การประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลครั้งที่ 16’ ปี 2567
กรุงเทพฯ/ การประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลครั้งที่ 16’ ปี 2567 ผู้แทนสภาองค์กรชุมชน ทั่วประเทศ ระดมข้อเสนอเชิงนโยบายให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบ
วันที่ 19 ธันวาคม 2567 เครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตำบลทั่วประเทศ ร่วมกับ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ ‘พอช.’ สังกัด กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จัด ‘การประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล’ ครั้งที่ 16 ประจำปี 2567 ซึ่งมีผู้แทนสภาองค์กรชุมชนจาก 77 จังหวัด ทั่งประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิ หน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมจำนวนกว่า 200 คน ห้องประชุมไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม ณ สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ถนนนวมินทร์ เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ
ที่ประชุมรวบรวมข้อเสนอเชิงนโยบาย
การจัดประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลเป็นไปตาม ‘พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ.2551’ ที่กำหนดให้มีการจัดประชุมระดับชาติปีละ 1 ครั้ง โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 16 มีเป้าหมายสำคัญเพื่อรวบรวมข้อเสนอและแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ประชาชนทั่วประเทศประสบมานำเสนอในที่ประชุม และรวบรวมสังเคราะห์ นำเสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรัฐบาลเพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่อไป3
ที่ประชุมรับรองประธานในที่ประชุมระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลปี 2567
โดยในวันนี้ เป็นการประชุมเพื่อรวบรวมข้อเสนอเชิงนโยบายจากการประชุมมอบให้แก่ผู้แทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) โดยมี นางสาวสนธยา บุณยภูษิต หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางมารับมอบข้อเสนอ พร้อมด้วย นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชนฯ ในการประชุมครั้งนี้ที่ประชุมได้คัดเลือกให้นางสาววิภาศศิ ช้างทอง ประธานเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนจังหวัดสุพรรณบุรีเป็นประธานในที่ประชุมระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลปี 2567 เป็นสมัยที่2
ทั้งนี้นับตั้งแต่ พ.ร.บ.สภาองค์กรชุมชน พ.ศ.2551 ประกาศใช้ ปัจจุบันเป็นระยะเวลา 16 ปี มีการจัดตั้งสภาองค์กรชุมชนในระดับตำบล เทศบาล และเขต (ใน กทม.) ขึ้นมาทั่วประเทศ รวม7,785 แห่ง มีสมาชิกที่เป็นองค์กรชุมชนทั้งสิ้น 156,497 องค์กร
กระทรวง พม. เป็นตัวแทนรัฐบาลรับข้อเสนอเชิงนโยบายของสภาองค์กรชุมชน
กระทรวง พม. ตัวแทนรัฐบาลรับข้อเสนอเชิงนโยบายของสภมองค์กรชุมชน
นางสาวสนธยา บุณยภูษิต หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวง พม. กล่าวว่า ได้รับทราบผลการดำเนินงานขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นของสภาองค์กรชุมชน จากสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน ที่ได้สนับสนุนและพัฒนาความเข้มแข็งให้สภาองค์กรชุมชนตำบลที่มีจำนวน 7,785 แห่ง ซึ่งคิดเป็นกว่าร้อยละ 99 ของจำนวนท้องถิ่นทั่วประเทศ เป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ของประชาชน ทำให้สภาองค์กรชุมชนมีบทบาทในการพัฒนาความเข้มแข็งของชุมชนท้องถิ่นร่วมกับหน่วยงานภาคีต่าง ๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และหน่วยงานอื่น ๆ
นางสาวสนธยา กล่าวต่อไปอีกว่า ปัจจัยความสำเร็จ เกิดจากศักยภาพที่เข้มแข็งของผู้นำองค์กรชุมชน ผู้นำสภาองค์กรชุมชนที่มีความเข้มแข็ง ได้ร่วมมือกับผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ในการพัฒนาและแก้ไขปัญหาในพื้นที่ ร่วมมือกันพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น เป็นกำลังที่สำคัญในการร่วมกันพัฒนาประเทศ ภารกิจตามพระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. ๒๕๕๑ การประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล เป็นช่องทางหนึ่งในการนำเสนอปัญหา ความต้องการพัฒนาและแนวทางการแก้ไขปัญหาของประชาชนจากพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีและกระทรวงต่าง ๆ รับไปพิจารณาดำเนินการ ซึ่งโอกาสนี้ได้รับมอบข้อเสนอเชิงนโยบายของสภาองค์กรชุมชนเรียบร้อยแล้ว และจะนำเสนอตามขั้นตอนเพื่อนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป
นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการ พอช. กล่าววถึง พระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. 2551 มีเจตนารมณ์ในการส่งเสริมให้สภาองค์กรชุมชนตำบลเป็นกลไกการพัฒนาความเข้มแข็งของชุมชน สามารถจัดการตนเองได้อย่างยั่งยืน และมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นและพัฒนาประเทศ ดังนั้น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) จึงมีอำนาจหน้าที่ส่งเสริม และสนับสนุนให้มีการจัดตั้ง พัฒนากิจการของสภาองค์กรชุมชนตำบล รวมทั้งส่งเสริมในส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นการติดตามประเมินผลการจัดตั้งและส่งเสริมภารกิจของสภาองค์กรชุมชนตำบล ซึ่งที่ผ่านมาสภาองค์กรชุมชนตำบล เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานทางยุทธศาสตร์การพัฒนาในระดับพื้นที่ ผลักดันให้เกิด “พื้นที่กลาง” เพื่อปรึกษาหารือกันของประชาชนในพื้นที่ การรับฟังปัญหาความเดือดร้อน ความต้องการพัฒนา และข้อเสนอแนะในการแก้ไขซึ่งเป็นการส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพผู้นำองค์กรชุมชน และสร้างความร่วมมือกับภาคีพัฒนาไปพร้อมด้วย
นายกฤษดา กล่าวต่อ สำหรับปี 2567 คณะกรรมการดำเนินการตามกติกาที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ร่วมกับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน จึงได้ร่วมกันจัดประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ประจำปี 2567 เพื่อให้ผู้แทนสภาองค์กรชุมชนตำบลในระดับจังหวัดได้มีเวทีปรึกษาหารือ นำเสนอปัญหาความความเดือดร้อน รวมทั้งระดมความคิดเห็นเพื่อพัฒนาความเข้มแข็งของสภาองค์กรชุมชนจากแต่ละพื้นที่ นำมาประมวลเป็นประเด็นร่วม จัดทำเป็นแผนพัฒนาชุมชนท้องถิ่น เสนอต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายกฤษดา กล่าวในตอนท้าย
ข้อเสนอจากชุมชนท้องถิ่นทั่งประเทศถึงรัฐบาล
นางสาววิภาศศิ ช้างทอง ประธานในที่ประชุมระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบลปี 2567 กล่าวว่า ตาม มาตรา 32 (1) กำหนดมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการจัดตั้งและพัฒนาสภาองค์กรชุมชนในระดับตำบลให้เกิดความเข้มแข็งและพึ่งตนเองได้ เพื่อพัฒนาสภาองค์กรชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง มีบทบาทในการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนาทางพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิตของประชาชน
นางสาววิภาศศิ กล่าวต่อ ในการประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ประจำปี 2567 ในครั้งนี้ ได้จัดขึ้น 2 วันโดยในวันที่ 18ธันวาคม ที่ผ่านมา เป็นการจัดสมัชชาสภาองค์กรชุมชน กิจกรรมที่จัดขึ้นมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นเข้มแข็งและประมวลสังเคราะห์ข้อเสนอแนะต่อการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ โดยมีผู้นำสภาองค์กรชุมชน ผู้ทรงคุณวุฒิ ภาคประชาสังคม นักวิชาการ และเจ้าหน้าที่สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน เข้าร่วม ส่วนในวันนี้ วันที่ 19 ธันวาคม 2567 เป็นวันประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล
สำหรับข้อเสนอเชิงนโยบายเพื่อนำต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติสภาองค์กรชุมชน พ.ศ. 2551 ซึ่งประกอบด้วย ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายและแผนพัฒนาทางเศรษฐกิจ สังคมและกฎหมาย รวมทั้งการจัดทำบริการสาธารณะของหน่วยงานของรัฐหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีผลต่อพื้นที่มากกว่าหนึ่งจังหวัดทั้งด้านเศรษกิจ สังคม คุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม และสรุปปัญหาที่ประชาชนในจังหวัดต่าง ๆ ประสบและข้อเสนอแนะแนวทางการแก้ไขเพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีพิจารณาสั่งการ ตามมาตรา 32 จำนวน 4 ประเด็น ข้อเสนอที่จะมอบต่อรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป นางสาววิภาศศิ กล่าวสรุปในตอนท้าย
ผู้แทนสภาฯมีข้อเสนอเชิงนโยบายของที่ประชุมในระดับชาติฯ
ข้อเสนอเชิงนโยบายของที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล ปี 2567
1) การกระจายอำนาจในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และการขับเคลื่อนจังหวัดบูรณาการสู่จังหวัดจัดการตนเอง
2) การสร้างสวัสดิการสังคมและรัฐสวัสดิการ
3) การแก้ไขปัญหาที่ดินทับซ้อนระหว่างรัฐกับประชาชน การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแบบมีส่วนร่วม
- กรณีการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน ทับซ้อนที่ดินทำกิน/ที่อยู่อาศัยของประชาชน
- (ร่าง) พระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ ด้านที่ดินและป่าไม้ พ.ศ. ….
