโตของบริการขนส่งสินค้าทางอากาศ (Air Cargo) ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจสายการบินสามารถประคับประคองตัวในช่วงโควิด-19 โดยสายการบินหลายแห่งเริ่มปรับรูปแบบการให้บริการจากการขนส่งผู้โดยสารมาเป็นการขนส่งสินค้าเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ประกอบกับกระแสความนิยมในการซื้อขายออนไลน์ที่ขยายตัวทั่วโลก รวมทั้งศักยภาพในการส่งออกสินค้าไทย ที่มีโอกาสเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง

นายทศพล วงศ์กิติกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอร์ อินเตอร์ทรานสปอร์ต จำกัด (สายการบินบัดเจ็ตไลน์) กล่าวว่า สายการบินบัดเจ็ตไลน์เป็นสายการบินของคนไทย 100 %  ดำเนินธุรกิจขนส่งผู้โดยสาร (Passenger Carrier) ขนาดเล็ก ในลักษณะ Air Taxi มาเป็นเวลา 7 ปี โดยมีเครื่องบินจำนวน 3 ลำ ปัจจุบันได้ขยายธุรกิจสู่บริการขนส่งสินค้าทางอากาศ  (Air Cargo) เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสในการเติบโตของอุตสาหกรรมการขนส่งทางอากาศ จากปัจจัยการเติบโตของการซื้อ-ขายผ่าน E-Commerce Platform โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการรับสินค้าที่รวดเร็ว รวมทั้งสินค้าที่เน่าเสียง่าย เช่น สินค้าทางการเกษตร ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบของการขนส่งโดยเครื่องบิน

บริษัทฯ ได้เริ่มเตรียมแผนการดำเนินธุรกิจรับขนส่งสินค้าทางอากาศในระดับภูมิภาคของประเทศไทยและระหว่างประเทศตั้งแต่เดือนมกราคม 2564 ที่ผ่านมา และได้จัดตั้งสายการบินเพื่อรับ-ส่ง สินค้าทางอากาศ ใช้ชื่อทางการค้าว่า “Budget Lines Cargo”  อยู่ในฝูงบินของ บริษัท แอร์ อินเตอร์ ทรานสปอร์ต จำกัด ให้บริการรับเคลื่อนย้ายสินค้าทางอากาศ ไม่ว่าจะเป็นหีบห่อ, สิ่งตีพิมพ์, สินค้าเน่าเสียง่าย เช่น เนื้อสัตว์หรือพืชผลทางการเกษตร, สารเคมีและก๊าซภายใต้แรงดัน รวมไปถึงสินค้าอันตรายที่ได้รับอนุญาตให้ขนย้ายทางอากาศได้ ด้วยอากาศยานที่ออกแบบเพื่อการขนส่งสินค้าโดยเฉพาะ

การเข้ารับใบอนุญาตประกอบกิจการค้าขายการเดินอากาศ จากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ถือเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานในการประกอบกิจการภายใต้กฎหมายที่กำหนด เตรียมพร้อมสำหรับการให้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศที่จะเริ่มให้บริการได้ภายในไตรมาสที่ 2 ปี 2566  สำหรับแผนดำเนินงาน 5 ปีแรก บริษัทฯ จะทำการบินด้วยอากาศยานแบบโบอิ้ง 737-800 จำนวน 4 ลำ ไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชีย มีปริมาณการขนส่งลำละ 20-22 ตันต่อเที่ยวบิน  โดยบริษัทฯ จะให้ความสำคัญต่อความตรงเวลา สินค้าปลอดภัย สามารถติดตามสินค้าได้ และมีราคาที่สามารถแข่งขันได้   

 “ประเทศไทยอยู่ในพิกัดที่ค่อนข้างดีมาก มีศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางการคมนาคมทางอากาศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบกับความอุดมสมบูรณ์ทางอาหาร มีผลผลิตทางการเกษตรจำนวนมากที่ยังเป็นโอกาสในการส่งออก คาดว่าการเติบโตของธุรกิจการขนส่งทางอากาศ จะมีส่วนผลักดันให้ประเทศไทยเป็นกลับมาเป็นศูนย์กลางของการขนส่งทางอากาศได้ในอนาคต” นายทศพล กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กพท.กางแผนปี 66 เร่งออกใบรับรองสนามบินสาธารณะ 13 แห่ง

กพท.เตรียมออกใบรับรองสนามบินสาธารณะ คาดปีนี้ออกครบ 13 แห่ง ขณะที่ปี 67 ครบทั้ง 39 แห่ง เครื่องหมายการันตีสนามบินปลอดภัยได้มาตรฐานสากล

กพท.ชี้อุตสาหกรรมการบินกลับมาโตอีกครั้งภายในปี 67-68

กพท.มั่นใจแนวโน้มอุตสาหกรรมการบินหลังโควิด-19 คาดกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 67-68 หลังผู้โดยสาร-เที่ยวบินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่งสัญญาณดี พร้อมเร่งแผนแม่บทโดรนรองรับการขยายตัว คาดเคาะร่างฉบับแรกภายในปีนี้

ทอ.นั่งไม่ติด! สอบวุ่น ภาพเครื่องบินปริศนาจอดซ่อม

ภาพ “เครื่องบิน”ปริศนาจอดซ่อมว่อนเน็ต  ทอ.สั่งสอบย้อนหลังการขอใช้พื้นที่   เผยศิษย์การบินชื่อ “โอ๋” ขออนุญาติถูกต้อง อยู่ระหว่างการขอเปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าของเครื่อง ชี้ นักบิน “โต้ง” ทำการบินไปบ่อฝ้ายจริง เผยประวัติ เพื่อนตท.22 ผบ.เหล่าทัพ  

กพท.ร่ายยาวแจงดราม่าผู้โดยสารพิการไม่ได้รับบริการวีลแชร์ลงจากเครื่องบิน

กพท.ร่ายยาวแจงข้อเท็จจริงข่าวผู้โดยสารพิการไม่ได้รับบริการวีลแชร์ลงจากเครื่องบินที่สนามบินสุวรรณภูมิ ชี้ไทยมีกฎหมายเทียบเท่าสากล ย้ำต้องไม่คิดค่าบริการช่วยเหลือผู้โดยสาร เตรียมผุดข้อกำหนดบังคับทุกแอร์ไลน์ หวังยกระดับตามมาตรฐานICAO

กพท. เตรียมเชิญ ‘นักบิน–ผู้ช่วยนักบิน’ ถกกรณีนกแอร์ไถลออกนอกทางวิ่ง 3 ก.ค.

กพท.เตรียมเชิญ ‘นักบิน–ผู้ช่วยนักบิน’ถกประเด็นข้อสงสัยกรณีอพยพผู้โดยสารล่าช้า กำชับสนามบิน–สายการบินเร่งคลี่คลายสถานการณ์ คาดสนามบินเปิดใช้งานได้ตามปกติ 4 ส.ค.นี้

กพท.ออกใบรับรองความปลอดภัยสนามบินสาธารณะให้ ‘อู่ตะเภา’

กพท. มอบใบรับรองฯ สนามบินสาธารณะให้ สนามบินอู่ตะเภา ย้ำมีความปลอดภัย ได้มาตรฐานสากล ชี้เป็นสนามบินนานาชาติแห่งแรกที่ได้รับมอบ เป็นสนามบินเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ 3 ของไทย สามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง200 ล้านคนต่อปี