4) สรุปปัญหาที่ประชาชนจังหวัดต่าง ๆ ประสบ และข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไข
- การปกป้องและจัดการทรัพยากรเพื่อความมั่นคงทางอาหาร
- การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืน
- การป้องกันและรับมือภัยพิบัติ
MOU4 หน่วยงาน เสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชน
MOU 4 หน่วยงาน เสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชนในการอำนวยความเป็นธรรม ฯ
นอกจากการประชุมเพื่อรวบรวมข้อเสนอเชิงนโยบายการแก้ไขปัญหาของชุมชน เสนอต่อรัฐบาลแล้ว ในเวทีวันนี้ยังได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ “การเสริมสร้างความเข้มแข็งชุมชนในการอำนวยความเป็นธรรม
ช่วยเหลือการดำเนินคดี และคุ้มครองสิทธิชุมชนและประชาชน” ระหว่าง สภาองค์กรชุมชน โดย นางสาววิภาศศิ ช้างทอง ประธานที่ประชุมในระดับชาติของสภาองค์กรชุมชนตำบล กับสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) โดย นายกฤษดา สมประสงค์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ โดย พลตำรวจโทสรศักดิ์ เย็นเปรม ประธานกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ กับสำนักงานจเรตำรวจ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รอง ผบช.ภ.6 รรท.จตร.(หน.จต.) และสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อแสดงความร่วมมือและเจตนารมณ์ร่วมกันในการขับเคลื่อนการเสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชนและประชาชนในการใช้สิทธิร้องเรียนเมื่อไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยองค์กรชุมชนและเครือข่ายในการอำนวยความเป็นธรรมให้กับประชาชน ลดข้อพิพาทระหว่างรัฐกับประชาชนและชุมชน คุ้มครองสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชนให้เกิดการคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค เพื่อพิทักษ์ประโยชน์ร่วมของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม ทุกฝ่ายจึงเห็นชอบร่วมกันจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ขึ้น มีสาระสำคัญ ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 วัตถุประสงค์ของข้อตกลงความร่วมมือ เพื่อให้ความรู้และการช่วยเหลือทางกฎหมายกับประชาชนและชุมชน เพื่อสนับสนุนประชาชนให้เข้าถึงสิทธิชุมชนและสิทธิมนุษยชนตามกฎหมาย เพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนและชุมชนทางกฎหมายในการดำเนินคดีกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เพื่อสนับสนุนและช่วยเหลือให้เกิดการไกล่เกลี่ยลดข้อพิพาทระหว่างรัฐกับประชาชนและชุมชน เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนกิจกรรมการสร้างความเป็นธรรมในสังคม ข้อ 2 การบริหารความร่วมมือ เพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ จึงได้กำหนดบทบาท ภารกิจร่วมกันตามอำนาจหน้าที่แต่ละหน่วยงาน และภาคีเครือข่าย ดังนี้ สภาองค์กรชุมชน ส่งเสริมให้สมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบล องค์กรชุมชน เครือข่ายองค์กรชุมชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป เข้าถึงสิทธิมนุษยชนและสิทธิชุมชน สภาองค์กรชุมชนตำบล ร่วมมือกับหน่วยงานภาคีทางกฎหมายให้ความรู้ การช่วยเหลือทางกฎหมาย และการดำเนินคดีในกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม แก่สมาชิกสภาองค์กรชุมชนตำบล องค์กรชุมชน เครือข่ายองค์กรชุมชน ตลอดจนประชาชนทั่วไป ส่งเสริมให้สมาชิกสภาองค์กรชุมชน ร่วมกับหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือให้เกิดการไกล่เกลี่ย ลดข้อพิพาทระหว่างรัฐกับประชาชนและชุมชน ส่งเสริมและสนับสนุนให้สมาชิกสภาองค์กรชุมชน และสมาชิกเครือข่ายองค์กรชุมชน มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนกิจกรรมการสร้างความเป็นธรรมในสังคม สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) ส่งเสริมสนับสนุนการดำเนินงานของสภาองค์กรชุมชนในการขับเคลื่อนดำเนินงานตามข้อตกลงความร่วมมือ ประสานและสนับสนุนหน่วยงานองค์กรภาคี ภายใต้ความร่วมมือ ในการดำเนินงานให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของข้อตกลงความร่วมมือ คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ต.ร.) คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ (ก.ร.ต.ร.) ร่วมกับสำนักงานจเรตำรวจสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่งเสริม สนับสนุน และร่วมมือกับสภาองค์กรชุมชนในการให้ความรู้เกี่ยวกับการร้องเรียนกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรม จากการกระทำหรือไม่กระทำการอันมิชอบของข้าราชการตำรวจ หรือพบเห็นการประพฤติปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมและเสี่อมเสียแก่เกียรติศักดิ์ของตำรวจ กระทำผิดวินัย หรือละเมิดประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของตำรวจ สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งเสริม สนับสนุน และร่วมมือกับสภาองค์กรชุมชน ในการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ได้แก่ การให้คำปรึกษาหรือแนะนำเกี่ยวกับกฎหมาย การร่างนิติกรรมสัญญา การจัดหาทนายความว่าต่างแก้ต่าง ตามหลักเกณฑ์และข้อบังคับที่สภาทนายความกำหนด ส่งเสริมและสนับสนุนความร่วมมือกับสภาองค์กรชุมชน ในการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ระดับจังหวัด และระดับตำบล ข้อ 3 การมีผลบังคับใช้ การแก้ไข และการบอกเลิกบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ บันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ มีผลผูกพันกับสภาองค์กรชุมชน สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) คณะกรรมการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตำรวจ สำนักงานจเรตำรวจ และสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นระยะเวลา 2 ปี (สองปี) นับตั้งแต่วันที่ทุกฝ่ายลงนาม การเปลี่ยนแปลงแก้ไขบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้มีการเจรจาตกลงกันทุกฝ่าย และให้ทำเป็นหนังสือตามแบบและพิธีการเช่นเดียวกับการทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้ และให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เครือข่ายสวัสดิการชุมชน 5 ภาค รวมพลังทุกภาคส่วน เดินหน้าสร้างชุมชนเข้มแข็ง มุ่งสู่ความยั่งยืน
การเสริมสร้างบทบาทขององค์กรชุมชนให้มีพลังในการขับเคลื่อนพัฒนาชุมชน ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคประชาสังคม และองค์กรชุมชน
"ปลูก เปลี่ยน เมือง" : เปลี่ยนพื้นที่ว่างให้เป็นสวนผัก เปลี่ยนชีวิตให้มั่นคงและยั่งยืน เมื่อการปลูกผัก…ไม่ใช่แค่เรื่องของอาหาร แต่เป็นก้าวสำคัญในการสร้างชีวิต ความมั่นคง และเศรษฐกิจของชุมชน
สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) หรือ พอช. ได้จัดเวทีสัมมนา "ปลูก เปลี่ยน เมือง" เพื่อแนวทางการขับเคลื่อนการพัฒนาศักยภาพในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
“หัวใจคน หัวใจช้าง เสียงก้องจากป่า... เรื่องราวการอยู่ร่วมกันของคนกับช้างป่าแห่งทุ่งพระยา”
กลางผืนป่ากว้างใหญ่แห่งภาคตะวันออกของไทย ที่ซึ่งความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติยังคงดำรงอยู่ ผืนป่าที่ทอดยาวครอบคลุมหลายจังหวัดคือแหล่งอาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด
บ้านมั่นคงเขาน้อยพัทยา: แรงบันดาลใจแห่งการเปลี่ยนแปลงและความหวังของคนจนเมือง
ในมุมที่เงียบสงบของเมืองพัทยา อันเป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวและธุรกิจที่รุ่งเรือง ยังมีเรื่องราวของผู้คนที่ต่อสู้เพื่อสร้างชีวิตและความมั่นคงในที่อยู่อาศัยของตนเอง โครงการ "บ้านมั่นคงเขาน้อยพัทยา"
“บ้านมั่นคงเมือง: ถอดบทเรียน จุดประกายอนาคตการพัฒนาชุมชนที่ยั่งยืน”
วันที่ 24-25 มกราคม 2568 การสัมมนาถอดบทเรียนโครงการบ้านมั่นคงเมืองได้ถูกจัดขึ้น โดย สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน(องค์การมหาชน) หรือ พอช. นำโดยนางสาวเฉลิมศรี ระดากูล รองผู้อำนวยการ พอช.
บ้านเปลี่ยนป่า: “น้ำไผ่”ต้นแบบบ้านมั่นคงชนบท สร้างชุมชนแห่งความสุข ด้วยพลังความร่วมมือของชุมชน
วันที่ 13-15 มกราคม 2568 สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) ร่วมกับชุมชนตำบลน้ำไผ่ อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ จัดเวที "ถอดบทเรียนบ้านมั่นคงชนบทตำบลน้ำไผ่